มวยเป็นกีฬาที่มีประวัติศาสตร์มายาวนาน หลายคนคงอยากรู้จักกับประวัติมวยสากลและกฏกติกามวยสากล ให้มากขึ้นเพื่อความสนุกในการชมและเชียร์เวลามีการแข่งขัน
ประวัติมวยสากล
มวยสากล (Boxing) คือ ศิลปะการต่อสู้ชนิดหนึ่งที่สู้กันด้วยหมัดทั้ง 2 ข้าง มีการแข่งขันตั้งแต่สมัยกีฬาโอลิมปิกยุคโบราณ และเป็นที่นิยมมาจนถึงปัจจุบัน มวยสากล จะกำหนดการให้คะแนน ถ้าไม่มีฝ่ายไหนแพ้ชนะน็อค จะตัดสินจากคะแนนรวมยกที่ 12 คือยกสุดท้าย
มวยสากลเป็นศิลปะการต่อสู้ที่มีมาแต่โบราณ โดยเป็นการต่อสู้ด้วยมือเปล่าของทหารในสนามรบ และกลายเป็นเกมกีฬาในการแข่งขันโอลิมปิคยุคโบราณ โดยที่นักมวยในยุคนั้นไม่มีการจำกัดน้ำหนัก ไม่สวมเครื่องป้องกันตัว และไม่จำกัดว่าต้องใช้ได้เพียงหมัด สามารถกัดหรือถองคู่ต่อสู้ได้ โดยไม่มีกติกามากนัก
เพียงแต่นักมวยทั้งคู่ต้องถอดเสื้อผ้าให้หมดทั้งตัว เพื่อไม่ให้ซ่อนอาวุธเอาไว้ จนกระทั่งในปี 2236 เจมส์ ฟิกก์ (James Figg) ผู้ชนะเลิศการต่อสู้ด้วยมือเปล่าชาวอังกฤษได้กำหนดกฎกติกาในการชก จนได้รับการเรียกขานว่าเป็น “บิดาแห่งมวยสากล” และต่อมาก็ได้มีผู้สร้างนวมขึ้นมา แต่ยังไม่มีการใช้ จนกระทั่งในปี 2432 จอห์น แอล ซัลลิแวน (John L. Sulrivan) ผู้ชนะเลิศการชิงแชมป์มวยด้วยมือเปล่า ประกาศว่าจะไม่ขอขึ้นชกด้วยมือเปล่าอีกต่อไป เป็นจุดเริ่มต้นของการชกด้วยการสวมนวม และได้พัฒนาจนมาเป็นเกมกีฬาที่มีกติกาชัดเจนเช่นในปัจจุบัน
มวยสากลในประเทศไทย
มวยสากลหรือที่เรียกในยุคแรกว่า “มวยฝรั่ง” เข้าสู่ประเทศไทยครั้งแรกราว 2455 โดยได้แบบอย่างจากประเทศอังกฤษ ผู้นำมาเผยแพร่คือหม่อมเจ้าวิบูลย์สวัสดิวงศ์ สวัสดิกุล ครั้งแรกนำมาเผยแพร่ที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย และแพร่ต่อไปยังโรงเรียนต่างๆ มีการจัดแข่งขันมวยนักเรียนซึ่งเป็นแบบมวยสากลสมัครเล่น
ต่อมา พระยาคฑาธรบดีสีหบาลเมือง เช่าพื้นที่ด้านศาลาแดงของสวนลุมพินีจัดให้มีการละเล่นต่างๆ เรียกว่าสวนสนุก มีการสั่งนักมวยสากลจากต่างชาติมาชกโชว์เรียกว่า “เต็ดโชว์” เมื่อเป็นที่นิยมจึงมีการคัดเลือกนักมวยสากลชาวไทยข้นชกกับนักมวยต่างชาติเหล่านั้นในแบบมวยสากลอาชีพ การชกระหว่างนักมวยสากลชาวไทยกับต่างชาติมีขึ้นครั้งแรกเมื่อ 7 ธันวาคม 2472 ในวันนั้น สุวรรณ นิวาศวัต นักมวยไทยชื่อดังขึ้นชกเป็นคู่แรก แพ้น็อค เทอรี่ โอคัมโป (ฟิลิปปินส์) ยก 4 ส่วนคู่ที่ 2 โม่ สัมบุณณานนท์ ชนะน็อค ยีซิล โคโรนา (ฟิลิปปินส์) ยก 4
จากนั้นกีฬามวยสากลเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น มีนักมวยสากลชาวไทยชกชนะสร้างชื่อเสียงอยู่เนืองๆ เช่น สมพงษ์ เวชสิทธิ์ เป็นแชมป์มวยสากลของสิงคโปร์ ผล พระประแดงเป็นรองแชมป์โลกคนแรก จำเริญ ทรงกิตรัตน์ เป็นแชมป์ OPBF คนแรกและขึ้นชิงแชมป์โลกเป็นคนแรกด้วยแต่ไม่สำเร็จ แชมป์โลกชาวไทยคนแรกคือ โผน กิ่งเพชร ซึ่งได้ครองแชมป์เมื่อ 2503
กติกามวยสากล
กติกาในการชก จะแบ่งการชกเป็น 5 ยก 1 ยก มีเวลา 5 นาที ชกกับคู่ต่อสู้เพื่อให้ได้คะแนน สู้จนครบ 5 ยก ก็จะรวมคะแนนว่าใครชนะ ถ้าภายในเวลา 1 ยก สามารถทำให้คู่ต่อสู้ไม่สามารถชกต่อไปได้ก็ชนะกติกามวยสากลสมัครเล่น
- กรรมการให้คะแนนชี้ขาด 3 คน
- แต่ละคนให้คะแนนหลังจบแต่ละยก 10 หรือ 9
- ครบ 3 ยก (ชาย) มีคะแนนเต็ม 30
- ครบ 4 ยก (หญิง) คะแนนเต็ม 40
- กรณีกรรมการ 3 คนให้ชนะ 1 เสมอ 2 ต้องดูผลคะแนนของกรรมการที่ให้เสมอ เฉพาะ 2 ยกหลังเท่านั้น เหตุผลคือใครอึดกว่ากัน คนนั้นควรเป็นผู้ชนะ
ประโยชน์ของมวยสากล
การฝึกมวยไทยก่อให้เกิดการพัฒนาทางด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสังคม สร้างความมีระเบียบวินัยและส่งเสริมอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีไทยอันดีงาม เป็นศิลปะการต่อสู้ ที่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ในยามคับขันอีกด้วย นอกจากนี้หากผู้ฝึกมวยไทยได้ฝึกอย่างจริงจัง ก็สามารถเป็นนักกีฬา ที่ทำรายได้ให้แก่ตนเองได้
ทิ้งท้าย
ข้อมูลนี้เป็นข้อมูลคร่าว ๆ ของกีฬามวยสากล หวังว่าทุกท่านจะเข้าใจกฏกติกา และประวัติมวยสากลกันมากขึ้น