เป็นภาพที่แชร์กันทั่วไปในโลกโซเชียล กับแบรนด์น้ำอัดลมแฟนต้า น้ำแดงที่ใส่ภาพการ์ตูนนางกวักพร้อมตัวอักษร “เงินทองจงมา” จนกลายเป็นเรื่องฮาในโลกออนไลน์ในแบบที่ใครก็ต้องรับว่าเป็นความจริง
แฟนต้าน้ำแดง เริ่ดค่ะ! ประกาศศักดาเจ้าแห่งน้ำไหว้นางกวัก pic.twitter.com/Y63sfVOswL
— แม่หญิงช้วยแห่งเรือนไห (@macholu) 23 เมษายน 2561
ประวัตินางกวัก
นางกวักชื่อจริงว่า สุภาวดี บิดาชื่อ สุจิตพราหมณ์ มารดาชื่อ สุมณฑา เกิดที่เมืองมัจฉิกาสัณฑ์ มีครอบครัวประกอบอาชีพทำมาค้าขาย ต่อมาสุจิตตพราหมณ์ผู้เป็นพ่อ ได้ขยายกิจการซื้อเกวียนมา 1 เล่ม นำสินค้าไปเร่ขายในต่างถิ่น บางครั้งบุตรสาวขออนุญาตเดินทางไปด้วย เพื่อเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ ระหว่างการค้าขาย
สุภาวดีได้มีโอกาสพบกับ “พระกัสสปเถระเจ้า” เป็นอริยสงฆ์แสดงธรรม หลังจากสุภาวดีฟังธรรมเทศนาอย่างตั้งใจแล้ว พระกัสสปเถระเจ้าได้ กำหนดจิตเป็นอำนาจจิตพระอรหันต์ ประสิทธิ์ประสาทพรให้สุภาวดีและครอบครัว โดยได้ตั้งกุศลจิตประสาทพรเช่นนี้ทุกครั้งที่สุภาวดีมีโอกาสไปฟังจนจบ อำลากลับ ต่อมา สุภาวดีได้เดินทางติดตามบิดาไปทำการค้า และมีโอกาสฟังธรรมพระอริยสงฆ์อีกท่านหนึ่ง นามว่า “พระสิวลีเถระเจ้า” สุภาวดีได้ฟังธรรมอย่างตั้งใจ สุภาวดีจึงมีความรู้แตกฉานในหลักธรรมต่างๆ เป็นอันมาก พระสิวลีเป็นผู้มีชีวิตอัศจรรย์กว่าพระสงฆ์อื่น คือ ท่านอยู่ในครรภ์มารดานานถึง 7 ปี 7 เดือน จึงคลอดออกมา พร้อมด้วยวาสนา บารมี ที่ติดกับวิญญาณธาตุของท่าน ท่านจึงเป็นผู้มีลาภสักการบูชามาหาท่านตลอด เมื่อถึงคราวจำเป็นและต้องการ ทุกครั้งที่สุภาวดีได้ฟังธรรมและลากลับ พระสิวลีเถระเจ้าได้กำหนดกุศลจิต ประสาทพรให้สุภาวดีและครอบครัว เช่นเดียวกัน จิตของสุภาวดีจึงได้รับประสาทพรจากพระอรหันต์ถึงสององค์ ส่งผลให้บิดาทำการค้าได้กำไรไม่เคยขาดทุน
นางได้รับพรว่า [tds_council]”ขอให้เจริญรุ่งเรืองไพบูลย์ด้วยทรัพย์สินเงินทอง จากการค้าขายสินค้าต่างๆสมความปรารถนาเถิด” [/tds_council]
บิดารู้ว่าสุภาวดีคือผู้ที่เป็นสิริมงคลที่แท้จริง เป็นที่ไหลมาแห่งทรัพย์สมบัติของครอบครัว ครอบครัวร่ำรวยขึ้นเป็นมหาเศรษฐีมีเงินทองและกองเกวียนสินค้ามากมาย เทียบได้กับธนัญชัยเศรษฐี บิดาของวิสาขาแห่งแคว้นโกศล บิดาของสุภาวดีได้ฟังธรรมพระพุทธเจ้า ปฏิบัติธรรมด้วยความศรัทธา เมื่อนางสิ้นชีวิตแล้ว ชาวบ้านจึงปั้นรูปแม่นางสุภาวดีไว้บูชา ขอให้การค้ารุ่งเรือง และความเชื่อดังกล่าวนี้ ก็แพร่หลายเข้ามายังสุวรรณภูมิ จากการเผยแพร่ของพราหมณ์ และยังคงเป็นความเชื่อที่สืบมาจนถึงทุกวันนี้
ทำไมคนไทยจึงต้องถวายน้ำแดง?
เชื่อว่าหลายคนคงเคยสงสัยมานานแล้วว่า ทำไมคนไทยจึงต้องถวายน้ำแดง? เมื่อมีการไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เช่น กุมารทอง เจ้าแม่นางกวัก หรือศาลพระภูมิเจ้าที่ ทั้งๆที่ก็มีน้ำหลากหลายชนิด หลายสีสัน ที่สามารถนำไปถวายได้เช่นกัน หลายคนจึงสงสัยกันว่าน้ำแดงอาจจะเป็นตัวแทนของเหตุผลอะไรบ้างอย่างหรือเปล่า ซึ่งเราก็ยังหาคำตอบในส่วนนี้ไม่ได้ แต่ถ้าเราลองสักเกตให้ดีๆ เวลาเดินไปบ้านไหนหรือร้านค้าต่าง ถ้าที่นั่นมี “เจ้าแม่นางกวัก” ก็ต้องมีน้ำแดงวางไว้อยู่ด้วย จากคำถามเหล่านี้จึงมีผู้มาแสดงความคิดเห็นกันจำนวนมาก เช่น
- ความเห็นแรกอาจจะเป็นเพราะวัฒนธรรมแต่ดั้งเดิมซึ่งเปรียบเทียบกับเมื่อก่อน คนโบราณเวลาต้องการจะขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธื์ การทำพิธีกรรม สาบานหรือปฏิญานตนเองจะใช้การกรีดเลือด หรือบูชาด้วยเลือดตนเอง เป็นความศักดิ์สิทธ์ ที่สำคัญการบูชาพวกผี วิญญาณ ก็ใช้ “เลือดแทนของคาว” แต่ปัจจุบันคงจะไม่มีใครบ้ามากรีดเลือดบูชา ก็เลยวิวัฒนาการมาเป็นการใช้น้ำแดงแทน
- ความเห็นที่สองถ้าเอาตรงๆ เลยก็คือ ชาวบ้านแต่ละคนต่างก็ต้องการบนบานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตนเองนับถือ เช่น ลูกช้างขอให้ได้ ” ………” แล้วจะเอา น้ำแดงบ้าง โค๊กบ้าง เอาขนมบ้าง มาเซ่นไหว้แก้บน ทีนี้เกิดมีคนที่บนน้ำแดงไว้แล้วสมประสงค์ก็เข้าใจว่า “ถ้าเอาสิ่งนี้มาบนบานท่านคงชอบ” ก็เลยบอกกันปากต่อปากว่า ถ้ามาไหว้ท่านให้บนด้วยสิ่งนี้ ซึ่งพอลองทำกันมาแล้วมันก็ได้ผล ก็เลยเป็นธรรมเนียม บนน้ำแดง แน่นอนว่าทุกๆ ที่ไม่ได้ใช้น้ำแดงเสมอไป อย่างบนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็มีบนไข่เค็ม 100 ฟองอะไรแบบนี้เหมือนกัน
- นี่อาจเป็นความเชื่อมาตั้งแต่สมัยโบราณ ซึ่งได้ทำต่อเนื่องกันมา
- เป็นแผนทางการตลาดของบริษัทน้ำอัดลม
- สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เราถวายท่านชอบ น้ำแดง
- สีแดง อาจจะเป็นตัวแทนของเลือดก็เป็นได้ เพราะในอดีตทุกอารยธรรมก็มี ประเพณีของการ เซ่นสังเวย ด้วยสิ่งมีชีวิต เพื่อเป็นการสักกะระบูชาสิ่งที่ตนนับถือ เพื่อเป็นการสังเวยตัวตายตัวแทนของตน
- ตามหลักวิทยาศาสตร์ การให้ความรู้สึกสำคัญต่อ สีแดง น่าจะให้ความรู้สึกที่ดี มีความขลัง สร้างพลัง สร้างขวัญกำลังใจ ได้ดีกว่า
- น้ำแดง ที่ใช้ถวายไหว้กันในตอนนี้ น่าจะเปลี่ยนรูปแบบมาจากน้ำอุทัยทิพย์ เพราะในสมัยก่อนมีแต่สิ่งนี้เท่านั้นที่เป็นสีแดง
- แต่ก่อนอาจจะถวายน้ำเปล่าแต่ที่น้ำเปลี่ยนสีแดงเพราะเสียบก้านธูปลงไป จึงทำให้เชื่อมาจนถึงทุกวันนี้ว่าต้องถวาย น้ำแดง
- สีแดง เป็นสีมงคล แสดงถึง ความศักดิ์สิทธิ์ ถวายแล้วได้อานิสงมากกว่าสีอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม จากหลากหลายความคิดเห็น ก็สามารถสรุปด้วยว่า เป็นความเชื่อที่นิยมทำสืบทอดกันมานาน และสีแดงเป็นสีที่มีความหมายให้โชคลาภ ทำการสิ่งใดก็จะเจริญรุ่งเรื่อง จึงนิยมใช้น้ำแดง ถวายบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ นั่นเอง