เรื่องน่าสนใจ

ตรุษจีน (春节) คืออะไร? เจาะลึกประเพณีปีใหม่จีน

สวัสดีปีใหม่จีน – ซินเหนียนไคว้เล่อ!

เคยสงสัยไหมว่า “ตรุษจีน” แท้จริงแล้วคืออะไร? หลายคนอาจรู้จักแค่เพียงว่าคือช่วงเวลาที่ชาวไทยเชื้อสายจีน หรือชาวจีนทั่วโลก มารวมตัวกัน ไหว้บรรพบุรุษ แจกอั่งเปา ใส่เสื้อสีแดงสด และจุดประทัดเสียงดัง แต่ในความจริง ตรุษจีนมีความสำคัญเชิงวัฒนธรรมเชื่อมโยงกับแง่มุมด้านประวัติศาสตร์ ฤดูกาล และคติความเชื่อมากมาย ซึ่งสืบสานกันมานานกว่าพันปี นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดปลีกย่อยตั้งแต่หลักการนับวันตามปฏิทินจันทรคติ กิจกรรมไหว้เจ้า ขนบธรรมเนียมที่สืบทอดผ่านกาลเวลา จนถึงความเชื่อเรื่องการเสริมสิริมงคลต่าง ๆ ที่หล่อหลอมให้ “ตรุษจีน” เป็นเทศกาลปีใหม่ที่ชาวจีนยกย่องมากที่สุด

แม้จะเรียกกันว่า “ปีใหม่จีน” แต่วันตรุษจีนในแต่ละปีก็ไม่เคยตรงกันกับวันปีใหม่สากล เพราะต้องดูการโคจรของดวงจันทร์ตามปฏิทินจีน ทำให้ช่วงเทศกาลนี้มักเกิดขึ้นระหว่างปลายเดือนมกราคมถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี กิจกรรมช่วงตรุษจีนจึงกินเวลายาว 15 วัน หรือเรียกว่า “เทศกาลฤดูใบไม้ผลิ” เพราะเป็นการเฉลิมฉลองเมื่อสิ้นสุดฤดูหนาวที่หนาวจัด และเตรียมรับฤดูใบไม้ผลิที่อากาศอบอุ่นขึ้น เหมาะแก่การเพาะปลูก

บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า “ตรุษจีนคืออะไร” จุดเริ่มต้นเป็นมาอย่างไร และทำไมจึงครองใจผู้คนจำนวนมากทั่วประเทศจีนและในหลายภูมิภาคของโลก รวมถึงในประเทศไทยเราเองด้วย มาร่วมค้นหาคำตอบไปพร้อมกัน เพื่อเปิดมุมมองใหม่ และตอบโจทย์ความสงสัยที่ว่า ทำไม “ตรุษจีน” ถึงกลายเป็นเทศกาลที่ทั้งสนุก สุขสำราญ และเปี่ยมด้วยความมงคล

ตรุษจีน คืออะไร?

ตรุษจีน คืออะไร?

ตรุษจีน (春节) คือ วันขึ้นปีใหม่ตามปฏิทินจันทรคติของจีน ซึ่งถือเป็นเทศกาลประจำปีที่สำคัญที่สุดในหมู่ชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีน ในภาษาจีนยังมีชื่อเรียกว่า “เทศกาลฤดูใบไม้ผลิ” (Spring Festival) หรือ ชุนเจี๋ย (春节) เนื่องจากตรงกับช่วงเปลี่ยนผ่านจากฤดูหนาวสู่ฤดูใบไม้ผลิ โดยประเทศจีนจะเต็มไปด้วยหิมะและอากาศหนาวจัด ไม่สามารถเพาะปลูกได้ เมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ ดอกไม้และพืชพันธุ์เริ่มผลิบาน ชาวจีนจึงกำหนดให้วันแรกของฤดูใบไม้ผลิเป็นวันสำคัญของปี เปรียบเสมือน “จุดเริ่มต้นใหม่” แห่งชีวิตและการทำมาหากิน

ในมุมวัฒนธรรม “ตรุษจีน” เปรียบได้กับ “วันสงกรานต์” ของไทย เพราะเป็น “ปีใหม่” ที่ครอบครัวใหญ่จะอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา มีการพบปะเยี่ยมเยียน ญาติสนิทมิตรสหาย มีกิจกรรมไหว้เจ้าและบรรพบุรุษเพื่อระลึกถึงคนผู้ล่วงลับ ยังรวมถึงประเพณีการขอพรเทพเจ้า การจัดโต๊ะอาหารมงคล การตกแต่งบ้านด้วยสีแดงสดเพื่อขับไล่สิ่งที่ไม่ดีออกไปจากชีวิต สีแดงจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นมงคลในวันตรุษจีน จนหลายคนนึกถึงสีแดงเป็นอันดับแรก ๆ เมื่อพูดถึงเทศกาลนี้

Advertisement

ที่มาของตรุษจีน ตำนานและเรื่องเล่า

ที่มาของตรุษจีน ตำนานและเรื่องเล่า

มีตำนานพื้นบ้านอ้างว่า จุดกำเนิดของเทศกาลตรุษจีนมาจากการขับไล่ “ปีศาจหนี่ว์” (年) สัตว์ประหลาดรูปร่างคล้ายมังกรที่ปรากฏตัวช่วงสิ้นปีเพื่อออกอาละวาดทำลายพืชผลและวิถีชีวิตคนในหมู่บ้าน ชาวบ้านจึงรวมตัวกันคิดค้นวิธีไล่หนี่ว์ ด้วยการจุดประทัดที่ให้เสียงดังสนั่น และตกแต่งบ้านด้วยสีแดงอันทรงพลัง สร้างความหวาดกลัวให้กับหนี่ว์ จนไม่กล้ามาก่อกวนอีกต่อไป ต่อมาจึงถือเป็นเคล็ดประเพณีที่ต้องใช้ “สีแดง” ตลอดช่วงตรุษจีน และยังคงมีการจุดประทัดเฉลิมฉลองอย่างคึกคักจนถึงปัจจุบัน

ไม่เพียงตำนานเกี่ยวกับปีศาจหนี่ว์ เรื่องราวที่สำคัญอีกประเภทคือความเชื่อด้านการเกษตร เมื่อฤดูใบไม้ผลิมาถึง อุณหภูมิเริ่มอุ่นขึ้น หิมะละลาย ชาวจีนจึงเฉลิมฉลองพร้อมตั้งใจขอพรจากเทพเจ้าให้พืชผลอุดมสมบูรณ์ตลอดปี นอกจากนี้บางพื้นที่ยังมีความเชื่อเชิงวิถีชีวิต เช่น วันเริ่มต้นปีจัดว่าเป็นฤกษ์มงคลสำหรับการเริ่มธุรกิจใหม่ การย้ายบ้าน และการทำพิธีมงคลสมรส ฯลฯ จึงเกิดธรรมนูญปฏิบัติอีกมากมายที่สอดแทรกเข้ามา กลายเป็นประเพณีที่ผสมผสานความเชื่อพื้นบ้านและศาสนาเข้าด้วยกันอย่างแนบแน่น

ช่วงเวลาแห่งความสำคัญ: วันจ่าย – วันไหว้ – วันเที่ยว

แม้ตามคติโบราณจะเฉลิมฉลองตรุษจีนถึง 15 วันเต็ม แต่“วันหลัก” ที่ผู้คนให้ความสำคัญมากที่สุดคือ 3 วัน ได้แก่

  1. วันจ่าย: วันจ่ายเป็นวันก่อนถึงช่วงสิ้นปีตามปฏิทินจีน (มักเกิดขึ้น 1 วันก่อนวันสิ้นปี) เป็นวันที่ต้องออกไปจับจ่ายซื้อของเตรียมไหว้บรรพบุรุษและเทพเจ้าในวันรุ่งขึ้น ร้านค้าจีนหลายแห่งจะหยุดยาวหลังตรุษจีน ผู้คนจึงรีบซื้อทั้งอาหารคาว หวาน ผลไม้ เสื้อผ้า และของใช้ต่าง ๆ เผื่อเอาไว้
  2. วันไหว้: ตรงกับวันสิ้นปีตามปฏิทินจีน เป็นวันที่มีพิธีไหว้เจ้าหลายช่วงเวลา ทั้งเช้าตรู่ ช่วงสาย และช่วงบ่าย ไล่เรียงตามลำดับคือ ไหว้เทพเจ้าต่าง ๆ (ป้ายเล่าเอี๊ย) ไหว้บรรพบุรุษ (ป้ายแป๋บ้อ) และไหว้ผีไม่มีญาติ (ป้ายฮ่อเฮียตี๋) วันนี้ถือเป็นวันรวมญาติ แต่ละบ้านจะตั้งโต๊ะบูชา มีเครื่องเซ่นประเภทเนื้อสัตว์สามหรือห้าอย่าง ขนม รวมถึงกระดาษเงินกระดาษทอง เผาส่งให้ผู้ล่วงลับ ญาติพี่น้องรวมตัวรับประทานอาหารร่วมกัน และแลก “อั่งเปา” เพื่ออวยพรให้กัน
  3. วันเที่ยว: ถือเป็น “วันปีใหม่จีน” อย่างแท้จริง คนจะพากันออกท่องเที่ยว เยี่ยมญาติผู้ใหญ่ หรือเดินทางพบปะเพื่อนฝูง พร้อมใส่เสื้อผ้าใหม่สีแดงสดใส เพราะเชื่อว่าสีแดงไล่ปีศาจร้ายและนำความสิริมงคลมาให้ วันที่ทุกคนทำจิตใจให้แจ่มใส งดพูดคำหยาบ ไม่คิดลบ ไม่เอ่ยถึงเรื่องโชคร้ายในปีเก่า ตั้งใจเริ่มต้นสิ่งดี ๆ ในปีใหม่

ตรุษจีน 2568 ตรงกับวันที่เท่าไหร่?

สำหรับปี พ.ศ. 2568 หรือ ค.ศ. 2025 วันตรุษจีน (วันเที่ยว) จะตรงกับวันที่ 29 มกราคม 2568 ซึ่งเป็นวันแรกของปฏิทินปีใหม่จีน โดยวันจ่ายจะตรงกับวันที่ 27 มกราคม 2568 และวันไหว้ตรงกับวันที่ 28 มกราคม 2568 ทำให้คนไทยเชื้อสายจีนส่วนใหญ่เตรียมความพร้อมล่วงหน้าในการซื้อของ และจับจ่ายสิ่งของมงคลต่าง ๆ ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมกราคม

แม้แต่ในประเทศอื่น ๆ ที่มีชุมชนชาวจีนขนาดใหญ่ เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย ไต้หวัน หรือสหรัฐอเมริกา ก็มีการเฉลิมฉลองตรงกับปฏิทินจีนเช่นกัน บางประเทศถึงขั้นกำหนดวันหยุดราชการ เพื่อให้ผู้คนได้ท่องเที่ยวและกลับไปรวมตัวกับครอบครัวในเทศกาลอันเป็นสิริมงคลนี้

ประเพณีและกิจกรรมโดดเด่น

1. การไหว้บรรพบุรุษ

เป็นธรรมเนียมที่ขาดไม่ได้ คนจีนให้ความเคารพบรรพบุรุษอย่างสูง เชื่อว่าท่านยังคงปกป้องคุ้มครองลูกหลาน ลูกหลานจึงแสดงความกตัญญูผ่านการนำน้ำชา อาหารคาวหวาน เป็ด ไก่ หมูต้ม ขนมเทียน ขนมเข่ง และผลไม้ต่าง ๆ มาเซ่นไหว้ เมื่อเสร็จพิธีจะเผากระดาษเงินกระดาษทอง เครื่องกระดาษจำลองเป็นเสื้อผ้า บ้าน รถยนต์ เพื่อส่งไปให้กับผู้ล่วงลับ

2. การให้ “อั่งเปา”

“อั่งเปา” หรือ “แต๊ะเอีย” คือ ซองสีแดงใส่เงินที่ผู้ใหญ่จะให้แก่ลูกหลานหรือผู้ที่ยังไม่แต่งงาน เพื่ออวยพรความเจริญรุ่งเรืองและความสุข ยอดเงินมักเป็นเลขนำโชค เช่น ลงท้ายด้วยเลข 8 ซึ่งคนจีนถือว่าเป็นตัวเลขแห่งความมั่งคั่ง ส่วนใหญ่จะให้ในวันไหว้หรือวันเที่ยวก็ได้ โดยต้องกล่าวคำอวยพรที่เป็นมงคลตามไปด้วย

3. จัดโต๊ะอาหารมงคล

บนโต๊ะอาหารมงคลของตรุษจีนจะมีทั้งเนื้อสัตว์อย่าง ปลา หมู เป็ด ไก่ ตลอดจนขนมที่มีชื่อมงคล เช่น ขนมเข่ง ขนมเทียน และผลไม้สีมงคลอย่างส้ม กล้วย แอปเปิล ฯลฯ ทุกเมนูมีความหมายแฝง เช่น “ปลา” สื่อถึงความมั่งคั่งเหลือกินเหลือใช้ “เส้นหมี่ซั่ว” สื่อถึงอายุยืนยาว บางพื้นที่ทางเหนือของจีนจะปั้น “เกี๊ยว” รูปร่างคล้ายเงินโบราณ ให้ความหมายด้านความร่ำรวย

4. ประดับบ้านด้วยสีแดงและคำอวยพร

ชาวจีนมักมีธรรมเนียมทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่ก่อนตรุษจีน เพื่อกวาดโชคร้ายออกไปให้หมด แล้วยังตกแต่งประตูหน้าต่างด้วย “ตุ๊ยเลี้ยง” (คำกลอนอวยพร) หรือ “กระดาษตัดสีแดง” ที่มีคำว่า “福” (ฝู แปลว่า “โชคดี”) หรือ “春” (ชุน แปลว่า “ฤดูใบไม้ผลิ”) บางบ้านประดับโคมสีแดงด้วยความเชื่อว่าจะดึงดูดความโชคดีเข้ามา

5. กิจกรรมเชิดสิงโต-เชิดมังกร และจุดประทัด

การเชิดสิงโตและมังกรเป็นสัญลักษณ์สำคัญที่สร้างความคึกคัก มีวงดนตรีพื้นเมืองตีกลอง ฉาบ ให้คนตื่นเต้น ขณะสิงโตหรือมังกรเคลื่อนไหวไปตามเส้นทางและร้านค้า เชื่อว่าช่วยขับไล่สิ่งอัปมงคล และเรียกโชคลาภมาสู่สถานที่นั้น ๆ ส่วนการจุดประทัดเป็นสีสันที่นิยมกันทั่วโลกจีน เพื่อเฉลิมฉลองและขับไล่สิ่งชั่วร้ายตามตำนาน

ความเชื่อที่ว่าสิ่งใดไม่ควรทำในวันตรุษจีน

  1. ห้ามทำความสะอาดบ้านใน “วันเที่ยว”: คนจีนเชื่อว่าการกวาดบ้านหรือเทน้ำทิ้งในวันปีใหม่เท่ากับกวาดโชคลาภออกไป ดังนั้น ถ้าจะทำความสะอาดให้จัดการก่อนหน้านั้น
  2. ห้ามพูดคำหยาบ คำไม่เป็นมงคล: การหลุดปากพูดยากจน ตาย หรือเรื่องโชคร้าย บ่งบอกถึงลางไม่ดีสำหรับปีใหม่ จึงควรระวังวาจาให้แจ่มใส
  3. ห้ามสระผมหรือตัดผมในวันแรก: “ผม” ในภาษาจีนพ้องเสียงกับคำว่า “ร่ำรวย” การสระหรือตัดผมอาจสื่อถึงการตัดความมั่งคั่งทิ้งไป
  4. ห้ามใส่เสื้อสีดำหรือขาว: สีขาวกับสีดำถือเป็นสีแห่งความทุกข์โศก คนจีนเชื่อว่าไม่เหมาะแก่การเริ่มต้นปีใหม่ที่ต้องการแต่สิริมงคล
  5. ห้ามยืมเงินหรือทวงหนี้: เชื่อว่าหากเริ่มต้นปีใหม่ด้วยการติดหนี้หรือถูกทวงหนี้ จะนำพาโชคร้ายด้านการเงินไปตลอดทั้งปี

ความสำคัญในเชิงเศรษฐกิจและวัฒนธรรมทั่วโลก

ความสำคัญในเชิงเศรษฐกิจและวัฒนธรรมทั่วโลก

เทศกาลตรุษจีนไม่เพียงมีความสำคัญด้านประเพณีเท่านั้น แต่ยังส่งอิทธิพลด้านเศรษฐกิจและวัฒนธรรมทั่วโลกอย่างใหญ่หลวง เนื่องจากชุมชนชาวจีนมีจำนวนประชากรมหาศาลและกระจายตัวในหลายทวีป ธุรกิจการท่องเที่ยว การคมนาคมขนส่ง จนถึงการค้าปลีกและร้านอาหารต่างได้รับอานิสงส์จากการจับจ่ายใช้สอยซื้อของขวัญ ของไหว้ ของประดับ รวมถึงการเดินทางท่องเที่ยวทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ

บริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่งในจีนและประเทศเพื่อนบ้านยังถือช่วงตรุษจีนเป็น “โอกาสทอง” ออกผลิตภัณฑ์ลิมิเต็ดที่มีลวดลายสัญลักษณ์ประจำปีนักษัตร จัดโปรโมชั่นลดแลกแจกแถมกันเต็มที่ ส่งเสริมให้การจับจ่ายคึกคัก ตั้งแต่เมนูอาหารร้านดังไปจนถึงของที่ระลึกสินค้ายอดนิยม เช่น โมเดลกระต่ายทอง สุนัขทอง ฯลฯ ตามปีนักษัตร อีกทั้งรัฐบาลจีนยังสนับสนุนให้มีการจัดกิจกรรมออกร้าน งานแสดงโชว์บทบาทดั้งเดิม ก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างคนจีนกับชุมชนต่างชาติ

วิธีเสริมสิริมงคลในช่วงเทศกาลตรุษจีน

  1. ติดต่อญาติผู้ใหญ่ ขอพร: การกราบไหว้และขอพรผู้ใหญ่ เปรียบเสมือนรับพรที่มีค่า เนื่องจากคนเฒ่าคนแก่มีประสบการณ์มาก ถือเป็นการเคารพบรรพบุรุษไปในตัว
  2. ใส่เสื้อผ้าใหม่สีมงคล: สีแดง สีทอง หรือสีสดใสช่วยเสริมความโชคดี หากเสื้อผ้าชุดใหม่ยังไม่พร้อม ควรเลือกใส่อะไรที่ไม่ใช่สีดำหรือขาว
  3. ดื่มชาอุ่น ๆ และกินอาหารมงคล: ชาวจีนเชื่อการดื่มชาอุ่น ๆ ช่วยปรับพลังภายในให้สมดุล รวมถึงกินเมนูสื่อความหมายมงคล เช่น เนื้อปลา หมี่ซั่ว เกี๊ยว ฯลฯ เพื่อต้อนรับปีใหม่
  4. ติดคำอวยพรและประดับบ้านด้วยความสดชื่น: ตกแต่งบ้านให้มีชีวิตชีวา เลือกดอกไม้มงคล เช่น ดอกเหมย ดอกโบตั๋น เพื่อนำความมีชีวิตชีวาเข้าสู่บ้าน
  5. เตรียมซองอั่งเปาหรือของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับคนใกล้ชิด: แสดงถึงน้ำใจแบบจีน ให้คำอวยพรไปด้วย เป็นที่ชื่นชอบทั้งผู้ใหญ่และเด็ก

มุมมองเชิงจิตวิทยาและสังคม

สิ่งที่ทำให้ตรุษจีนมีเสน่ห์คือการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรม ความเชื่อ ประเพณี และจิตวิทยาของความหวัง สังเกตได้ว่ากิจกรรมต่าง ๆ ล้วนสร้างบรรยากาศ “การเริ่มต้นใหม่” ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนตั้งตารอ ไม่ว่าจะเป็นการขอพรเพื่ออนาคตที่ดีกว่า การให้อั่งเปาเสมือนส่งต่อพลังใจให้ผู้อื่น หรือแม้แต่การสวมเสื้อสีแดงก็ช่วยให้เรารู้สึกกระตือรือร้น

ในมิติของครอบครัว ตรุษจีนช่วยรื้อฟื้นการรวมตัวของสมาชิกหลายรุ่น การได้กลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา รับประทานอาหารร่วมกัน แลกเปลี่ยนประสบการณ์ชีวิต ส่งต่อความรู้ผ่านรุ่นสู่อีกรุ่น เป็นทั้ง “พิธีกรรม” และ “โอกาส” ที่ช่วยเชื่อมต่อความผูกพันในสายเลือด ขณะเดียวกัน สำหรับลูกหลานที่เกิดและเติบโตในต่างแดน เทศกาลนี้ยังเป็นสะพานให้ได้กลับมาสัมผัสรากเหง้าวัฒนธรรมของบรรพบุรุษชาวจีนอีกด้วย

ตรุษจีนในประเทศไทย

ตรุษจีนในประเทศไทย

ในประเทศไทย ชาวไทยเชื้อสายจีนมีอยู่จำนวนไม่น้อย กระจายตัวในชุมชนเมืองและต่างจังหวัด แต่ที่มีชื่อเสียงเป็นพิเศษคือย่านเยาวราช ซึ่งทุกปีจะจัดงานตรุษจีนอย่างยิ่งใหญ่ มีซุ้มประดับไฟ โคมแดง การเชิดสิงโต การออกร้านจำหน่ายอาหารจีน-ไทย บรรยากาศสนุกสนานคึกคัก ผู้คนจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสวยงาม มาร่วมชิมอาหารหลากหลายประเภท รวมไปถึงรับชมการแสดงทางวัฒนธรรม เช่น ระบำเชิดสิงโต เชิดมังกรบนเสาดอกเหมย ซึ่งเป็นกิจกรรมเรียกเสียงฮือฮาได้อย่างดี

นอกจากนี้ พื้นที่เมืองใหญ่หลายจังหวัดของไทย เช่น ภูเก็ต หาดใหญ่ นครสวรรค์ สุพรรณบุรี ก็มีการจัดงานเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีน ทำให้เกิดรายได้ด้านท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น เพราะนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติจะเดินทางเข้ามาเยือนเพื่อสัมผัสวัฒนธรรมและชิมอาหารอร่อย อันเป็นสัญลักษณ์โดดเด่นของเทศกาลนี้

เช็กลิสต์เตรียมตัวฉลองตรุษจีน

  1. ตรวจสอบวันเวลา: ตรวจดูปฏิทินจีนเพื่อรู้ว่า วันจ่าย วันไหว้ และวันเที่ยว อยู่ตรงกับวันไหน ปีนี้รูปแบบอาจแตกต่างกันไปเล็กน้อยในแต่ละพื้นที่
  2. ลิสต์ของไหว้: เตรียมเนื้อสัตว์ 3 หรือ 5 อย่าง (เช่น หมู เป็ด ไก่ ปลา ตับ), ขนมมงคล (ขนมเทียน ขนมเข่ง), ผลไม้มงคล (ส้ม แอปเปิล ลิ้นจี่ ทับทิม) ให้พร้อม
  3. จัดเก็บบ้าน: ทำความสะอาดใหญ่ก่อนถึงวันเที่ยว เช็ดกระจก ถูพื้น ซักผ้าม่าน ตกแต่งด้วยกระดาษสีแดง คำอวยพร เพื่อเรียกโชคดี
  4. เตรียมงบประมาณให้พร้อม: ช่วงเทศกาลค่าใช้จ่ายมักเยอะกว่าปกติ ทั้งการซื้อของไหว้ ของฝากให้ญาติพี่น้อง และค่าท่องเที่ยวต่าง ๆ ควรวางแผนการเงินให้ดี
  5. ตั้งจิตให้ผ่องใส: ในวันตรุษจีน พยายามหลีกเลี่ยงคำพูดหรืออารมณ์ที่ไม่เป็นมงคล เช่น โกรธหรือทะเลาะกัน เพื่อให้ปีใหม่มีแต่สิ่งดี ๆ

รวมคำอวยพรภาษาจีนยอดนิยม

  • 恭喜发财 (กงสี่ฟาไฉ) – ขอให้ร่ำรวย
  • 万事如意 (ว่านซื่อหรูอี้) – ขอให้สมหวังทุกประการ
  • 年年有余 (เหนียนเหนียนโหย่วหยวี๋) – ขอให้เหลือกินเหลือใช้ทุกปี
  • 身体健康 (เซินถี่เจี้ยนคัง) – ขอให้สุขภาพแข็งแรง
  • 大吉大利 (ต้าจี้ต้าลี่) – ขอให้มีโชคใหญ่และมั่งมี

ใครอยากเพิ่มความสนุก ก็อาจเขียนคำเหล่านี้ลงบนการ์ดอวยพรหรือซองอั่งเปาให้ญาติผู้ใหญ่และเพื่อนฝูงในช่วงเทศกาลตรุษจีนได้เช่นกัน

ส่งท้าย

ตรุษจีนไม่ได้เป็นเพียงวันหยุดสนุกสนานเท่านั้น หากแต่เปี่ยมด้วยความหมาย รายละเอียด และสะท้อนประวัติศาสตร์อันยาวนานของชาวจีน ตั้งแต่ประเพณีข้างต้นอย่างการกราบไหว้บรรพบุรุษ การขับไล่ปีศาจหนี่ว์ด้วยสีแดงและเสียงประทัด ไปจนถึงพิธีกรรมไหว้เจ้า การให้ซองอั่งเปา และการแต่งกายด้วยสีมงคล ล้วนเชื่อมโยงกับคติความเชื่อเรื่องความสุข ความโชคดี และ “การเริ่มต้นใหม่” ทางจิตใจ

ในยุคปัจจุบัน ตรุษจีนยังขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในหลายพื้นที่ของโลก รวมถึงประเทศไทยอย่างเห็นได้ชัด แถมยังเป็นโอกาสให้พี่น้องคนไทยเชื้อสายจีนและผู้สนใจได้ใกล้ชิดกับวัฒนธรรมจีนมากยิ่งขึ้น ฝึกภาษา ร่วมละเล่นเทศกาล ประดับประดาบ้านเรือนด้วยสีแดงสดใสอย่างสนุกสนาน

หากคุณชื่นชอบเทศกาลปีใหม่จีน และอยากมีส่วนร่วมมากขึ้น ลองเริ่มต้นจากการศึกษาขนบธรรมเนียม เตรียมของไหว้ ตกแต่งบ้าน เลือกเสื้อผ้าสีมงคล และส่งต่อคำอวยพรดี ๆ ให้คนรอบตัว เชื่อเถอะว่าพลังบวกและความอบอุ่นแบบนี้จะช่วยให้เทศกาลตรุษจีนของคุณน่าประทับใจยิ่งกว่าเดิม อย่าลืมกดแชร์หรือคอมเมนต์แบ่งปันมุมมองของคุณกับผู้อ่านคนอื่น ๆ เพื่อร่วมส่งต่อความสุขในวันขึ้นปีใหม่จีนไปด้วยกัน!

ขอให้ทุกท่านโชคดี ร่ำรวยเงินทอง สุขกายและสบายใจตลอดปี!

Advertisement

กดเพื่ออ่านต่อ
Advertisement

NaniTalk S.

เป็นนักเขียนที่ขยันขันแข็งและมุ่งมั่นที่จะผลิตเนื้อหาที่มีคุณภาพ เรียนรู้และเติบโตอยู่เสมอ เชื่อว่าเนื้อหาที่ดีสามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อโลกได้

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button