How To

10 เทคนิคถ่ายรูป ยกระดับการถ่ายรูปด้วยมือถือไปอีกขั้น!

ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือเป็นผู้มีประสบการณ์ในการถ่ายรูปมาก่อน นี่คือเทคนิคถ่ายรูปบางส่วนที่จะช่วยปรับปรุงการถ่ายรูปของคุณให้ดีมากขึ้่น!

องค์ประกอบในการถ่ายภาพคืออะไร?

จุดประสงค์หลักของการจัดองค์ประกอบภาพ คือมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการรับชมภาพ สิ่งนี้ทำให้เข้าใจหลักการของการจัดองค์ประกอบภาพในการถ่ายภาพและรู้วิธีนำสายตาของผู้ชมไปยังวัตถุหรือจุดโฟกัส ที่คุณต้องการให้พวกเขามองเห็น

องค์ประกอบที่ดีเป็นอย่างไร

เมื่อพูดถึงการจัดองค์ประกอบภาพ การถ่ายภาพเป็นเรื่องจุกจิก มีองค์ประกอบหลายอย่างที่ต้องพิจารณา และองค์ประกอบทั้งหมดต้องมีตำแหน่ง มิติ สี ความสว่าง และรูปร่างที่เหมาะสม องค์ประกอบที่ดี คือ สิ่งที่องค์ประกอบภาพทุกองค์ประกอบมีบทบาทที่ชัดเจนและเพิ่มบางสิ่งบางอย่างให้กับเรื่องราว

เพื่อการจัดองค์ประกอบภาพที่ดี การถ่ายภาพต้องมีความสมดุลระหว่างองค์ประกอบในเฟรม หมายความว่าคุณต้องวางสมดุลปริมาณของรายละเอียดและพื้นที่ ไฮไลท์และเงา ฯลฯ ความหมายของจุดโฟกัสหรือแบ็คกราวด์มีน้ำหนักเท่าไหร่? บรรยากาศที่เกิดจากคุณภาพของแสงและโทนสีอาจเพิ่มหรือลดน้ำหนักขององค์ประกอบอื่น ๆ

Advertisement

ความลึกซึ้งของบทบาทในภาพยนตร์มาจากการโต้ตอบกับตัวละครหลัก ในทำนองเดียวกัน น้ำหนักขององค์ประกอบภาพจะส่งผลต่อน้ำหนักขององค์ประกอบโดยรอบ เส้นนำมีค่าเฉพาะในความสัมพันธ์กับองค์ประกอบที่ทำให้คุณมอง องค์ประกอบที่ดีจะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างองค์ประกอบต่าง ๆ

กฎและเทคนิคถ่ายรูป

กฎและเทคนิคถ่ายรูปโปรไฟล์ “กฎ” ในการจัดองค์ประกอบภาพจะมีประโยชน์เสมอ ลองดูว่าช่วยคุณให้การถ่ายภาพของคุณไปสู่อีกระดับได้อย่างไร

1. ใช้กฎสามส่วน

เทคนิคถ่ายรูปใช้กฎสามส่วน

การจัดวางตำแหน่งหลักของภาพถ่าย เป็นองค์ประกอบหนึ่งที่สามารถทำให้เกิดผลทางด้านแนวความคิด และความรู้สึกได้ การวางตำแหน่งที่เหมาะสมของจุดสนใจในภาพ เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญ และที่นิยมกันโดยทั่วไปคือ กฎสามส่วน

กฎสามส่วนกล่าวไว้ว่า ไม่ว่าภาพจะอยู่แนวตั้งหรือแนวนอนก็ตาม หากเราแบ่งภาพนั้นออกเป็นสามส่วน ทั้งตามแนวตั้งและแนวนอน แล้วลากเส้นแบ่งภาพทั้งสามเส่น จะเกิดจุดตัดกันทั้งหมด 4 จุด ซึ่งจุดตัดของเส้นทั้งสี่นี้ เป็นตำแหน่งที่เหมาะสมสำหรับการจัดวางวัตถุที่ต้องการเน้นให้เป็นจุดเด่นหลัก ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ นั้น เป็นส่วนสำคัญที่รองลงมา

2. การถือกล้อง

เทคนิคถ่ายรูปโดยการถือกล้อง

วัตถุประสงค์หลัก ๆ ของการถือกล้องก็คือจับให้แน่น ๆ เพื่อไม่ให้เกิดการสั่นไหวในขณะถ่ายจะทำให้ได้ภาพชัด

  1. ใช้มือขวาจับด้านขวาของกล้องให้มั่น โดยให้นิ้วชี้แตะอยู่บนปุ่มชัตเตอร์เบา ๆ วนอีกสามนิ้วที่เหลือให้โอบหน้ากล้องเอาไว้ และนิ้วโป้งให้ยึดไว้หลังกล้อง
  2. ใช้มือซ้ายรองรับน้ำหนักกล้องเอาไว้ หรืออาจจับรอบเลนส์ก็ได้
  3. อย่ากางศอกเวลาถ่ายรูป และควรถือกล้องห่างจากใบหน้าราว ๆ 30 ซ.ม. หรือพยายามให้ใกล้ได้มากที่สุด โดยถ้าเป็นไปได้ให้เอากล้องมาแนบตาทุกครั้งในกรณีที่กล้องมีช่องมองภาพ
  4. เอนหลังพิงกำแพงหรือต้นไม้ ก็จะช่วยให้ถือกล้องได้นิ่งขึ้นได้

การจับถือกล้องที่ดีก็มีชัยไปกว่าครึ่ง เพราะจะทำให้เราได้ภาพที่คมชัด ปราศจากการสั่นไหวจากมือเรา แม้ในบางครั้งเราอาจจะต้องเกร็งและกลั้นหายใจ บ้างในการกดถ่ายภาพเพื่อประคองกล้องในมั่นคงที่สุดในตอนถ่ายภาพ ประเด็นสำคัญคือเพื่อไม่ให้เกิดการสั่นไหวจากการถือกล้องด้วยมือนั่นเอง

3. กฎการถ่ายภาพสามเหลี่ยม

เทคนิคถ่ายรูปกฎการถ่ายภาพสามเหลี่ยม

กฎการถ่ายภาพสามเหลี่ยม คือ การแสดงภาพของความสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบหลักสามส่วนของการถ่ายภาพ ISO, ความเร็วชัตเตอร์ และรูรับแสง การรวมค่า ISO, รูรับแสงและความเร็วชัตเตอร์จะทำให้ได้ค่าแสงที่เท่ากันสำหรับการตั้งค่าเฉพาะ หากมีการปรับองค์ประกอบใด ๆ เหล่านี้ ภาพที่ได้จะไม่เหมือนกัน ถ้าคุณเพิ่ม f-stop เพื่อลดปริมาณแสงที่จะรับไปยังเซ็นเซอร์คุณจะต้องปรับความเร็วชัตเตอร์และ ISO เพื่อให้ได้แสงที่เท่ากัน ไม่อย่างนั้นภาพของคุณอาจพร่ามัวหรือสว่างเกินไป (Overexposed หรือ Underexposure)

4. ใช้ฟิลเตอร์ PL (Polarizing filter)

เทคนิคถ่ายรูปใช้ฟิลเตอร์ PL (Polarizing filter)

ฟิลเตอร์ PL คืออะไร (Polarizing filter) filter PL ย่อจาก Polarizing filter อ่านว่า โพลาไรซ์ซิง ฟิลเตอร์ เป็นอุปกรณ์ที่มีลักษณะเป็นชิ้นเลนส์สองชิ้นประกอบติดกัน สามารถหมุนได้ และมีกรอบขนาดต่าง ๆ เอาไว้สวมติดหน้าเลนส์กล้องถ่ายรูป ที่เราเรียกกันว่าฟิลเตอร์ (filter) ฟิลเตอร์ชนิดนี้มีหน้าที่เอาไว้ตัดแสงสะท้อนของผิววัตถุที่เป็นอโลหะทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็น น้ำ กระจก ใบไม้ หรือท้องฟ้า

นอกจากเอาไว้ตัดแสงสะท้อนแล้ว ที่ช่างภาพเข้าใจกันดี คือเอาไว้ทำให้ท้องฟ้ามีสีน้ำเงินเข้มขึ้นกว่าปกติ ในมุม 90 องศา

โดยมีหลักการใช้ง่าย ๆ คือ ท้องฟ้าที่จะมีสีเข้มนั้นจะต้องตั้งฉาก 90 องศากับดวงอาทิตย์ วิธีง่าย ๆ คือลองกำมือแล้วกางนิ้วชี้กับนิ้วโป้ออก ทำเป็นรูปตัว L นิ้วชี้ ชี้นิ้วชี้ไปไปที่ดวงอาทิตย์ ส่วนนิ้วโป้ตั้งฉาก มุมของท้องฟ้าที่จะเป็นสีน้ำเงินจะอยู่ตรงทางทิศที่นิ้วโป้หันไปรอบ ๆ แล้วมุมชิ้นเลนส์ด้านหน้าที่ประกบกันจนกว่าจะมีสีเข้มขึ้น

5. สร้างความชัดลึก ชัดตื้น

เทคนิคถ่ายรูปสร้างความชัดลึก ชัดตื้น

ระยะชัดทางด้านหน้าของตำแหน่งที่ปรับความชัด เราจะเรียกว่า ชัดตื้น ส่วนระยะชัดด้านหลังของระนาบความชัด เราเรียกว่าชัดลึก ระยะชัดจากด้านหลังสุดเราเรียกว่า ช่วงความชัด เช่นเลนส์ขนาด 50 มม. ปรับความชัดที่ระยะ 3 เมตร ปรับขนาดรูรับแสง F/16 ระยะชัดด้านหน้าอยู่ที่ 2 เมตร ระยะชัดด้านหลังอยู่ที่ 10 เมตร ถึง 10 เมตร หรือมีช่วงระยะชัด 8 เมตร เป็นต้น

กลอ้งถ่ายภาพ 35 มม. DLR หรือกลอ้งดิจิตอล SLR ในปัจจุบันเป็นระบบ AUTO DIAPHRAGM ซึ่งเลนส์จะเปิดรูรับแสงกว้างสุดเอาไว้ตลอดเวลา เพื่อให้ผู้ใช้สามารถปรับความชัด (ปรับโฟกัส) และช่องมองภาพได้ง่ายขึ้น ดังนั้นภาพที่ปรากฏในช่องมองภาพที่มีระยะชัดลึกน้อยที่สุดของเลนส์ที่กำลัง ใช้งานอยู่ เมื่อชัตเตอร์บันทึกภาพ ระบบควบคุมของกลอ้งจะทำให้รูรับแสงหรี่ลงมาตามขนาดรูรับแสงจริงที่เราตั้งเอาไว้จากนั้นชัตเตอร์จึงทำงาน หลังจากที่ชัตเตอร์ปิด รูรับแสงก็จะเปิดกว้างสุดเหมือนเดิม หากถ่ายภาพโดยใช้รูรับแสงแคบ เช่น F/11 คุณก็จะได้ภาพถ่ายที่มีระยะชัดลึกมากกว่าที่มองเห็นในช่องมองภาพ

ชัดลึกและชัดตื้นจะมีความหมายในอีกกรณีหนึ่ง คือการชัดและเบลอของฉากหน้าและฉากหลัง ถ้าฉากหน้าและฉากหลังเบลอมากเราเรียกว่า ชัดตื้น หากชัดมากเราจะเรียกว่าชัดตื้น แต่เนื่องจากความชัดลึกชัดตื้นในกรณีนี้เป็นความรู้สึกของผู้ดูภาพซึ่งแต่ละบุคคลจะมีความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป

6. เลือกพื้นหลังที่เรียบง่าย

เทคนิคถ่ายรูปเลือกพื้นหลังที่เรียบง่าย

วิธีที่ดีที่สุดในการดึงดูดสายตาคนก็คือทำให้พื้นหลังนั้นเรียบง่ายที่สุด ถ้ามีจุดสนใจมากเกินไปจะทำให้ภาพไม่มี impact เท่าที่มันควรจะมี แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องเป็นพื้นหลังสีขาวหรือดำแบบธรรมดาจนเกินไป เรียบง่ายในที่นี้หมายถึงพื้นหลังที่ไม่ดึงจุดสนใจของตัวแบบหลักจนเกินไป”

7. อย่าใช้แฟลชในที่ร่ม

เทคนิคถ่ายรูปอย่าใช้แฟลชในที่ร่ม

แฟลชจะทำให้ไม่เป็นธรรมชาติโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการถ่ายภาพบุคคล ดังนั้นจึงมีหลายวิธีที่คุณสามารถถ่ายภาพในร่มได้โดยไม่ต้องใช้แฟลช

ขั้นแรกให้ดัน ISO ขึ้น โดยปกติแล้ว ISO 800 ถึง 1600 จะสร้างความแตกต่างอย่างมากสำหรับความเร็วชัตเตอร์ที่คุณสามารถเลือกได้ ใช้รูรับแสงที่กว้างที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ วิธีนี้แสงจะเข้าถึงเซ็นเซอร์ได้มากขึ้นและคุณจะมีฉากหลังเบลอที่สวยงาม การใช้ขาตั้งกล้องหรือเลนส์ IS (ป้องกันภาพสั่นไหว) ก็เป็นวิธีที่ดีในการหลีกเลี่ยงภาพเบลอ

หากคุณต้องใช้แฟลชอย่างแน่นอนให้ใช้แฟลชที่มีหัวที่คุณสามารถหมุนได้และชี้แสงไปที่เพดานเป็นมุม

8. เลือก ISO ที่เหมาะสม

เทคนิคถ่ายรูปเลือก ISO ที่เหมาะสม
ISO test Leica SL

การตั้งค่า ISO จะกำหนดว่ากล้องของคุณมีความไวต่อแสงเพียงใดและความละเอียดของเกรนของภาพ ISO ที่เราเลือกขึ้นอยู่กับสถานการณ์ เมื่อมืดเราต้องดัน ISO ให้สูงขึ้นให้ตั้งแต่ 400 – 3200 เพราะจะทำให้กล้องมีความไวต่อแสงมากขึ้นจากนั้นเราจะหลีกเลี่ยงการเบลอได้ ในวันที่มีแดดเราสามารถเลือก ISO 100 หรือการตั้งค่าอัตโนมัติได้เนื่องจากเรามีแสงมากขึ้น

ISO Auto ตัวกล้องจะเป็นผู้คำนวนสถานการณ์ ณ ตรงหน้า และ ทำการเลือกค่า ISO ที่เหมาะสมให้ทันทีครับ ซึ่งค่า ISO ที่เหมาะสมที่ตัวกล้องทำการเลือกให้นั้น จะแตกต่างกันไป เพราะ ระบบประมวลผลในกล้องแต่ละรุ่นนั้น ล้วนมีวิธีการคิดที่แตกต่างกันออกไป แต่โดยส่วนมาก ตัวกล้องจะพยายามเลือกค่า ISO ที่ทำให้ได้ค่า Speed Shutter มากเพียงพอที่จะไม่ทำให้ภาพเกิดการสั่นไหว

9. ถ่ายภาพเคลื่อนไหว

เทคนิคถ่ายรูปถ่ายภาพเคลื่อนไหว

การถ่ายภาพเคลื่อนไหว หมายถึง การถ่ายภาพของวัตถุที่เคลื่อนไหว เช่น คนวิ่ง กระโดดโลดเต้น เล่นชิงช้ากระโดดสูง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน รถกำลังแล่น หรือการแข่งขันกีฬาด้านความเร็วประเภทต่าง ๆ การถ่ายภาพวัตถุที่เคลื่อนไหว ดังกล่าวอาจจะทำได้ใน 3 ลักษณะ คือ

การจับภาพวัตถุที่กำลังเคลื่อนไหวให้หยุดนิ่ง (Stop – action)

การถ่ายภาพในลักษณะนี้ต้องตั้งความเร็วชัตเตอร์ให้สูง เช่น 1/250, 1/500 หรือ 1/1000 วินาที ตามความเหมาะสมกับความเร็วของวัตถุที่กำลังเคลื่อนที่ เมื่อตั้งความเร็วชัตเตอร์ สูง ๆ จำเป็นต้องเปิดช่องรับแสงให้กว้างขึ้น เพื่อชดเชยให้แสง

การถ่ายภาพวัตถุที่กำลังเคลื่อนไหวให้หยุดนิ่งได้นั้น จะตั้งความเร็วชัตเตอร์เท่าใดย่อมขึ้นอยู่กับองค์ประกอบ 4 ประการ คือ

  • ความเร็วของวัตถุที่กำลังเคลื่อนไหว
  • ทิศทางการเคลื่อนไหวของวัตถุ
  • ระยะทางจากกล้องถึงวัตถุ
  • ความยาวโฟกัสของเลนส์

การถ่ายภาพวัตถุที่เคลื่อนไหวดูแล้วให้รู้สึกว่าเหมือนกำลังเคลื่อนไหว

การถ่ายภาพในลักษณะนี้ ต้องตั้งความเร็วชัตเตอร์ ให้ช้า ๆ เช่น 1/30 วินาที, 1/15 วินาที หรือ 1/8 วินาที เป็นต้น เมื่อตั้งความเร็วชัตเตอร์ช้า ก็ต้องเปิดช่องรับแสงให้เล็กลง ภาพที่ได้จะปรากฏว่าสิ่งที่กำลังเคลื่อนไหวจะดูพร่า ทำให้เห็นว่าวัตถุนั้นกำลังเคลื่อนที่ส่วนวัตถุหรือสิ่งที่อยู่นิ่งจะคมชัด และการถ่ายภาพลักษณะนี้ควรจับถือกล้องให้นิ่งและมั่นคง หรือควรใช้ขาตั้งกล้องช่วย เพื่อไม่ให้กล้องสั่นไหว

การถ่ายภาพวัตถุที่กำลังเคลื่อนไหวให้เห็นวัตถุชัด ส่วนฉากหลังพร่ามัวเป็นทางยาว

การถ่ายภาพในลักษณะนี้ จะต้อง แพนกล้อง (Paning) ตามวัตถุที่กำลังเคลื่อนไหว พร้อม ๆ กับการกดไกชัตเตอร์ ความเร็วชัตเตอร์ความตั้งให้ช้า เช่น 1/60วินาที,1/30วินาทีหรือช้ากว่าทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเร็วของวัตถุที่เคลื่อนที่ด้วยการปรับระยะชัดให้ปรับไปตรงจุดที่วัตถุ เคลื่อนที่ผ่าน

10. ทดลองใช้ความเร็วชัตเตอร์

เทคนิคถ่ายรูปทดลองใช้ความเร็วชัตเตอร์

อย่ากลัวที่จะเล่นกับความเร็วชัตเตอร์เพื่อสร้างเอฟเฟกต์ที่น่าสนใจ เมื่อถ่ายภาพในเวลากลางคืนให้ใช้ขาตั้งกล้องและลองถ่ายภาพโดยใช้ความเร็วชัตเตอร์ที่ตั้งไว้ที่ 4 วินาที คุณจะเห็นว่ามีการจับการเคลื่อนไหวของวัตถุพร้อมกับเส้นแสง

ลองถ่ายภาพองค์ประกอบอื่น ๆ ที่มีวัตถุเคลื่อนไหวหรือฉากหลังเช่นคลื่นบนชายหาดฝูงชนที่เดินรถสัญจรไปมาด้วยความเร็วชัตเตอร์ที่แตกต่างกันเพื่อจับภาพการเคลื่อนไหวที่เบลอหรือภาพรวมที่ทำให้ทุกอย่างหยุดนิ่งได้ทันเวลา

Advertisement

Source
bobbooks
กดเพื่ออ่านเพิ่มเติม
Advertisement

NaniTalk S.

เป็นนักเขียนที่ขยันขันแข็งและมุ่งมั่นที่จะผลิตเนื้อหาที่มีคุณภาพ เรียนรู้และเติบโตอยู่เสมอ เชื่อว่าเนื้อหาที่ดีสามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อโลกได้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button