เรื่องน่าสนใจวันสำคัญ

เทศกาลกินเจ ถึงวันไหน? กินอะไรได้บ้าง? ห้ามกินอะไร?

เทศกาลกินเจ กำลังจะมาถึงแล้ว! เทศกาลกินเจเป็นเทศกาลประเพณีที่สำคัญของชาวไทยเชื้อสายจีนและชาวไทยพุทธ ซึ่งจัดขึ้นในช่วงเดือน 9 ตามปฏิทินจันทรคติจีน ในปีนี้ เทศกาลกินเจจะตรงกับวันที่ วันอังคารที่ 21 ตุลาคม 2568 – วันพุธที่ 29 ตุลาคม 2568

Advertisement

การกินเจเป็นการงดรับประทานเนื้อสัตว์และอาหารที่มีส่วนผสมของเนื้อสัตว์ รวมถึงผักบางชนิด เช่น กระเทียม หัวหอม หลักเกี๋ยว ต้นหอม กุยช่าย งิ้วด่าน เพื่อเป็นการชำระร่างกายและจิตใจให้สะอาดบริสุทธิ์ และระลึกถึงคุณงามความดีของพระมหาโพธิสัตว์ทั้งเก้าพระองค์

การกินเจไม่ได้มีดีแค่ได้บุญเท่านั้น แต่ยังเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพอีกด้วย เพราะอาหารเจส่วนใหญ่อุดมไปด้วยผัก ผลไม้ ธัญพืช และโปรตีนจากพืช ซึ่งมีคุณค่าทางโภชนาการสูงและไขมันต่ำ การกินเจเป็นประจำสามารถช่วยลดความเสี่ยงของโรคต่างๆ เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคเบาหวาน และโรคมะเร็งได้

กินเจ คืออะไร?

เทศกาลกินเจ 2567 คืออะไร?


การกินเจ คือ การงดเว้นเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ทุกชนิด เช่น นม เนย ไข่ น้ำผึ้ง ฯลฯ รวมไปถึงผักที่มีกลิ่นฉุนและผักที่มีกลิ่นแรง เช่น กระเทียม หัวหอม หลักเกียว กุ้ยช่าย และใบยาสูบ เพื่อเป็นการไม่เบียดเบียนสิ่งมีชีวิต และเพื่อรักษาสุขภาพ

Advertisement

กินเจ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน 2525 หมายถึง การถือศีลอย่างญวนและจีนที่ไม่กินของสดคาว แต่บริโภคอาหารประเภทผักที่ไม่มีของสดของคาวผสม ซึ่งมาจากรากศัพท์คำภาษาจีนที่ว่า เจี๊ยะฉ่าย หมายถึง การกินอาหารผัก อาหารที่มาจากพืชผักธรรมชาติ ไม่มีเนื้อสัตว์ปะปน และไม่ปรุงด้วยผักฉุน 5 ชนิด ได้แก่ กระเทียม หัวหอม หลักเกียว กุยช่าย ใบยาสูบ และงดเว้นน้ำนมสด นมข้นด้วย เพราะถือว่าเป็นของสดของคาว

การกินเจมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยชาวจีนเชื่อว่า การกินเจเป็นการชำระล้างจิตใจให้บริสุทธิ์ ละเว้นกรรมจากการฆ่าสัตว์ เป็นการแสดงความเมตตาต่อสรรพชีวิต และเป็นการเสริมสร้างสุขภาพที่ดี

ในประเทศไทย การกินเจเป็นที่นิยมในช่วงเทศกาลกินเจ ซึ่งตรงกับวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 9 ตามปฏิทินจีน เป็นเวลา 9 วัน 9 คืน ในช่วงเทศกาลกินเจ ชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีนจะงดเว้นเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ทุกชนิด หันมารับประทานอาหารเจแทน โดยอาหารเจส่วนใหญ่จะปรุงจากผัก เต้าหู้ และเห็ด

การกินเจมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ เช่น

  • ช่วยลดการบริโภคไขมันและคอเลสเตอรอล
  • ช่วยให้ร่างกายได้รับใยอาหารมากขึ้น
  • ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคมะเร็ง และโรคอ้วน

นอกจากนี้ การกินเจยังช่วยลดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย เนื่องจากการผลิตเนื้อสัตว์เป็นกระบวนการที่ก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมาก

การกินเจสามารถทำได้ทุกวันหรือเฉพาะในช่วงเทศกาลกินเจ ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของแต่ละบุคคล

กินเจเพื่ออะไร?

กินเจเพื่ออะไร?

การกินเจ คือการงดรับประทานอาหารที่ทำมาจากเนื้อสัตว์ ไข่ นม หรือผักที่มีกลิ่นฉุน 5 ชนิด ได้แก่ หอม กระเทียม กุยช่าย กระเทียมเล็ก และผักชี โดยทั่วไปแล้ว การกินเจมักทำกันในช่วงเทศกาลกินเจ ซึ่งเป็นประเพณีของชาวจีนที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน โดยเชื่อว่าการกินเจจะช่วยชำระล้างจิตใจให้บริสุทธิ์ ละเว้นการเบียดเบียนสัตว์ และส่งเสริมให้เกิดความเมตตากรุณา

นอกจากนี้ การกินเจยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพในด้านต่างๆ ดังนี้

  • ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด
  • ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง
  • ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคอ้วน
  • ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น
  • ช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่จำเป็นครบถ้วน

อย่างไรก็ตาม การกินเจอย่างถูกต้องนั้น จำเป็นต้องได้รับสารอาหารที่จำเป็นครบถ้วน เพื่อให้ร่างกายได้รับพลังงานและสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ โดยควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และเลือกรับประทานอาหารเจที่หลากหลาย เพื่อให้ได้รับสารอาหารครบถ้วน

สรุปแล้ว การกินเจมีวัตถุประสงค์หลักๆ ดังนี้

  • ด้านศาสนาและความเชื่อ: เป็นการละเว้นการเบียดเบียนสัตว์ ส่งเสริมให้เกิดความเมตตากรุณา และชำระล้างจิตใจให้บริสุทธิ์
  • ด้านสุขภาพ: ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆ และช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่จำเป็นครบถ้วน
  • ด้านสิ่งแวดล้อม: ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อน

สำหรับผู้ที่สนใจจะกินเจ ควรศึกษาข้อมูลและปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ เพื่อให้สามารถกินเจได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย

อาหารเจ คือ อาหารที่ประกอบไปด้วยพืชผักและธัญพืชเป็นหลัก งดเว้นการรับประทานเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์ที่มาจากสัตว์ทุกชนิด รวมถึงผักที่มีกลิ่นฉุน 5 ชนิด ได้แก่ กระเทียม หอม (หอมใหญ่ หอมแดง ต้นหอม) กุยช่าย กระเทียมเล็ก และผักชี

อาหารเจที่กินได้ ประกอบด้วย

กินเจกินอะไรได้บ้าง?

  • ผัก ทุกชนิด ยกเว้นผักที่มีกลิ่นฉุน 5 ชนิด
  • ผลไม้ ทุกชนิด
  • ธัญพืช เช่น ข้าว ข้าวโพด ถั่ว งา ขนมปัง เส้นก๋วยเตี๋ยว
  • ผลิตภัณฑ์จากพืช เช่น นมถั่วเหลือง เต้าหู้ เต้าหู้แข็ง สาหร่าย เห็ด

การกินเจมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ เช่น ช่วยควบคุมน้ำหนัก ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ โรคมะเร็ง และโรคเรื้อรังอื่นๆ นอกจากนี้ยังช่วยส่งเสริมสุขภาพจิตและความเป็นอยู่ที่ดี

อย่างไรก็ตาม ผู้กินเจควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เพื่อให้ได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายอย่างเพียงพอ

กินเจห้ามกินอะไรบ้าง

กินเจห้ามกินอะไรบ้าง

กินเจเป็นการปฏิบัติศีลกินเจในช่วงเทศกาลกินเจ ซึ่งปฏิบัติกันทั่วโลก โดยหลักของการกินเจคือการไม่เบียดเบียนสิ่งมีชีวิต ฉะนั้นจึงห้ามกินเนื้อสัตว์ทุกชนิด รวมถึงไข่ เครื่องใน โปรตีนจากสัตว์ และอาหารอื่นๆ ที่มีเนื้อสัตว์เป็นส่วนประกอบ เช่น นม เนย ชีส โยเกิร์ต ไส้กรอก น้ำปลา น้ำผึ้ง ปูอัด ฯลฯ

นอกจากนี้ ยังมีข้อห้ามอื่นๆ ดังนี้

  • ห้ามกินผักที่มีกลิ่นฉุน ได้แก่ กระเทียม หัวหอม กุ้ยช่าย หลักเกียว
  • ห้ามกินอาหารรสจัด ทั้งเค็มจัด หวานจัด เปรี้ยวจัด หรือเผ็ดจัด
  • ห้ามดื่มสุรา เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และของมึนเมาทุกชนิด

ข้อห้ามเหล่านี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้เกิดการงดเว้นการเบียดเบียนสิ่งมีชีวิต รักษาศีล และสุขภาพที่ดี

รายละเอียดข้อห้ามกินเจ

  • ห้ามกินเนื้อสัตว์ทุกชนิด รวมถึงเนื้อหมู เนื้อวัว เนื้อปลา เนื้อไก่ เนื้อเป็ด เนื้อแกะ เนื้อแพะ เนื้อกวาง เนื้อกระต่าย เนื้อนก เนื้อสัตว์ปีก เนื้อสัตว์ป่า ไข่ เครื่องใน โปรตีนจากสัตว์ และอาหารอื่นๆ ที่มีเนื้อสัตว์เป็นส่วนประกอบ เช่น นม เนย ชีส โยเกิร์ต ไส้กรอก น้ำปลา น้ำผึ้ง ปูอัด ฯลฯ
  • ห้ามกินผักที่มีกลิ่นฉุน ได้แก่ กระเทียม หัวหอม กุ้ยช่าย หลักเกียว ผักชี บางคนอาจจะรวมผักที่มีกลิ่นฉุนอื่นๆ เช่น ใบยาสูบ ใบมะกรูด ใบโหระพา ใบแมงลัก ฯลฯ
  • ห้ามกินอาหารรสจัด ทั้งเค็มจัด หวานจัด เปรี้ยวจัด หรือเผ็ดจัด เพราะถือว่าจะเข้าไปทำลายสุขภาพ
  • ห้ามดื่มสุรา เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และของมึนเมาทุกชนิด เพราะถือว่าเป็นการเบียดเบียนตนเองและผู้อื่น

ข้อยกเว้นการกินเจ

  • สำหรับผู้กินเจที่เคร่งครัด จะห้ามกินอาหารที่ไม่ได้ปรุงโดยคนกินเจ และห้ามกินอาหารด้วยถ้วยชามใช้ปะปนกับของคาวและเนื้อสัตว์ เป็นต้น
  • สำหรับผู้กินเจที่ไม่เคร่งครัด อาจมีการผ่อนปรนบางข้อ เช่น อนุญาตให้กินไข่ได้ หรืออนุญาตให้กินอาหารรสจัดได้บ้าง เป็นต้น
ภูเก็ตเมืองแห่งเทศกาลเจ

ภูเก็ตเมืองแห่งเทศกาลเจ

ภูเก็ตเป็นจังหวัดที่มีชาวไทยเชื้อสายจีนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ส่งผลให้จังหวัดภูเก็ตมีเทศกาลกินเจที่ยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียงมากที่สุดในประเทศไทย เทศกาลกินเจภูเก็ตจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในช่วงเดือนตุลาคม เป็นเวลา 10 วัน 9 คืน โดยเริ่มต้นในวันที่ 9 ค่ำ เดือน 9 ตามปฏิทินจีน

ในช่วงเทศกาลกินเจ ชาวภูเก็ตทั้งชาวไทยเชื้อสายจีนและชาวไทยทั่วไปจะงดเว้นการบริโภคเนื้อสัตว์ทุกชนิด หันมารับประทานอาหารมังสวิรัติแทน เพื่อชำระล้างจิตใจ ละเว้นจากการเบียดเบียนสัตว์ และเพื่อสุขภาพที่ดี นอกจากนี้ ชาวภูเก็ตยังถือศีล 5 งดเว้นจากการดื่มสุรา งดเว้นจากการสูบบุหรี่ และงดเว้นจากการฆ่าสัตว์

เทศกาลกินเจภูเก็ตมีกิจกรรมและพิธีกรรมต่างๆ มากมาย ดังนี้

  • พิธีอัญเชิญเทพเจ้า เป็นการอัญเชิญเทพเจ้ามาประทับ ณ ศาลเจ้าต่างๆ เพื่อร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลกินเจ
  • พิธีกวนข้าวทิพย์ เป็นการกวนข้าวทิพย์เพื่ออุทิศแด่เทพเจ้าและบรรพบุรุษ
  • พิธีแห่พระต้าเกิ้ง เป็นการแห่รูปปั้นพระต้าเกิ้ง (เทพเจ้าคุ้มครองเมือง) ไปตามถนนต่างๆ เพื่อขจัดสิ่งชั่วร้าย
  • พิธีลุยไฟ เป็นการเดินลุยไฟเพื่อทดสอบความศรัทธา
  • พิธีกินเจ เป็นการรับประทานอาหารมังสวิรัติที่ปรุงขึ้นอย่างพิถีพิถัน

เทศกาลกินเจภูเก็ตเป็นเทศกาลที่มีความสำคัญทางศาสนาและวัฒนธรรมของชาวไทยเชื้อสายจีนในภูเก็ต เทศกาลนี้ไม่เพียงเป็นโอกาสในการเฉลิมฉลองเท่านั้น แต่ยังเป็นช่วงเวลาแห่งการชำระล้างจิตใจ ละเว้นจากการเบียดเบียนสัตว์ และเพื่อสุขภาพที่ดีอีกด้วย

นอกจากนี้ เทศกาลกินเจภูเก็ตยังเป็นเทศกาลที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกให้มาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมาก นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับบรรยากาศอันคึกคัก ตื่นตาตื่นใจไปกับกิจกรรมและพิธีกรรมต่างๆ ของเทศกาลกินเจภูเก็ต

10 วันของเทศกาลกินเจ

10 วันของเทศกาลกินเจ

เทศกาลกินเจเป็นประเพณีทางศาสนาของชาวจีนที่สืบทอดกันมาช้านาน โดยเริ่มต้นจากการถือศีล 8 ของชาวพุทธนิกายมหายาน ในช่วงเดือน 9 ตามปฏิทินจีน ตรงกับเดือน 11 หรือเดือนตุลาคมของไทย ตามปฏิทินสากล รวมเป็นเวลาทั้งสิ้น 9 วัน 9 คืน

ในช่วงเทศกาลกินเจ ผู้ที่ถือศีลจะงดเว้นการกินเนื้อสัตว์ทุกชนิด รวมถึงไข่ นม อาหารทะเล อาหารรสจัด และของมึนเมา นอกจากนี้ ยังนิยมปฏิบัติธรรม รักษาศีลห้า สำรวมกาย วาจา และใจ เพื่อเป็นการชำระล้างจิตใจ ละเว้นจากการเบียดเบียนชีวิต และเสริมสร้างบุญบารมี

วันที่ 1

แต่ละศาลเจ้าก็จะดูฤกษ์ยามว่า จะเชิญเจ้ามาเวลาไหน แต่ไม่เกินเที่ยงวัน โดยใช้ ปวย 2 อันเสี่ยงทายโดยการโยน 2 ครั้ง หาก 1 อันหงาย 1 อันคว่ำ แสดงว่า เจ้าทั้ง 9 ได้เสด็จลงมาแล้ว การกินเจจะเริ่มขึ้น แต่คนส่วนใหญ่มักทานกันล่วงหน้าเพื่อล้างท้อง

ที่ภูเก็ตในตอนกลางคืนจะมีพิธียกเสา โกเด้ง ขึ้นที่หน้าศาลเจ้า หรืออ๊าม เพื่อใช้เป็นที่แขวนตะเกียงทั้ง 9 ดวง และอัญเชิญดวงวิญญาณของยกอ๋องฮ่องเต้ หรือ พระอิศวร และ กิวอ๋องไตเต หรือ ราชาผู้เป็นใหญ่ทั้งเก้ามาประทับ

วันที่ 2

จะมีการจุดธูปขนาดใหญ่ ตั้งเครื่องเซ่นและเผาไม้หอม เพื่อบูชาเจ้าประจำอ๊าม

หลังพิธีการ กินเจ หรือชาวภูเก็ตเรียก การกินผัก ผ่านไป 3 วัน จะถือว่าตัวเองมีความสะอาดแล้ว หรือเรียกว่า เช้ง ในตอนค่ำมีพิธีการเชิญเจ้าเข้าทรงอีก 2 องค์ คือ ลำเต้า เจ้าผู้สำรวจคนเกิด และ ปักเต้า เจ้าผู้สำรวจคนตาย และทำพิธี ปั้งกุ้น หรือพิธีปล่อยพระ หรือการจัดทหารของเจ้าไปรักษาศาลเจ้าทั้ง 5 ทิศ เพื่อป้องกันสิ่งชั่วร้าย และภูตผีมาทำลายพิธี ความสนุกสนานเริ่มขึ้นตรงนี้ เมื่อการเชิญทหารเต็มไปด้วยร่างทรงของตัวละคร อาทิ เห้งเจีย บู๊สง เป็นต้น

วันที่ 4

เป็นวันที่คนส่วนใหญ่จะมาไหว้เจ้า วันนี้ศาลเจ้าต่าง ๆ จะเนืองแน่นไปด้วยผู้คน

วันที่ 7

จะเริ่มพิธีบูชาดาว เพื่อขอความเป็นสิริมงคล รักษาโรคภัยไข้เจ็บ เป็นอีกวันหนึ่งที่มีการไหว้เจ้า แต่วันนี้สำคัญกว่าวันที่สี่ เรียกว่า ไหว้เจ้าใหญ่ ในวันนี้จะมีการซื้อเต่า, ปลาไหล, นก ฯลฯ มาไหว้ด้วย

วันที่ 8

วันนี้จะมีการลอยกระทง คล้ายการลอยกระทงของคนไทย เพื่อขอบคุณเจ้าแม่คงคาที่ให้น้ำใช้ น้ำดื่ม และให้สิ่งไม่ดีลอยไปตามน้ำ นอกจากนี้ที่ภูเก็ตยังมีการจัดขบวนแห่อย่างมโหฬาร เพื่อนำเกี้ยวไปรับพระจำหลักที่สะพานหิน เป็นการระถึงวันที่ควันธูปจากมณฑลกังไสมาถึงภูเก็ต ในขบวนแห่จะมีการแสดงอิทธิฤทธิ์ของม้าทรง หรือ คนทรงเจ้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย จะเห็นภาพของการใช้ของมีคมต่าง ๆ ทิ่มแทงตามร่างกาย มีทั้งง้าว ลูกตุ้มเหล็กฟาดหน้าฟาดหลัง เอาขวานจามหลัง หรือเอาเหล็กแหลมทิ่มแทงร่างกาย หรือแทงลิ้น จนกระทั่งเฉือนลิ้นตัวเองออกมา โดยทรงเหล่านั้นอ้างว่าไม่มีความเจ็บปวดใด ๆ ขณะเป็นร่างทรง ม้าทรงจะเดินเต้นไปทั่วเมือง ชาวบ้านจะตั้งโต๊ะเครื่องเซ่นไหว้ เพื่อให้เจ้าไปโปรดและมีการจุดประทัดตลอดเส้นทาง ทั้งเกาะปกคลุมด้วยควันธูปและประทัด

วันที่ 9

ช่วงเช้าจะมีพิธีทำทาน หรือเรียกว่า ซิโกว เป็นการให้ทานแก่ผีไม่มีญาติ ตอนกลางคืนจะมีแห่มังกร, สิงโต, ขบวนของเด็กที่จัดเพื่อเป็นสีสัน

ขณะที่จังหวัดภูเก็ตจะมีพิธีศักดิ์สิทธิ์ คือ พิธี โก๊ยโห้ย หรือพิธีลุยไฟสะเดาะเคราะห์ ม้าทรง หรือเจ้าจะเดินผ่านกองไฟ ที่มีถ่านร้อนแดงเป็นระยะทางกว่า 2 ฟุต และตามด้วยผู้ที่ถือศีลกินเจที่มีความมั่นใจว่าตัวเองสะอาดแล้ว ก็สามารถร่วมลุยไฟได้ด้วยเช่นกัน ในตอนกลางคืนจะมีพิธีปีนบันไดมีด สูงประมาณ 12 เมตร และจบลงที่ยามดึกของคืนวันที่ 9 จะมีการแห่พระไปส่งทะเลบริเวณสะพานหิน และนำเสาโกเต้งลง ดับโคมไฟทั้ง 9 เป็นเสร็จพิธีกินเจที่ภูเก็ต

วันที่ 10

เป็นวันสิ้นสุดเทศกาลกินเจ จะมีการไหว้เทพเจ้าและบรรพบุรุษอีกครั้ง

การล้างท้องกินเจ

การล้างท้องกินเจ คือ การงดเว้นการกินเนื้อสัตว์ ผักกลิ่นฉุน นม เนย หรือน้ำมันที่มาจากสัตว์และอาหารรสจัด ก่อนกินเจ 1-2 วัน เพื่อชะล้างเนื้อสัตว์หรืออาหารคาวต่าง ๆ ที่ตกค้างอยู่ในร่างกายออกให้หมดสิ้น

การล้างท้องก่อนกินเจมีวัตถุประสงค์ ดังนี้

  • เพื่อปรับสภาพร่างกายให้คุ้นชินกับอาหารเจ
  • เพื่อป้องกันอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ คลื่นไส้ อาเจียน ที่เกิดขึ้นได้ในช่วงแรก ๆ ของการกินเจ
  • ช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วนและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ

วิธีการล้างท้องกินเจสามารถทำได้ ดังนี้

  • วันแรก : ค่อย ๆ ลดการกินเนื้อสัตว์ลง โดยอาจเปลี่ยนเป็นปลาหรือถั่วแทน และเพิ่มผักผลไม้ในมื้ออาหารให้มากขึ้น
  • วันที่สอง : งดกินเนื้อสัตว์ทุกชนิด งดกินอาหารต้องห้ามทุกชนิด เช่น เครื่องดื่มมึนเมา, สุรา, ผักต้องห้าม ฯลฯ

นอกจากนี้ ควรดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพื่อช่วยให้ร่างกายขับของเสียออกมาได้ดีขึ้น

การล้างท้องก่อนกินเจเป็นขั้นตอนสำคัญในการเตรียมความพร้อมสำหรับการกินเจ ช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วนและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ ป้องกันอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ คลื่นไส้ อาเจียน ที่เกิดขึ้นได้ในช่วงแรก ๆ ของการกินเจ และช่วยให้ร่างกายปรับตัวเข้ากับการกินเจได้ดียิ่งขึ้น

ข้อควรระวังในการล้างท้องกินเจ

  • ไม่ควรหักดิบงดกินเนื้อสัตว์ทันที เพราะอาจทำให้ร่างกายปรับตัวไม่ทัน ส่งผลให้มีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ คลื่นไส้ อาเจียนได้
  • ควรดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพื่อช่วยให้ร่างกายขับของเสียออกมาได้ดีขึ้น
  • หากมีอาการผิดปกติ เช่น ท้องอืด ท้องเฟ้อ คลื่นไส้ อาเจียน ควรหยุดล้างท้องและปรึกษาแพทย์

ข้อห้ามการกินเจ

  1. ชำระร่างกายให้สะอาดตลอดช่วงงานประเพณีถือศีลกินผัก
  2. ทำความสะอาดเครื่องครัวและแยกใช้คนละส่วนกับผู้ที่ไม่ได้ถือศีลกินผัก
  3. ควรสวมชุดขาวตลอดช่วงงานประเพณีถือศีลกินผัก
  4. ประพฤติตนดีทั้งกายและใจ
  5. กินเจ มีเพศสัมพันได้ไหม ตอบ ห้ามมีเพศสัมพันธ์ในช่วงงานประเพณีถือศีลกินผัก (สำหรับคนที่เคร่ง)
  6. ผู้ที่อยู่ระหว่างไว้ทุกข์ไม่ควรร่วมงานประเพณีถือศีลกินผัก
  7. หญิงมีครรภ์ไม่ควรดูพิธีกรรมใด ๆ ในช่วงงานประเพณีถือศีลกินผัก
  8. หญิงมีประจำเดือนไม่ควรร่วมพิธีกรรมใด ๆ ในช่วงงานประเพณีถือศีลกินผัก
  9. ไม่ใช้จานชามปะปนกัน และต้องกินอาหารที่คนกินเจด้วยกันเป็นผู้ปรุงขึ้นมา (สำหรับคนที่เคร่ง)
  10. ห้ามดับตะเกียงในสถานที่กินเจทั้ง 9 ดวง เพราะเป็นสัญลักษณ์ของเก้าฮ้วงฮุดโจ้ว ซึ่งต้องจุดไว้ตลอดทั้งวันทั้งคืนจนกว่าจะจบพิธีกินเจ และหากตะเกียงดับก็จะถือว่าไม่เป็นสิริมงคล รวมทั้งการกินเจก็จะไม่สมบูรณ์ด้วย
เจ
เจ

สีในเทศกาลกินเจ

สีในเทศกาลกินเจ มีความหมายสำคัญ ดังนี้

  • สีแดง เป็นสีมงคลของชาวจีน สื่อถึงความสุข ความเจริญรุ่งเรือง มักใช้ในงานมงคลต่างๆ เช่น งานแต่งงาน งานขึ้นบ้านใหม่ เป็นต้น ในเทศกาล สีแดงจึงถูกใช้เพื่อสื่อถึงความเป็นสิริมงคล และความเจริญรุ่งเรืองในชีวิตของผู้ที่ถือศีลกินเจ
  • สีเหลือง เป็นสีของศาสนาพุทธ สื่อถึงความเป็นศีลธรรม และความบริสุทธิ์ มักใช้ในงานทางศาสนาต่างๆ เช่น งานบวช งานทำบุญ เป็นต้น ในเทศกาล สีเหลืองจึงถูกใช้เพื่อสื่อถึงความสงบ และความบริสุทธิ์ของผู้ที่ถือศีลกินเจ
  • สีขาว เป็นสีของความบริสุทธิ์ มักใช้ในงานทางศาสนาต่างๆ เช่น งานทำบุญ งานบวช เป็นต้น ในเทศกาล สีเหลืองจึงถูกใช้เพื่อสื่อถึงความบริสุทธิ์ของผู้ที่ถือศีลกินเจ

นอกจากนี้ ยังมีสีอื่นๆ ที่มักพบในเทศกาลกินเจ เช่น

  • สีม่วง สื่อถึงความศรัทธา
  • สีฟ้า สื่อถึงความสงบ
  • สีเขียว สื่อถึงความอุดมสมบูรณ์

สีเหล่านี้มักถูกนำมาใช้ในงานฉลองเทศกาล เช่น การประดับประดาสถานที่ต่างๆ การทำอาหารเจ เป็นต้น

ตัวอย่างการใช้สีในเทศกาล เช่น

  • ธงเจ มักมีพื้นหลังเป็นสีเหลือง เขียนตัวอักษรสีแดงคำว่า “เจ” ซึ่งสื่อถึงความสงบ และความบริสุทธิ์ของผู้ที่ถือศีลกินเจ
  • อาหารเจ มักใช้ผักและธัญพืชเป็นวัตถุดิบหลัก โดยใช้สีต่างๆ ของผักและธัญพืชมาตกแต่งให้สวยงาม สื่อถึงความอุดมสมบูรณ์และความหลากหลายของธรรมชาติ
  • เครื่องรางของขลัง มักมีสีสันสดใส สื่อถึงความเป็นสิริมงคลและความเจริญรุ่งเรือง

ตำนานเทศกาล

บางแห่งเชื่อกันว่ากินเจเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาแด่พระมหาโพธิสัตว์กวนอิม

ตำนานที่ 1

กล่าวกันว่า การกินเจเริ่มขึ้นเพื่อรำลึกถึงนักรบ หงี่หั่วท้วง ซึ่งเป็นทหารชาวบ้านของจีนที่ต่อสู้ต้านทานกองทัพแมนจูอย่างกล้าหาญ ฝ่ายแมนจูมีปืนไฟของชาวตะวันตกที่ฝ่ายจีนไม่มี นักรบหงี่หั่วท้วงเหล่านี้จะประกอบพิธีกรรมนุ่งขาวห่มขาว ไม่กินเนื้อสัตว์และผักที่มีกลิ่นฉุน และท่องบริกรรมคาถาตามความเชื่อของจีน เชื่อกันว่าจะสามารถป้องกันปืนไฟได้ แต่ก็ไม่ประสบผล ครั้นจีนพ่ายแพ้แมนจู ชายชาวจีนถูกบังคับให้ไว้ผมอย่างชาวแมนจู ซึ่งสร้างความคับแค้นให้แก่ชาวจีนอย่างมาก ชาวจีนจึงรำลึกถึงนักรบหงี่หั่วท้วงเหล่านี้ด้วยสำนึกในบุญคุณ

ตำนานที่ 2

เพื่อเป็นการประกอบพิธีกรรมเพื่อสักการบูชาพระพุทธเจ้าในอดีตกาล 7 พระองค์และพระมหาโพธิสัตว์อีก 2 พระองค์ รวมเป็น 9 พระองค์ด้วยกัน หรืออีกนัยหนึ่งเรียกว่า ดาวนพเคราะห์ ทั้ง 9 ได้แก่ พระอาทิตย์ พระจันทร์ พระอังคาร พระพุธ พระพฤหัสบดี พระศุกร์ พระเสาร์ พระราหู และพระเกตุ ในพิธีกรรมบูชานี้สาธุชนในพระพุทธศาสนาสละเวลาทางโลกมาบำเพ็ญศีลงดเว้นเนื้อสัตว์และแต่งกายด้วยชุดขาว

ตำนานที่ 3

ผู้ถือศีลกินเจในพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายานที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาของชาวจีนในประเทศไทย เพื่อสักการบูชาพระพุทธเจ้าในอดีลกาล 7 พระองค์ ดังมีในพระสูตร ปั๊กเต๊าโก๋ว ฮุดเชียวไจเอียงชั่วเมียวเกง กล่าวไว้คือ พระวิชัยโลกมนจรพุทธะ พระศรีรัตนโลกประภาโมษอิศวรพุทธะ พระเวปุลลรัตนโลกวรรณสิทธิพุทธะ พระอโศกโลกวิชัยมงคลพุทธะ พระวิสุทธิอาศรมโลกเวปุลลปรัชญาวิภาคพุทธะ พระธรรมมติธรรมสาครจรโลกมโนพุทธะ พระเวปุลลจันทรโภคไภสัชชไวฑูรย์พุทธะ และพระมหาโพธิสัตว์อีก 2 พระองค์ คือพระศรีสุขโลกปัทมอรรถอลังการโพธิสัตว์และพระศรีเวปุลกสังสารโลกสุขอิศวรโพธิสัตว์ รวมเป็น 9 พระองค์(หรือ เก้าอ๊อง)ทรงตั้งปณิธานจักโปรดสัตว์โลก จึงได้แบ่งกายมาเป็นเทพเจ้า 9 พระองค์ด้วยกันคือ ไต้อวยเอี๊ยงเม้งทัมหลังไทแชกุน ไต้เจียกอิมเจ็งกื้อมึ้งงวนแชกุน ไต้กวนจิงหยิ้งลุกช้งเจงแชกุน ไต้ฮั่งเฮี่ยงเม้งม่งเคียกนิวแชกุน ไต้ปิ๊กตังง้วนเนี้ยบเจงกังแชกุน ไต้โพ้วปั๊กเก๊กบู๊เอียกกี่แชกุน ไต้เพียวเทียนกวนพัวกุงกวนแชกุน ไต้ตั่งเม้งงั่วคูแชกุน ฮุ้ยกวงไตเพียกแชกุน เทพเจ้าทั้ง 9 พระองค์ ทรงอำนาจตบะอันเรืองฤทธิ์บริหารธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ และทอง ทั่วทุกพิภพน้อยใหญ่สารทิศ

ตำนานที่ 4

กินเจเพื่อเป็นการบูชา กษัตริย์เป๊ง ซึ่งเป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายของราชวงศ์ซ้องซึ่งสิ้นพระชนม์โดยทรงทำอัตวินิบาตกรรม (การฆ่าตัวตาย) ในขณะที่เสด็จไต้หวันโดยทางเรือ เมื่อมีพระชนนมายุได้ 9 พรรษา พิธีบูชาเพื่อระลึกถึงราชวงศ์ซ้องนี้ มีแต่เฉพาะในมณฑลฮกเกี้ยนซึ่งเป็นดินแดนผืนสุดท้ายของราชวงศ์ซ้องเท่านั้น โดยชาวฮกเกี้ยนได้จัดทำพิธีดังกล่าวนี้ขึ้นด้วยการอาศัยศาสนาบังหน้าการเมือง การที่เผยแผ่มาสู่เมืองไทยได้นั้นเพราะชาวจีนจากฮกเกี้ยนนำมาเผยแผ่

ตำนานที่ 5

1500 ปีมาแล้ว มณฑลกังไสเป็นดินแดนที่เจริญรุ่งเรืองมาก ฮ่องเต้เมืองนี้มีพระราชโอรส 9 พระองค์ซึ่งเป็นเลิศทั้งบุ๋นและบู๊จึงทำให้หัวเมืองต่าง ๆ ยอมสวามิภักดิ์ ยกเว้นแคว้นก่งเลี้ยดที่มีอำนาจเข้มแข็งและมีกองกำลังทหารที่เหนือกว่า ทั้งสองแคว้นทำศึกกันมาถึงครั้งที่ 4 แคว้นก่งเลี้ยดชนะโดยการทุ่มกองกำลังทหารที่มีทั้งหมดที่มากกว่าหลายเท่าตัวโอบล้อมกองทัพพระราชโอรสทั้งเก้าไว้ทุกด้าน แต่กองทัพก่งเลี้ยดไม่สามารถบุกเข้าเมืองได้จึงถอยทัพกลับ

จนวันหนึ่งชาวกังไสเกิดความแตกสามัคคีและเอาเปรียบกัน เทพยดาทราบว่าอีกไม่นานกังไสจะเกิดภัยพิบัติจึงหาผู้อาสาช่วยแต่ชาวบ้านจะพ้นภัยได้ก็ต่อเมื่อได้สร้างผลบุญของตนเอง ดวงวิญญาณพระราชโอรสองค์โตรับอาสาและเพ่งญาณเห็นว่าควรเริ่มที่บ้านเศรษฐีใจบุญ ลีฮั้วก่าย

คืนวันหนึ่งคนรับใช้แจ้งเศรษฐีลีฮั้วก่ายว่ามีขอทานโรคเรื้อนมาขอพบเศรษฐีจึงมอบเงินจำนวนหนึ่งให้เป็นค่าเดินทาง แต่ขอทานไม่ไปและประกาศให้ชาวเมืองถือศีลกินเจเป็นเวลา 9 วัน 9 คืนผู้ใดทำตามภัยพิบัติจะหายไป เศรษฐีนำมาปฏิบัติก่อนและผู้อื่นจึงปฏิบัติตามจนมีการจัดให้มีอุปรากรเป็นมหรสพในช่วงกินเจด้วย

เล่าเอี๋ยเกิดศรัทธาประเพณีกินเจของมณฑลกังไสจึงได้ศึกษาตำราการกินเจของเศรษฐีลีฮั้วก่ายที่บันทึกไว้ แต่ได้ดัดแปลงพิธีกรรมบางอย่างให้รัดกุมยิ่งขึ้นและให้มีพิธีเชี้ยยกอ๋องส่องเต้ (พิธีเชิญเง็กเซียนฮ่องเต้มาเป็นประธานในพิธี)

ตำนานที่ 6

ชายขี้เมานามว่า เล่าเซ็ง เข้าใจผิดคิดว่าแม่ตนตายไปเพราะเป็นโรคขาดสารอาหาร จนคืนหนึ่งแม่ได้มาเข้าฝันบอกว่า แม่ตายไปได้รับความสุขมากเพราะแม่กินแต่อาหารเจและตอนนี้แม่อยู่บนเขาโพถ้อซัว ตั้งอยู่บนเกาะน่ำไฮ้ ในมณฑลจิ๊ดเจียงถ้าลูกอยากพบแม่ให้ไปที่นั่น

ครั้นถึงเทศกาลไหว้พระโพธิสัตว์กวนอิมที่เขาโพถ้อซัว เล่าเซ็งอยากไปแต่ไปไม่ถูกจึงตามเพื่อนบ้านที่จะไปไหว้พระโพธิสัตว์ เพื่อนบ้านเห็นเล่าเซ็งสัญญาว่าจะไม่กินเหล้าและเนื้อสัตว์จึงให้ไปด้วย ระหว่างทางเดินสวนกับคนขายเนื้อเล่าเซ็งลืมสัญญาที่ให้ไว้เพื่อนบ้านก็หนีไป โชคดีที่มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินผ่านมาและต้องการไปไหว้พระโพธิสัตว์เล่าเซ็งจึงขอตามนางไป

เมื่อถึงเขาโพถ้อซัวขณะที่เล่าเซ็งก้มลงกราบไหว้พระโพธิสัตว์นั้น เขาเห็นแม่ลอยอยู่เหนือกระถางธูปที่คนอื่นมองไม่เห็น ขณะเดินทางกลับเขาได้แยกทางกับหญิงสาวและได้พบเด็กชายคนหนึ่งยืนร้องไห้อยู่จึงเข้าไปถามไถ่ได้ความว่าเป็นลูกของเขากับภรรยาที่เลิกกันไปนานแล้ว เขาจึงพาไปอยู่ด้วยแล้ววันหนึ่งหญิงสาวที่นำทางไปเขาโพถ้อซัวมาขออาศัยอยู่ด้วย ทั้งสามอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข

หญิงสาวผู้นั้นเป็นสาวบริสุทธิ์ประพฤติตนเป็นคนดีอยู่ในศีลธรรมและถือศีลกินเจอยู่เนืองนิตย์ นางรู้ว่าใกล้ถึงวันตายของนางแล้วจึงบอกเล่าเซ็ง เมื่อถึงวันนั้นนางอาบน้ำแต่งตัวด้วยอาภรณ์ที่ขาวสะอาดแล้วนั่งสักครู่ก็สิ้นลม เล่าเซ็งเห็นการจากไปด้วยดีของนางคล้ายกับแม่จึงเกิดศรัทธายกสมบัติให้ลูกชายแล้วประพฤติตนใหม่ เมื่อตายไปจะได้บังเกิดผลเช่นเดียวกับแม่และหญิงสาวและประเพณีกินเจจึงเริ่มขึ้น

บูชาพระโพธิสัตว์

บูชาพระโพธิสัตว์

ส่วนความเชื่ออันเป็นที่มาของการถือศีลกินเจของภาคใต้ โดยเฉพาะที่ภูเก็ตนั้น เกี่ยวกับพระพุทธเจ้า และ พระโพธิสัตว์เช่นกัน มีชื่อพระพุทธเจ้าต่างออกไปบ้าง แต่สุดท้ายก็แบ่งภาคมาเป็น นพราชาเหมือนกัน เบื้องต้น มาจากมณฑลกงไซ้ (กังไส) พระราชโอรสทั้งเก้าเสียชีวิตในสงคราม และจุติเป็นวิญญาณอมตะเที่ยวสอดส่องดูแลทุกข์สุขของชาวเมือง ได้แนะนำให้เศรษฐีผู้ใจบุญถือศีลกินเจ ผลไม้ 5 อย่าง ผัก 6 อย่าง พร้อมกับจุดตะเกียง 9 ดวง อันหมายถึงพระราชโอรสทั้ง 9 กระองค์ ในระหว่างกินเจ ห้ามฆ่าสัตว์ ห้ามของคาวทุกชนิด ห้ามดื่มของมึนเมาเป็นต้น เศรษฐีเห็นว่าพระราชโอรสได้สอนและหายตัวไปในวันที่ 1 เดือน 9 จึงได้เริ่มกินเจในวันดังกล่าวเรื่อยมา ต่อมาคณะงิ้วผ่านมาเห็นเป็นเรื่องน่าสนใจ จึงนำเรื่องราวไปแต่งเติม และเล่นงิ้วเผยแพร่ไปทั่ว พิธีกินเจที่คณะงิ้วนำไปนั้นได้เพิ่มกำหนดพิธีการต่าง ๆ เป็นขั้นเป็นตอน เช่น พิธีอัญเชิญพระอิศวรมาประทับเป็นประธานในพิธี พิธีสักการะ นพราชา พิธีปล่อยทหารเอกออกไปรักษามณฑลพิธี พิธีเลี้ยงอาหารทหาร พิธีเรียกทหารกลับ พิธีลุยไฟ พิธีสะเดาะเคราะห์เสริมดวงชะตา และจบด้วยพิธีบวงสรวงดาวนพเคราะห์ ซึ่งพิธีกินเจบางแห่ง เช่นทางภาคใต้ของไทยมีการทรมานกาย การแสดงการต่อสู้ของคณะเอ็งกอ นั่นก็มาจากคณะงิ้วที่นำมาเผยแพร่นั่นเอง

การถือศีลกินเจในเทศกาลกินเจเดือน 9 ตามปฏิทินจีนตามข้างต้นนั้น เป็นความเชื่อที่ถือกันมาแต่โบราณ เป็นกุศโลบายของนักปราชญ์ ราชบัณฑิต ผู้มีกุศลจิตในสมัยนั้นที่ต้องการให้ผู้คนอยู่ในศีลในธรรม ถือศีลกินเจ ทำบุญทำทานเพื่อให้จิตใจอ่อนโยน มีความเมตตากรุณาต่อมวลสัตว์โลกทั้งหลาย แม้ความเชื่อจะต่างกัน แต่ผลแห่งการกระทำนั้นคือจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือ บุคคลทั่วไปควรจะลดละอกุศลกรรมทั้งมวล สะสมแต่สิ่งที่ดีงาม เพื่อรับพรจากเทพเจ้าทั้ง 9 พระองค์ ก็จักทำให้จิตใจเบิกบาน ผ่องแผ้ว มีแต่ความสุข ความเจริญรุ่งเรืองในชีวิตสืบไป

ความหมายของ เจ

ความหมายของ เจ

คำว่า “เจ” มาจากภาษาจีนคำว่า “ไจ” (齋) ซึ่งแปลว่า “การถือศีล” หรือ “การบำเพ็ญศีล” ในความหมายเดิมของคำว่า “เจ” หมายถึงการรับประทานอาหารก่อนเที่ยงวัน ซึ่งเป็นการถือศีลอย่างหนึ่งในพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน แต่ในปัจจุบันคำว่า “เจ” มักหมายถึงการรับประทานอาหารมังสวิรัติ โดยงดเว้นเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ทุกชนิด รวมทั้งผักบางชนิดที่ถือว่าเป็นอบายมุข เช่น กระเทียม หัวหอม กุยช่าย หน่อไม้ เห็ดหูหนู เป็นต้น

ความหมายของคำว่า “เจ” ในปัจจุบันจึงมี 2 ความหมายหลัก ได้แก่

  • ความหมายทางกายภาพ หมายถึงการรับประทานอาหารมังสวิรัติ โดยงดเว้นเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ทุกชนิด รวมทั้งผักบางชนิดที่ถือว่าเป็นอบายมุข
  • ความหมายทางจิตวิญญาณ หมายถึงการละเว้นการกระทำที่ไม่ดีทั้งปวงทั้งกาย วาจา และใจ เพื่อชำระจิตใจให้บริสุทธิ์

ดังนั้น การกินเจจึงไม่เพียงแต่เป็นเรื่องของการรับประทานอาหารเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องของการพัฒนาจิตใจและการดำเนินชีวิตที่ดีงามอีกด้วย

นอกจากนี้ คำว่า “เจ” ยังมีความหมายทางวัฒนธรรมอีกด้วย โดยคำว่า “เจ” มักถูกใช้เพื่ออธิบายถึงประเพณีการกินเจ ซึ่งเป็นประเพณีที่สืบทอดกันมายาวนานในหลายประเทศ เช่น จีน ไต้หวัน ฮ่องกง สิงคโปร์ และไทย เป็นต้น ประเพณีการกินเจมักจัดขึ้นในช่วงเทศกาลสำคัญ เช่น กินเจ เทศกาลสารทจีน เป็นต้น

ในเทศกาลกินเจ ผู้ที่กินเจจะงดเว้นเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ทุกชนิด รวมทั้งผักบางชนิดที่ถือว่าเป็นอบายมุขเป็นเวลา 9 วัน เพื่อเป็นการชำระล้างจิตใจให้บริสุทธิ์ อุทิศส่วนบุญกุศลให้กับบรรพบุรุษ และเสริมสร้างพลังให้กับตนเอง

อาหารเจ

อาหารเจ

อาหารเจเป็นอาหารที่ปรุงขึ้นโดยไม่มีเนื้อสัตว์ หรือผลิตภัณฑ์ที่ได้จากสัตว์ (เช่น นม ไข่ น้ำผึ้ง น้ำปลา เจลาติน คอลลาเจน ) และไม่ปรุงด้วยผักที่มีกลิ่นฉุน ได้แก่ กระเทียม หอม (ทุกชนิดอาทิ ต้นหอม หัวหอม หอมแดง) หลักเกียว กุยช่าย และผักชี

บ้างก็รวมผักชีและเครื่องเทศรสเผ็ดร้อนเข้ามาด้วย เพราะผักเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อธาตุในร่างกาย บ้างเชื่อว่าผักเหล่านี้เพิ่มความกำหนัดหรือมาจากเลือดของสัตว์ตามตำนานจีน ทำให้อาหารเจไม่มีกลิ่นคาว เนื่องจากการงดเนื้อสัตว์ ทำให้ผู้ที่กินเจหันมาบริโภคธัญพืชในธรรมชาติเพื่อให้ได้มาซึ่งโปรตีน ซึ่งส่วนใหญ่ได้แก่ ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง โดยในประเทศจีน พบว่ามีภัตตาคารบางแห่งซึ่งบริการ ปรุงอาหารตามใบสั่งแพทย์ (กล่าวคือ ผู้ที่เข้ามารับประทานจะต้องได้รับใบสั่งอาหารของแพทย์เสียก่อน) โดยลูกค้าของภัตตาคารดังกล่าวเป็นคนไข้ที่กำลังเข้ารับ การบำบัดโรคด้วยอาหารตามหลักเวชศาสตร์โบราณ หลังเข้ารับการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์แล้ว

ประโยชน์ของการกินเจ

การกินอาหารเจ นอกจากจะเป็นการถือศีลรักษาประเพณี และละเว้นชีวิตแล้ว ยังให้ประโยชน์ต่อร่างกาย

  1. ร่างกายสามารถขับถ่ายของเสียออกได้หมด ทำให้ไม่มีสารพิษตกค้างอยู่ภายใน เพราะสารอาหารจากพืชผักและผลไม้จะช่วยให้ระบบขับถ่ายและการย่อยเป็นปกติ
  2. เมื่อรับประทานเป็นประจำ โลหิตจะถูกฟอกให้สะอาดขึ้นเรื่อย ๆ เซลล์ต่าง ๆ ของร่างกายเสื่อมสลายช้าลง ทำให้อายุยืนยาว มีผิวพรรณสดชื่นผ่องใส ร่างกายแข็งแรงรู้สึกมีสุขภาพดี
  3. อวัยวะหลักสำคัญภายใน ได้แก่ หัวใจ ไต ม้าม ตับ ปอด และอวัยวะประกอบคือ ลำไส้ใหญ่ ลำไส้เล็ก กระเพาะปัสสาวะ กระเพาะอาหาร ถุงน้ำดี แข็งแรงทำงานได้เป็นปกติสมบูรณ์
  4. ร่างกายสามารถต้านทานต่อสารพิษต่าง ๆ ได้แก่ สารเคมี ยาฆ่าแมลง มลภาวะ และก๊าซพิษที่เกิดจากการเผาไหม้ในอุตสาหกรรม ไอเสียจากเครื่องจักร เครื่องยนต์ ซึ่งสารอาหารในพืชผัก จะช่วยให้เซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายสามารถทนต่อการทำลายจากรังสีต่าง ๆ ได้
  5. สามารถต้านทานสารพิษได้สูงกว่าคนปกติ ในบรรดาผู้ที่กินเจมักไม่ปรากฏโรครุนแรงหรือเรื้อรัง เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง เส้นเลือดตีบ ไขมันอุดตันในเส้นเลือด โรคไต ฯลฯ โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับระบบขับถ่าย ย่อยอาหารและทางเดินอาหาร เช่น โรคริดสีดวงทวาร มะเร็งในกระเพาะและลำไส้ โรคกระเพาะ อาหารไม่ย่อย โรคเหล่านี้จะไม่พบเลยในกลุ่มคนผู้ที่รับประทานอาหารเจ อาหารพืชผักและผลไม้เป็นประจำ
  6. การกินเจทำให้เกิดความเมตตา เกิดความสงบสุขุม อารมณ์ไม่ฉุนเฉียว ไม่โมโหง่าย ซึ่งจะช่วยเกื้อกูลส่งเสริมให้บารมีธรรมสูงขึ้นเรื่อย ๆ
  7. หยุดการสร้างบาป เวรกรรม ทำให้ไม่เกิดการอาฆาต พยาบาท จึงปราศจากศัตรูทั้งมนุษย์และสัตว์ที่คิดมุ่งทำร้ายตามจองเวร

แคปชั่นกินเจ

แคปชั่นกินเจ

แคปชั่นกินเจสายฮา

  • กินเจมา 9 วันแล้ว แต่ใจยังคิดถึงเธออยู่เลย
  • กินเจไม่ได้หมายความว่าจะอดทนกับเธอได้
  • กินเจได้บุญ แต่ถ้าอยากกินเธอต้องทำยังไง
  • กินเจปีนี้อยากได้คนกินเจคู่ใจสักคน
  • กินเจแล้วหน้าใส แต่ใจยังเศร้า

แคปชั่นกินเจสายบุญ

  • กินเจเพื่อสุขภาพกายและใจ
  • กินเจเพื่อลดการเบียดเบียนสัตว์
  • กินเจเพื่อเสริมสร้างบุญบารมี
  • กินเจเพื่อทำความดี
  • กินเจเพื่อโลกที่ยั่งยืน

แคปชั่นกินเจสายอ่อย

  • กินเจแล้วหิว อยากกินเธอจัง
  • กินเจแล้วเหงา อยากกินข้าวกับเธอ
  • กินเจแล้วอยากมีแฟนกินเจด้วยกัน
  • กินเจแล้วคิดถึงเธอ คิดถึงเธอทุกคำที่ฉันกิน
  • กินเจแล้วอยากบอกเธอว่า ฉันรักเธอ

แคปชั่นกินเจสายอื่นๆ

  • กินเจปีนี้ ตั้งใจทำบุญ
  • กินเจปีนี้ ตั้งใจลดน้ำหนัก
  • กินเจปีนี้ ตั้งใจดูแลสุขภาพ
  • กินเจปีนี้ ตั้งใจทำความดี
  • กินเจปีนี้ ตั้งใจเปลี่ยนแปลงตัวเอง

เทศกาลกินเจเป็นเทศกาลที่มีความสำคัญทางศาสนาและวัฒนธรรมของชาวจีนและคนไทยเชื้อสายจีน เทศกาลนี้ไม่เพียงเป็นโอกาสในการแสดงความเคารพต่อเทพเจ้าเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสในการชำระล้างจิตใจและร่างกายให้บริสุทธิ์ รวมไปถึงการทำบุญทำทานเพื่อช่วยเหลือผู้ยากไร้อีกด้วย

หากคุณกำลังมองหาประสบการณ์ใหม่ ๆ ในช่วงเทศกาลกินเจนี้ อย่าลืมลองทานอาหารเจดูสักครั้ง อาหารเจในปัจจุบันมีหลากหลายเมนูให้เลือกสรร ทั้งอาหารคาวและอาหารหวาน รับรองว่าคุณจะรู้สึกประทับใจกับรสชาติและคุณค่าทางโภชนาการของอาหารเจอย่างแน่นอน

นอกจากนี้ คุณยังสามารถเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ที่จัดขึ้นในช่วงเทศกาลกินเจ เช่น การแห่ขบวนมังกร การจุดประทัด การปล่อยนกปล่อยปลา เป็นต้น กิจกรรมเหล่านี้จะช่วยสร้างบรรยากาศที่สนุกสนานและมีชีวิตชีวาให้กับเทศกาลกินเจ

เทศกาลกินเจเป็นเทศกาลที่เต็มไปด้วยคุณค่าและความหมายมากมาย หากคุณมีโอกาสได้เข้าร่วมเทศกาลกินเจในปีนี้ อย่าลืมซึมซับบรรยากาศและเรียนรู้วัฒนธรรมของเทศกาลนี้ให้เต็มที่

เรื่องที่เกี่ยวข้อง:

Advertisement

Advertisement

NaniTalk S.

เป็นนักเขียนที่ขยันขันแข็งและมุ่งมั่นที่จะผลิตเนื้อหาที่มีคุณภาพ เรียนรู้และเติบโตอยู่เสมอ เชื่อว่าเนื้อหาที่ดีสามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อโลกได้

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button