เพื่อนเคยสงสัยไหมเวลาที่เราอยู่ในกลุ่มเพื่อนใหญ่ๆ แล้วบางคนกลับดูร่าเริง สนุกสนาน มีเอนเนอร์จีล้นเหลือเหมือนไม่มีวันหมด? หรือบางทีก็มีเพื่อนอีกคนที่พอเจอคนเยอะๆ จะยิ่งกระปรี้กระเปร่าเหมือนได้ชาร์จแบตตัวเอง? คนแบบนี้อาจจัดอยู่ในกลุ่มที่เราเรียกว่า “Extravert” หรือ “เอ็กซ์โทรเวิร์ต” ซึ่งเป็นลักษณะบุคลิกภาพหนึ่งที่ใครได้ยินก็ต้องสนใจ เพราะทำไมใครบางคนถึงดูคึกคักเวลาอยู่กับคนอื่น แถมรู้สึกว่าโลกน่าอยู่ขึ้นเยอะเมื่อมีสังคมล้อมรอบ
การเป็นเอ็กซ์โทรเวิร์ตนั้นไม่ได้หมายความว่าคนๆ นั้นจะมีพลังตั้งแต่ตื่นนอนจนเข้านอนเสมอไป แต่ส่วนใหญ่จะได้รับพลังหรือแรงกระตุ้นจากคนรอบข้างได้ง่าย เรียกว่าถ้ายิ่งเจอเพื่อน เจอปาร์ตี้ หรือได้คุยกับใครสักคน ก็จะยิ่งแฮปปี้เหมือนปลาที่ได้ว่ายน้ำ คนเอ็กซ์โทรเวิร์ตมักจะชอบพูดคุย แบ่งปัน และทำกิจกรรมร่วมกับผู้อื่น เรียกได้ว่า “พูดแล้วมือไม้พริ้ว ไปพร้อมกับดวงตาเปล่งประกาย” กันเลยทีเดียว
แต่แม้เราจะมองว่าเอ็กซ์โทรเวิร์ตคือคนที่ชอบสังคม รักการพบปะ แต่ก็ยังมีมุมลึกๆ ที่ชวนให้สำรวจอีกเยอะ ทั้งข้อดี ข้อจำกัด รวมถึงวิธีปรับตัวให้เข้ากับคนอื่นหรือแม้กระทั่งกับคนอินโทรเวิร์ต ในบทความนี้ เราจะพาเพื่อนไปทำความรู้จักว่า Extravert คืออะไรกันแน่ มีลักษณะเฉพาะอะไรบ้าง พร้อมทั้งเผยเคล็ดลับการใช้ชีวิตแบบที่เข้ากับเอ็กซ์โทรเวิร์ตได้ฟินๆ และหากเพื่อนสงสัยว่าตัวเองใช่เอ็กซ์โทรเวิร์ตหรือไม่ ก็จะได้คำตอบจากบทความยาวๆ นี้แน่นอน
สารบัญ
Extravert คืออะไร?
Extravert (เอ็กซ์โทรเวิร์ต) เป็นคำที่เกิดมาจากแนวคิดทางจิตวิทยาที่แบ่งประเภทบุคลิกภาพแบบกว้างๆ คนที่มีบุคลิกภาพเอ็กซ์โทรเวิร์ตนั้น มักจะรู้สึก “มีพลัง” เมื่อได้พบปะ พูดคุย หรือทำกิจกรรมร่วมกับผู้อื่นอย่างสนุกสนาน คล้ายๆ กับปลาที่แหวกว่ายได้ดีในสนามน้ำที่มีผู้คนพลุกพล่าน ยิ่งเจอสังคมก็ยิ่งฮึกเหิม มองไปทางไหนก็สดใสไปหมด หลายครั้งเอ็กซ์โทรเวิร์ตจะเป็นฝ่ายเริ่มทักทาย ทำความรู้จัก หรือชวนคนอื่นคุยก่อนเสมอ เพื่อสร้างบรรยากาศที่เป็นกันเอง
ส่วนคนที่ไม่คุ้นเคยคำว่า Extravert อาจเข้าใจผิดว่า “คงจะเป็นคนพูดเก่ง ทะเยอทะยาน หรือไม่ก็ชอบเป็นจุดสนใจ” ซึ่งในบางมุมก็ใช่ แต่ไม่ทั้งหมด เอ็กซ์โทรเวิร์ตไม่ใช่ว่าจะต้องเรียกร้องความสนใจตลอดเวลา แต่สิ่งที่โดดเด่นคือ พวกเขามีแนวโน้มที่จะดึงพลังงานจาก “การมีปฏิสัมพันธ์” กับผู้อื่น เช่น การพูดคุย สนุกกับการแชร์เรื่องราว และได้แลกเปลี่ยนความคิดกัน แถมยังรู้สึกว่านี่แหละคือการผ่อนคลายและได้เติมพลังใจ
โดยทั่วไป ความเป็นเอ็กซ์โทรเวิร์ตถือเป็นเรื่องธรรมชาติที่เกิดขึ้นจากหลายปัจจัยผสมกัน ทั้งจากพันธุกรรม สภาพแวดล้อมที่เติบโต และประสบการณ์ชีวิตต่างๆ หากถามว่าทำไมบางคนถึงเป็นเอ็กซ์โทรเวิร์ต ในขณะที่บางคนเข้ากับสังคมหนักๆ แล้วดูเหนื่อย ก็เป็นเพราะแต่ละคนมีระบบการตอบสนองต่อโลกภายในและโลกภายนอกต่างกันนั่นเอง
ลักษณะทั่วไปของ Extravert
หากมองในมุมสังคม คนเอ็กซ์โทรเวิร์ตมักถูกมองว่าเป็น “ผู้นำบทสนทนา” หรือ “คนช่างคุย” เพราะมีฝีปากที่สามารถเปิดรับทุกเรื่องราว แถมยังช่วยกระตุ้นคนอื่นให้มาเข้าร่วมวงได้อย่างเป็นกันเอง การเล่าเรื่องมักเต็มไปด้วยสีสัน น้ำเสียง และแววตาที่แสดงออกถึงความตื่นเต้น ยิ่งพูดก็เหมือนยิ่งได้เติมพลัง ตรงนี้เองจึงทำให้เอ็กซ์โทรเวิร์ตดูสดใสและกระตือรือร้น
นอกจากการพูดคุยแล้ว ลักษณะเด่นอีกอย่างคือ การแสดงออกทางสีหน้าหรือท่าทางที่ชัดเจน เราอาจเห็นเอ็กซ์โทรเวิร์ตหัวเราะเสียงดังอย่างเป็นธรรมชาติ หรือตบโต๊ะตบมือเมื่อเล่าเรื่องมันส์ๆ ให้เพื่อนฟัง บางคนชอบเล่าเรื่องชีวิตประจำวันผ่านโซเชียลมีเดีย ทำ Live หรือโพสต์สตอรี่เพลินๆ ทุกวันนี้ค่ำๆ เย็นๆ เจอเพื่อนปุ๊บก็สามารถอัปเดตชีวิตพร้อมกันได้แทบจะเหมือนดูซีรีส์
อีกแง่มุมที่มักเจอในคนเอ็กซ์โทรเวิร์ตคือ การมีหัวใจที่เปิดกว้างต่อการผูกมิตรใหม่ๆ ไม่ค่อยกลัวที่จะเจอคนใหม่ หรือไปสถานที่ที่ไม่คุ้นเอาเสียเลย ตรงข้าม กลับรู้สึกตื่นเต้นเสียอีกที่จะได้แลกเปลี่ยนความคิดกับใครก็ตาม นี่จึงทำให้เอ็กซ์โทรเวิร์ตหลายคนมีกลุ่มเพื่อนกว้างขวาง แล้วก็คอนเน็กชันยาวเป็นหางว่าว เรียกว่าเป็นเครือข่ายทางสังคมที่คึกคักและเต็มไปด้วยความอบอุ่น
ข้อดีของการเป็น Extravert
หลายคนอาจมองว่าการเป็นคนเอ็กซ์โทรเวิร์ตคือการพูดเก่งเฉยๆ แต่แท้จริงแล้ว มันมีข้อดีมากมายเลยนะ ข้อแรกคือเรื่องความกล้าแสดงออกในการสร้างเครือข่าย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว คนเอ็กซ์โทรเวิร์ตมักมั่นใจที่จะเข้าไปทำความรู้จักคนอื่นก่อน คนรอบข้างจึงมักจะจดจำพวกเขาได้ง่าย เรียกว่ามีโอกาสเปิดตัวเองสู่ประสบการณ์ใหม่อยู่เสมอ
ข้อดีอีกประการหนึ่งคือการเป็น “ละอองความสุข” ให้คนรอบข้าง เพราะเอ็กซ์โทรเวิร์ตจะมีการแสดงออกที่ค่อนข้างสดใส เวลาอยู่ในทีมทำงานหรือกลุ่มเพื่อน เขาพร้อมจะเป็นคนกระตุ้นบรรยากาศให้สนุก และหากมีข้อเสนอหรือไอเดียอะไร เอ็กซ์โทรเวิร์ตก็มักจะโยนออกมาได้ไม่อั้น บางครั้งยังทำให้เกิดแนวคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ ได้อีกด้วย เพราะการเปิดปากพูดคุยคือกุญแจการต่อยอดความคิดแบบไม่ตายตัว
นอกจากนั้น เอ็กซ์โทรเวิร์ตยังมีทักษะการสื่อสารที่ดีอย่างเป็นธรรมชาติ สามารถสร้างสัมพันธ์ระยะสั้นหรือระยะยาวได้อย่างราบรื่น หากเป็นงานที่ต้องพบปะลูกค้า หรือร่วมอีเวนต์ใหญ่ๆ คนเอ็กซ์โทรเวิร์ตมักจะเข้ากับงานเหล่านี้ได้รวดเร็ว พวกเขาไม่ค่อยเขินอายที่จะเข้าสังคมใหม่ๆ แถมยังมาพร้อมพลังบวกที่ไม่ธรรมดา จึงส่งเสริมให้ทีมและคนรอบข้างรู้สึกอุ่นใจและมีแรงฮึดไปด้วย
ข้อเสียของการเป็น Extravert
แม้ว่าความเป็นเอ็กซ์โทรเวิร์ตจะเต็มไปด้วยความสนุกสนานและพลังงานสูง แต่บางครั้งก็มาพร้อมข้อเสียที่หลายคนมองข้ามไป อย่างแรกคือการพูดเยอะ พูดเกิน และพูดเร็วจนบางทีคนอื่นอาจตามไม่ทัน เอ็กซ์โทรเวิร์ตบางคนพลาดที่จะฟังหรือเก็บรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เพราะมัวแต่กระตือรือร้นในการพูด หรือชวนคุยประเด็นต่างๆ ไปเรื่อย ทำให้ใครบางคนอาจรู้สึกว่าเขาไม่ฟังอย่างจริงใจ
อีกเรื่องคือ เอ็กซ์โทรเวิร์ตอาจต้องการการยอมรับจากกลุ่มสังคมมากกว่าคนทั่วไป พูดง่ายๆ ว่าความสุขของเขาผูกติดกับการได้รับฟีดแบ็กและแรงสนับสนุนจากคนรอบข้าง หากวันใดไม่ได้รับการยอมรับ หรือเจอผู้คนต่อต้าน เพิกเฉย อาจทำให้เอ็กซ์โทรเวิร์ตเกิดความน้อยใจ หรือถึงขั้นหมดพลังไปเลยก็ได้ เพราะพวกเขาหิวกระหายความเชื่อมโยงกับผู้คนอยู่เสมอ
สุดท้ายคือ อาจมีแนวโน้มที่จะ “เผลอแย่งซีน” หรือกลายเป็นจุดเด่นในสายตาคนอื่นโดยไม่ตั้งใจ จนบางครั้งอาจทำให้คนรอบข้างรู้สึกอึดอัด เพราะพลังงานของเอ็กซ์โทรเวิร์ตนั้นอาจล้นเกินไป หากไม่ระมัดระวังหรือจัดสมดุลให้ดี ก็อาจถูกมองว่าเป็นคนหิวแสงหรือเรียกร้องความสนใจ ทั้งที่เจตนาแท้จริงอาจแค่อยากทำให้บรรยากาศไม่เงียบเหงาเท่านั้นเอง
เคล็ดลับการพัฒนาและอยู่ร่วมกับ Extravert
สำหรับเพื่อนที่เป็นเอ็กซ์โทรเวิร์ต หรือมีเพื่อนเอ็กซ์โทรเวิร์ตร่วมงาน วิธีที่จะทำให้ทุกอย่างราบรื่นคือ “ฝึกฟังและให้โอกาสคนอื่นพูด” เอ็กซ์โทรเวิร์ตจำนวนมากพูดเป็นหลักอยู่แล้ว แต่ถ้าอยากให้การสื่อสารสมบูรณ์ แบบมีคุณภาพมากขึ้น การหยุดฟังอย่างตั้งใจ จะช่วยให้เกิดบทสนทนาที่ลึกซึ้ง และสร้างความรู้สึกดีให้คนรอบข้างได้
อีกอย่างคือ การรู้จักตั้งเวลา “พักสังคม” บ้าง แม้จะเป็นเพียงวันหรือสองวัน ที่เราอนุญาตให้ตัวเองอยู่เงียบๆ ทบทวนความคิด หรือนั่งอ่านหนังสือโปรด เอ็กซ์โทรเวิร์ตก็มีความต้องการเวลาส่วนตัวเหมือนกัน เพราะการอยู่ลำพังสักพักจะช่วยให้เรารู้สึกสมดุล ไม่วิ่งวุ่นอยู่กับการพูดคุยตลอดจนหมดไฟ ดังนั้น อย่าลืมให้เวลากับการดูแลตัวเองบ้าง
ในขณะเดียวกัน คนรอบข้างก็ควรเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับเอ็กซ์โทรเวิร์ตด้วย เช่น ถ้าเราเป็นอินโทรเวิร์ต (Introvert) ที่ต้องการความสงบ ก็อาจต้องสื่อสารให้ชัดเจนว่าตอนไหนเราพร้อมคุย หรือตอนไหนอยากอยู่เงียบๆ เอ็กซ์โทรเวิร์ตก็ต้องเคารพขอบเขตและเข้าใจว่าทุกคนไม่ได้มีพลังงานแบบเดียวกัน ตารางเวลาการพบปะหรือพูดคุยควรหาจุดกึ่งกลาง เพื่อให้ทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันได้อย่างแฮปปี้
การค้นพบตัวเองว่าใช่ Extravert หรือไม่
ถ้าเพื่อนๆ อ่านมาถึงตรงนี้แล้วอยากรู้ว่าตัวเองใช่เอ็กซ์โทรเวิร์ตหรือเปล่า วิธีง่ายๆ คือเริ่มสังเกตปฏิกิริยาของเราในสถานการณ์ต่างๆ เช่น เวลาไปปาร์ตี้ใหญ่ๆ เรารู้สึกพลังพุ่ง อยากเดินเข้าไปคุยกับคนนู้นคนนี้เต็มไปหมดไหม? หรือเวลาอยู่กับสังคมเยอะๆ เราดูแฮปปี้และกระตือรือร้นกว่าปกติหรือเปล่า ถ้าคำตอบคือใช่หลายข้อ ก็อาจใกล้เคียงกับเอ็กซ์โทรเวิร์ตแล้วล่ะ
อีกวิธีหนึ่งคือ ลองทำแบบทดสอบบุคลิกภาพที่หาได้ทั่วไปบนอินเทอร์เน็ต ซึ่งจะมีคำถามหลากหลาย เช่น “คุณชอบพูดคุยในกลุ่มใหญ่หรือไม่?” “คุณหายเหนื่อยง่ายขึ้นเวลามีเพื่อนรอบๆ ตัวหรือเปล่า?” แม้อาจไม่ใช่ข้อสรุปที่ 100% ถูกต้อง แต่มันก็ช่วยให้เราก็พอรู้ทิศทางและทำให้เรารู้จักตัวเองมากขึ้น แล้วหลังจากนั้นก็ลองแชร์ผลให้เพื่อนหรือครอบครัวดูว่าตรงกับที่เขามองเราหรือไม่
เมื่อค้นพบแล้วว่าตัวเองมีบุคลิกภาพแบบเอ็กซ์โทรเวิร์ต จะเลือกใช้ประโยชน์จากมันอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับเราเลย เราอาจจะเอาไปพัฒนางานที่ต้องติดต่อผู้คน ทำให้เรามีจุดแข็งในการพูดต่อหน้าพื้นที่สาธารณะ หรือแม้กระทั่งสร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่น ในขณะเดียวกัน ก็ต้องเรียนรู้ที่จะเคารพความต่างของคนอื่นด้วย เข้าใจว่าทุกคนมีวิธีชาร์จพลังไม่เหมือนกัน
ทิ้งท้าย
สุดท้ายแล้ว การเป็น Extravert ไม่ได้แปลว่าจะดีหรือแย่ไปกว่าบุคลิกภาพแบบอื่น มันก็แค่หนึ่งในโทนสีของโลกใบใหญ่ที่เราอาศัยอยู่ บางคนชอบปาร์ตี้ บางคนชอบอยู่เงียบๆ แต่เมื่อเราเรียนรู้และยอมรับความต่าง ตลอดจนปรับตัวเข้าหากัน ก็จะสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข เรื่องราวของเอ็กซ์โทรเวิร์ตนั้นเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่ช่วยให้เราเปิดใจกว้างและเห็นว่าความหลากหลายคือเสน่ห์อย่างหนึ่งของมนุษย์
ในทางกลับกัน หากคุณเป็นเอ็กซ์โทรเวิร์ต ก็อย่าลืมชื่นชมข้อดีของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นพลังการพูดคุยหรือความสามารถในการประสานงาน ที่จะพาให้คุณไปไกลได้ในหลายๆ สถานการณ์ แต่อีกด้านก็คือการฝึกฟัง ฟังทั้งเสียงคนอื่นและเสียงในใจของเราเอง เพราะท้ายที่สุด ไม่มีใครอยากพูดอยู่คนเดียว การสื่อสารที่ดีคือการแลกเปลี่ยนสองทาง หรือมากกว่านั้น
หวังว่าบทความนี้จะทำให้เพื่อนๆ ได้รับมุมมองใหม่ๆ เกี่ยวกับ Extravert ว่าคืออะไร จะแฮปปี้แค่ไหนเมื่อได้อยู่ในวงสนทนาใหญ่ หรืออาจดูเหนื่อยบ้างในบางโอกาส แต่ทุกอย่างก็เป็นสีสันของชีวิตทั้งนั้น อย่าลืมว่าการทำความเข้าใจตัวเอง และเคารพความเป็นตัวตนของผู้อื่น คือสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้สังคมของเราอบอุ่น มั่นคง และน่าอยู่ยิ่งขึ้น