
เพื่อนๆ เคยอ่านบทความหรือนวนิยายที่รู้สึกเหมือนเรื่องราวมันโลดแล่นอยู่ในหัวไหม? เหมือนตัวละครเดินออกมาจากหน้ากระดาษ หรือภาพธรรมชาติที่ถูกบรรยายออกมาชัดเจนจนนึกตามได้ทันที นั่นคือพลังของ “บรรยายโวหาร” หรือการใช้ภาษาที่สร้างอารมณ์และภาพพจน์ให้ผู้อ่านจินตนาการตาม
บางคนอาจสงสัยว่า “โวหาร” ต่างจาก “ภาษาธรรมดา” อย่างไร? จริงๆ แล้ว โวหารคือการใช้ภาษาที่มีชั้นเชิง ไม่ใช่แค่บอกเล่า แต่เป็นการถ่ายทอดให้เห็นภาพ รู้สึกถึงอารมณ์ และซาบซึ้งไปกับเรื่องราว บทความนี้จะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับความหมาย เทคนิคการใช้งาน และตัวอย่างที่ทำให้เข้าใจได้ชัดเจนขึ้น
ความหมายของ “บรรยายโวหาร”

บรรยายโวหาร คือ กลวิธีทางภาษาที่ใช้เพื่อสร้างความประทับใจ เร้าอารมณ์ หรือกระตุ้นจินตนาการของผู้ฟังหรือผู้อ่าน โดยไม่เน้นการสื่อสารแบบตรงไปตรงมา แต่ใช้การเปรียบเทียบ อุปมา หรือคำที่มีความหมายลึกซึ้งกว่าเดิม
ตัวอย่างเช่น แทนที่จะพูดว่า “ฟ้าสวยมาก” เราอาจใช้โวหารว่า “ฟ้าแผ่ผืนกว้างเหมือนมหาสมุทรไร้ขอบเขต” จะเห็นว่าภาพที่ได้ต่างกันอย่างชัดเจน ประโยคหลังทำให้รู้สึกถึงความยิ่งใหญ่และความงดงามมากกว่า
โวหารแบ่งออกได้หลายประเภท เช่น อุปมาโวหาร (การเปรียบเทียบ), บุคลาธิษฐาน (การให้สิ่งไม่มีชีวิตมีความรู้สึก), หรือ อธิพจน์ (การพูดเกินจริงเพื่อสร้างอารมณ์) ซึ่งแต่ละแบบก็เหมาะกับสถานการณ์ต่างกัน
ทำไมการบรรยายโวหารถึงสำคัญ?
การสื่อสารในชีวิตประจำวัน เราอาจไม่จำเป็นต้องใช้โวหารมากนัก แต่ในงานเขียนเชิงสร้างสรรค์ เช่น วรรณกรรม บทความ หรือการเล่าเรื่อง การใช้โวหารช่วยให้เนื้อหาน่าสนใจและจดจำได้ง่ายขึ้น
สมมติว่าเพื่อนๆ อยากเล่าเรื่อง “ทะเลตอนพระอาทิตย์ตก” หากใช้ภาษาธรรมดา อาจเขียนว่า “ทะเลสวยตอนเย็น” ซึ่งฟังดูเรียบๆ แต่ถ้าใช้โวหาร เช่น “ดวงอาทิตย์แดงฉานค่อยๆ จมหายลงไปในผืนน้ำ ราวกับว่าท้องฟ้ากำลังส่งจูบลาโลก” จะเห็นว่าประโยคหลังให้ความรู้สึกและภาพที่ชัดเจนกว่า
นอกจากนี้ โวหารยังช่วยสร้างอัตลักษณ์ให้กับงานเขียนของเรา ไม่ว่าจะเป็นสไตล์ลึกลับ สนุกสนาน หรือโรแมนติก ล้วนใช้โวหารต่างกันไป
เทคนิคการใช้บรรยายโวหารให้มีประสิทธิภาพ
- เลือกโวหารให้เหมาะกับเนื้อหา: หากเขียนเรื่องเศร้า อาจใช้โวหารที่เน้นอารมณ์หม่นหมอง เช่น “สายลมพัดโหยหวนเหมือนเสียงครวญของคนอกหัก” แต่ถ้าเป็นเรื่องสนุก อาจใช้การพูดเกินจริงเพื่อสร้างอารมณ์ขัน
- ไม่ควรใช้โวหารมากเกินไป: การใส่โวหารทุกประโยคอาจทำให้งานเขียนดูหนักและเวิ่นเว้อ ควรใช้ในจุดที่ต้องการเน้นอารมณ์หรือภาพเท่านั้น
- ฝึกสังเกตและจดจำโวหารจากงานเขียนอื่น: การอ่านหนังสือหรือบทความที่ดีจะช่วยให้เราเห็นตัวอย่างการใช้โวหารที่หลากหลาย
ตัวอย่างการบรรยายโวหารในวรรณกรรมไทย
วรรณกรรมไทยหลายเรื่องใช้โวหารอย่างสวยงาม เช่น ใน “พระอภัยมณี” ของสุนทรภู่ มีการใช้ “บุคลาธิษฐาน” โดยให้ธรรมชาติมีความรู้สึก:
“น้ำรินไหลนองหลั่งลงคงคา เหมือนความอาลัยรักที่จากมา”
หรือใน “สี่แผ่นดิน” ของหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช ที่บรรยายความรู้สึกด้วยการเปรียบเทียบ:
“ความเหงาในค่ำคืนนี้หนักเหมือนมีใครนั่งทับอยู่บนอก”
ทิ้งท้าย
บรรยายโวหาร ไม่ใช่แค่เครื่องมือสำหรับนักเขียนมืออาชีพ แต่ทุกคนสามารถฝึกใช้เพื่อให้การสื่อสารมีสีสันและน่าประทับใจมากขึ้น เริ่มจากสังเกตงานเขียนที่ดี ฝึกเปรียบเทียบ และทดลองใช้ในบทความหรือเรื่องเล่าของตัวเอง
ถ้าเพื่อนๆ ชอบบทความนี้ ลองนำเทคนิคไปปรับใช้ แล้วมาแชร์ผลงานกันได้นะ! หรือถ้ามีข้อสงสัยเกี่ยวกับโวหารประเภทไหน ทิ้งคำถามไว้ในคอมเมนต์ได้เลย เราจะมาช่วยกันหาคำตอบ!