เรื่องน่าสนใจ

ศุกร์ 13 อาถรรพ์และความเชื่อ ของชาวต่างชาติ

ศุกร์ 13 (Friday the 13th) คือ ฝรั่งถือว่าเลข 13 เป็นเลขโชคร้าย ยิ่งเป็น ศุกร์ 13 ด้วยแล้วยิ่งมหาอับโชค (ฝรั่ง) หลาย ๆ คน จึงไม่ยอมออกจากบ้านไปไหน เพราะเกรงว่าจะประสบกับความโชคร้าย เช่น เกิดอุบัติเหตุ หรือมีอันเป็นไปต่าง ๆ เป็นต้น

ความเชื่อศุกร์ 13
ความเชื่อศุกร์ 13 – XSHOT

ความเชื่อศุกร์ 13

ความเป็นมาของคำว่า อาถรรพ์ ศุกร์ 13 นั้น เป็นความเชื่อมาจากฝรั่ง โดยเฉพาะชาวคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิก ที่เห็นว่า เลข 13 เป็นเลขแห่งความโชคร้าย ถึงจะลงมือทำการสิ่งใดก็จะไม่ประสบผลสำเร็จ เนื่องจากวันดังกล่าว เป็นวันที่พระเยซูทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน หลังจากที่รับประทานอาหารมื้อสุดท้ายร่วมกับสาวกทั้ง 12 คน

ร่ม

ห้ามกางร่มในที่ร่ม เพราะถือว่าจะเป็นการทำให้เทพพระอาทิตย์ทรงพิโรธเอาได้ จะตามมาด้วยโชคร้าย อีกนัยหนึ่งคงเป็นอุบายเพื่อไม่ให้คนเอาร่มมากางในบ้าน

บันได

ว่ากันว่าบันไดที่วางพาดกับผนังจะเกิดเป็นรูปสามเหลี่ยม ซึ่งหมายถึงภาคทั้งสามของพระเจ้าในศาสนาคริสต์ หากใครเดินลอดใต้บันไดก็เท่ากับเป็นการทำลายภาคทั้งสาม และกลายเป็นสาวกของเหล่าปีศาจ ซึ่งความจริงแล้วก็คงเป็นอีกอุบายที่กันไม่ให้คนเดินชนบันไดล้มขณะที่มีคนใช้งานอยู่นั่นเอง

Advertisement

กระจก

ทำกระจกแตกหนึ่งครั้ง โชคร้ายไปเจ็ดปี เป็นคำกล่าวที่มาจากความเชื่อโบราณ ว่ากระจกนั้นไม่ใช่เพียงแต่สะท้อนเงาของเรา แต่ยังกักเก็บดวงวิญญาณของเราไว้ได้ด้วย จนถึงขั้นที่มีประเพณีโบราณของชาวอเมริกาใต้ที่จะต้องหาอะไรปิดกระจกไว้เมื่อมีคนในบ้านเสียชีวิต เพื่อที่ดวงวิญญาณจะได้ไม่ไปติดอยู่ในนั้น

เคาะไม้

เป็นวิธีแก้เคล็ด หากทำกระจกแตกไปแล้ว ให้รีบเคาะที่ไม้ เพื่อล้างความโชคร้าย มาจากความเชื่อที่ว่า ไม้หรือต้นไม้เป็นที่อยู่อาศัยของวิญญาณหรือภูติที่ดี

เกลือ

ห้ามทำเกลือหก ไม่งั้นจะโชคร้าย น่าจะมาจากความเชื่อที่ว่า ยูดาสทำเกลือหกในอาหารค่ำมื้อสุดท้าย เป็นสัญลักษณ์ของการทรยศและการโกหก แต่หากเผลอทำหกไปแล้วละก็ แก้ด้วยการหยิบเกลือนั้นโยนข้ามไหล่ทิ้งไป ให้โชคร้ายกลับกลายเป็นดี

กระต่าย

หากพบกระต่ายกระโดดผ่านหน้าไป หรือเห็นกระต่ายกระโดดเล่นในสวน ว่ากันว่าจะมีโชค เพราะกระต่ายเป็นสัญลักษณ์ของความสดใส ฤดูใบไม้ผลิ และการมีบุตรด้วย

เกือกม้า

เอาเกือกม้ามาแขวนไว้เหนือประตูบ้านจะโชคดี แต่เดี๋ยวก่อน ต้องแขวนให้ถูกทางด้วยนะ โดยให้ปลายสองด้านอยู่ข้างบน ส่วนโค้งอยู่ด้านล่าง หากปล่อยให้กลับหัว จะเป็นการดึงดูดโชคร้ายมาให้แทน

นกสาลิกา หรือ นกแม็กพาย

ความเชื่อนี้คือ หากพบเห็นนกสาลิกามาเกาะอยู่ตัวเดียว จะเกิดเรื่องโศกเศร้าขึ้นในบ้าน (แต่หากมา 2 ตัว ถือว่าโชคดีนะ)

แมวดำ

ว่ากันว่าหากแมวดำเดินตัดหน้าจะโชคร้าย มาจากความเชื่อในสมัยยุคกลางว่าแมวดำคือแม่มดในร่างสัตว์ แต่ก็ไม่เสมอไป เพราะในประเทศอังกฤษ แมวดำถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความโชคดี แถมบางครั้งยังมีรูปแมวดำอยู่บนการ์ดอวยพรวันเกิดด้วย

ขนหางนกยูง

ลวดลายของหางนกยูงมีลักษณะคล้ายกับดวงตา จึงกลายเป็นความเชื่อว่ามันคือดวงตาของปีศาจ ใครมีไว้ในบ้านหรือถือไว้จะนำพาโชคร้ายมาให้

friday13
Jason Voorhees – Friday the 13th

อาถรรพ์ ศุกร์ 13

  1. บางตำราเชื่อว่าอาถรรพ์ศุกร์ 13 มาจากตำนานของ “ชาวนอร์ส (Norsemen)” ที่อาศัยอยู่ในแถบสแกนดิเนเวีย เป็นเรื่องของเทพ 12 องค์ มารวมจัดงานเลี้ยง ในห้องโถงเอกีร์ (Aegir เทพแห่งมหาสมุทร) แล้วโลกิ (Loki เทพแห่งไฟ) ซึ่งไม่ได้รับเชิญมาร่วมงาน จึงพังประตูรั้วเข้ามาในฐานะแขกคนที่ 13 และให้เทพฮอด (เทพแห่งความมืดมิด) โยนกิ่งพืชกาฝากใส่บาลเดอร์ (Baldur เทพแห่งความสุขความยินดี) จนบาลเดอร์เสียชีวิตในที่สุด
  2. เลข 13 ถือเป็นเลขแห่งความโชคร้าย ใครที่เกี่ยวข้องกับเลขนี้ก็เชื่อกันว่าจะมีแต่ความวิบัติในชีวิต ถือเป็นเลขที่สร้างความหวาดกลัวอย่างมาก จนมีคนคิดบัญญัติศัพท์เลยทีเดียว โดยเรียกคนที่หวาดกลัวอาถรรพ์ศุกร์ 13 ว่า Paraskevidekatriaphobia มาจากภาษากรีก 3 คำคือ วันศุกร์ (Paraskevi) สิบสาม (dekatreis) และความหวาดกลัว ( Phobos)
  3. ในวันศุกร์ที่ 13 อเมริกาต้องสูญเสียทางเศรษฐกิจเป็นเงินเกือบพันล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากประชาชนจำนวนหนึ่งไม่กล้าเดินทางไปไหน ไม่กล้าทำอะไรไม่กล้าแม้แต่จะไปทำงาน
  4. ความอาถรรพ์ของวันศุกร์ ขยายไปทั่วโลก เช่น วันศุกร์ ที่ 13 ปี 1869 เกิดวิกฤติเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในอเมริกา วันศุกร์ ที่ 13 ปี 1929 ตลาดหุ้นอเมริกาล่ม วันศุกร์ ที่ 13 ปี 1939 เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ในออสเตรเลียวันศุกร์ ที่ 13 ปี 1945 เกิดสงครามทางอากาศครั้งสำคัญในนอร์เวย์ วันศุกร์ที่ 13 ปี 1970 เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ พายุกระหน่ำมายังประเทศบังคลาเทศมีผู้เสียชีวิตและทรัพย์สินจำนวนมาก วันศุกร์ ที่ 13 ปี 1978 เกิดการสังหารหมู่ในอิหร่าน 13 ศพ วันศุกร์ ที่ 13 ปี 1982 อาร์เจนติน่ายกกองกำลังยึดเกาะฟอร์คแลนด์ซึ่งเป็นอาณานิคมของอังกฤษ วันศุกร์ ที่ 13 ปี 1989 บริษัทคอมพิวเตอร์ IBM เสียหายอย่างหนักเพราะโดยไวรัสคอมพิวเตอร์โจมตีระบบ วันศุกร์ ที่ 13 ตุลาคม 2006 พายุหิมะชื่อ “Aphid” พัดถล่มเมืองบัฟฟาโล่ รัฐนิวยอร์ค วันศุกร์ ที่ 13 เมษายน 2007 เกิดทอร์นาโดหลายลูกพร้อมกันในทางเหนือของเท็กซัส เป็นต้น
  5. นอกจากเป็นตำนานอาถรรพ์ที่สร้างความเชื่อจนฝังรากลึกแล้ว หลายครั้งก็มีเหตุการณ์ที่ตอกย้ำถึงความอาถรรพ์อยู่เรื่อย ๆ อย่างการเกิดอุบัติเหตุที่ในประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งมีการทำสถิติเกี่ยวกับอัตราการเกิดอุบัติเหตุไว้ในแต่ละวันศุกร์ ซึ่งวันศุกร์ที่ 13 นั้นจะมีอัตราการเกิดอุบัติเหตุมากกว่าวันอื่น ๆ ถึง 52%
  6. ความอาถรรพ์ที่ดูแล้วจะเห็นแต่เรื่องโชคร้าย ก็ยังมีความโชคดีอยู่บ้างโดยเฉพาะที่สร้างภาพยนตร์เรื่อง “ศุกร์ 13 ฝันหวาน” หรือ Friday 13th ออกมาสร้างความหวาดกลัวนั้น ไม่ว่าจะทำภาคไหนก็มีคนสนใจแห่ไปดูกันอย่างไม่น่าเชื่อ
  7. อีกเรื่องเล่าที่แปลงมาจากตำนานของชาวสแกนดิเนเวีย บอกว่า การที่มีคนที่ 13 มาร่วมรับประทานอาหารในโต๊ะเดียวกัน คนที่จะต้องตายเป็นคนแรกคือคนที่ลุกจากโต๊ะก่อนคนอื่น ไม่ใช่อย่างตำนานในข้อที่ 5
  8. เหตุผลที่วันศุกร์เป็นวันแห่งความโชคร้ายนั้น เพราะเชื่อกันว่านอกจากการที่พระเยซูถูกตรึงกางเขนในวันศุกร์แล้ว ตามตำรายังบอกว่า วันศุกร์เป็นวันที่ใช้ประหารนักโทษ อีกทั้งยังถือเป็นวัน Tip Top Day หรือว่าวันปีศาจนั่นเอง ชาวประมงส่วนใหญ่จึงไม่นิยมออกทะเลในวันศุกร์กันเลย
  9. ในสมัยโบราณชาวตะวันตกมีความเชื่อว่าห้ามตัดเล็บในวันศุกร์ เพราะแม่มดจะขโมยเล็บเอาไปเสกให้เจ้าของกลายเป็นแม่มด
  10. ตามตำนานเรื่องพระเจ้าสร้างโลกบอกว่า เมื่อครั้งพระเจ้าสร้างโลกขึ้นมาใหม่ ๆ อดัมและอีฟได้ละเมิดคำสั่งพระเจ้า กัดกินผลไม้ต้องห้ามของสวนอีเดนในวันศุกร์ จึงถูกพระเจ้าลงโทษให้ลงมาชดใช้กรรมในโลกมนุษย์ ซึ่งเป็นวันศุกร์เช่นกัน
  11. โรคความหวาดกลัวอาถรรพ์ศุกร์ 13 หรือ “พาราสเคฟดิคาเทรียโฟเบีย” (paraskevidekatriaphobia) หรือโรค “ฟริกกาทริสไคเดคาโฟเบีย” (friggatriskaidekaphobia) มีการประเมินออกมาแล้วว่าคนส่วนใหญ่เป็นโรคนี้ถึง 21 ล้านคนในสหรัฐอเมริกา ซึ่งพวกเขายังมีความเชื่อเรื่องนี้อยู่
  12. ตามข้อมูลใน Wikipedia บอกไว้ว่า ถ้าเดือนใดก็ตามที่เริ่มต้นวันแรกเป็นวันอาทิตย์ เดือนนั้นจะมีวันศุกร์ที่ 13 เกิดขึ้น แต่ทั้งนี้ในแต่ละปีจะเกิดขึ้นไม่เกิน 3 ครั้ง
  13. เมืองไทยก็ไม่น้อยหน้า หลายโรงแรมและตึกหลายแห่งก็ไม่มีชั้นที่ 13 เช่น โรงแรมอโนมา สวิสโฮเต็ล เป็นต้น เนื่องจากกลัวความอาถรรพ์ กระทั่งตัวลิฟต์หลายสำนักงานก็จะไม่มีปุ่มกดชั้นที่ 13 เช่นกัน

ที่มา – Wikipedia

Advertisement

กดเพื่ออ่านเพิ่มเติม
Advertisement

NaniTalk S.

เป็นนักเขียนที่ขยันขันแข็งและมุ่งมั่นที่จะผลิตเนื้อหาที่มีคุณภาพ เรียนรู้และเติบโตอยู่เสมอ เชื่อว่าเนื้อหาที่ดีสามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อโลกได้

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button