ร่างกายควรบริโภคน้ำตาลไม่เกิน 24 กรัมต่อวัน เทียบได้กับน้ำตาล 6 ช้อนชา แต่ถ้าเป็นเด็กเล็ก หรือผู้สูงอายุ ควรบริโภคน้ำตาลน้อยกว่านี้ คือไม่เกิน 16 กรัมต่อวัน หรือ 4 ช้อนชา แต่หลายคนได้รับน้ำตาลจากเครื่องดื่ม อาหาร และขนมในปริมาณเกินความต้องการ จนนำไปสู่โรคอ้วนและโรคเรื้อรังต่าง ๆ การกินผลไม้ที่มีน้ำตาลแฝงอยู่อาจเป็นความกังวลของใครหลายคนไป และทำให้เกิดความสงสัยว่า ผลไม้น้ำตาลน้อยอะไรบ้างที่สามารถเลือกรับประทานได้ในปริมาณที่เหมาะสม
การกินผลไม้ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เป็นที่รู้กันดีว่า ผลไม้หลาย ๆ ชนิดนั้น ให้สารอาหารที่สำคัญ และมีประโยชน์กับร่างกาย เพราะในผลไม้มีไฟเบอร์ หรือ ใยอาหารสำคัญที่ช่วยในการขับถ่าย แต่หากรับประทานมากไปก็ไม่ดี เพราะในผลไม้บางชนิดก็มีน้ำตาลที่ค่อนข้างสูง
นักโภชนาการ Bonnie Taub-Dix ผู้เขียนหนังสือเรื่อง Read It Before You Eat It กล่าวว่า “ผลไม้ให้สิ่งที่เราต้องการมากมาย มันให้วิตามิน เกลือแร่ และสารต้านอนุมูลอิสระ นอกจากนี้ยังให้ความชุ่มชื้นแก่เราและให้เส้นใยอาหารแก่เรา ซึ่งจะเติมเต็มเรา”
น่าเสียดายที่คนไม่กินผลไม้มากเท่าที่ควร ผู้ใหญ่เพียง 1 ใน 10 คนเท่านั้นที่ได้รับผักและผลไม้เพียงพอเพื่อสร้างอาหารที่สมดุลตาม CDC การขาดอาหารที่สำคัญเหล่านี้อาจนำไปสู่ความเจ็บป่วยเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวานและโรคหัวใจ
ผลไม้น้ำตาลน้อย
แม้ว่าผลไม้จะมีสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย แต่บางพันธุ์ก็มีน้ำตาลสูงกว่าผลไม้อื่น ๆ เรียนรู้ว่าผลไม้น้ำตาลน้อยชนิดใดที่มีปริมาณน้ำตาลต่ำที่สุด เพื่อให้คุณได้รับความหวานได้โดยไม่ต้องลดความหวาน ผลไม้ที่มีน้ำตาล น้อย ได้แก่
แอปเปิ้ล
แอปเปิลเป็นผลไม้น้ำตาลต่ำ หวานน้อย แต่มีประโยชน์สูงมาก เพราะอุดมไปด้วยวิตามินซี และมีโพแทสเซียมสูง มีส่วนช่วยต้านอนุมูลอิสระ และยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ ทั้งนี้แอปเปิลยังเป็นผลไม้ที่มีกากใยสูง และให้พลังงานต่ำ ป้องกันเลือดออกตามไรฟัน และช่วยระบบถ่ายทำงานได้ดี และความคุมความหิวให้อิ่มท้องได้นานอีกด้วย
คุณค่าทางอาหารของแอปเปิล (100 กรัม)
พลังงาน | 52 kcal |
น้ำ | 85 g |
น้ำตาล | 10 g (2 ช้อนชา) |
ใยอาหาร | 2.4 g |
เบต้าแคโรทีน | 36 mcg |
วิตมินซี | 4.6 mg |
โปแตสเซี่ยม | 98 mg |
แตงโม
เป็นผลไม้ฉ่ำน้ำที่มีให้กินทุกฤดูกาล รสชาติจะหวานฉ่ำ ชื่นใจ เนื้อแตงโม 100 กรัม มีน้ำตาลประมาณ 5.3-8 กรัม หรือ 1.3-2 ช้อนชา ถือว่าเป็นผลไม้น้ำตาลน้อย น้ำตาลในแตงโมเป็นน้ำตาลที่ร่างกายดูดซึมได้ไว ดังนั้นอาจไม่เหมาะกับผู้ป่วยเบาหวาน หลายคนอาจเข้าใจผิดคิดว่าแตงโมเป็นผลไม้ที่ทำให้อ้วน แต่จริง ๆ แล้วแตงโมเป็นผลไม้ช่วยลดน้ำหนัก แถมทำให้กินแล้วรู้สึกอิ่มเร็ว มีใยอาหารสูง แคลอรีต่ำ เนื้อแตงโมอุดมไปด้วยแคลเซียม โพแทสเซียม เบตาแคโรทีน ซึ่งมีส่วนช่วยบำรุงร่างกาย และป้องกันภาวะไขมันอุดตันในเส้นเลือด
คุณค่าทางอาหารของแตงโม (100 กรัม)
พลังงาน | 30 kcal |
น้ำ | 91.45 g. |
น้ำตาล | 6.20 g. (1 ช้อนชาครึ่ง) |
คาร์โบไฮเดรต | 7.55 g. |
โปรตีน | 0.61 g. |
ใยอาหาร | 0.4 g. |
เบต้าแคโรทีน | 483 mcg. |
วิตามินซี | 8.1 mg. |
โปแตสเซี่ยม | 112 mg. |
อโวคาโด
ผลไม้ที่กำลังได้รับความนิยมกลุ่มคนรักสุขภาพ ในอะโวคาโดประกอบไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ รวมถึงวิตามินอี วิตามินเอ วิตามินบี และวิตามินซี อีกทั้งยังมีกรดไขมันที่ดี ไขมันไม่อิ่มตัว ที่ช่วยเผาผลาญไขมันอิ่มตัวในร่างกาย อะโวคาโดจึงกลายเป็นผลไม้ในเมนูเพื่อสุขภาพ สลัด และอาหารคลีน ช่วยลดระดับไขมันชนิดเลว แถมยังมีไฟเบอร์สูง โปรตีนสูง คาร์โบไฮเดรตต่ำ และมีน้ำตาลน้อย ผู้ป่วยเบาหวานก็สามารถทานได้ ทั้งนี้ในอะโวคาโดยังมีไฟโตเคมิคอลที่ช่วยลดความเครียด และลดการอักเสบ
คุณค่าทางอาหารของอโวคาโด (100 กรัม)
แคลอรี (kcal) | 160 |
ไขมันทั้งหมด | 15 g |
ไขมันอิ่มตัว | 2.1 g |
คอเลสเตอรอล | 0 mg |
โซเดียม | 7 mg |
โพแทสเซียม | 485 mg |
คาร์โบไฮเดรต | 9 g |
เส้นใยอาหาร | 7 g |
น้ำตาล | 0.7 g |
โปรตีน | 2 g |
ฝรั่ง
ฝรั่งเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงมาก จึงช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานแก่ร่างกาย ให้ห่างไกลจากโรคหวัด ลักปิดลักเปิด ทั้งยังช่วยป้องกันโรคความดันโลหิตสูง ลดไขมันในเส้นเลือด และมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอย และลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็ง แก้ท้องผูก ลดสารพิษในร่างกาย ช่วยดับกลิ่นปาก ลดความเสี่ยงโรคลำไส้อักเสบ และยังเป็นผลไม้ลดน้ำหนัก เพราะให้พลังงานน้อย
คุณค่าทางอาหารของฝรั่ง (100 กรัม)
แคลอรี (kcal) | 68 |
ไขมันทั้งหมด | 1 g |
ไขมันอิ่มตัว | 0.3 g |
คอเลสเตอรอล | 0 mg |
โซเดียม | 2 mg |
โพแทสเซียม | 417 mg |
คาร์โบไฮเดรต | 14 g |
เส้นใยอาหาร | 5 g |
น้ำตาล | 9 g |
โปรตีน | 2.6 g |
แคนตาลูป
ผลไม้ลดน้ำหนัก มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงผิวพรรณ เส้นผม เล็บ ให้มีสุขภาพดี ทั้งยังมีวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกาย ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้แข็งแรง ต้านการอักเสบ ทำให้ร่างกายติดเชื้อยากขึ้น อีกทั้งโพแทสเซียมในเนื้อแคนตาลูปยังช่วยควบคุมความดันโลหิตให้เป็นปกติ อุดมไปด้วยวิตามินเอที่สูงมาก และ ช่วยบำรุงสายตา ในแคนตาลูป 100 กรัม มีน้ำตาลเพียง 7.9 กรัมเท่านั้น
คุณค่าทางอาหารของแคนตาลูป (100 กรัม)
แคลอรี (kcal) | 33 |
ไขมันทั้งหมด | 0.2 g |
ไขมันอิ่มตัว | 0.1 g |
คอเลสเตอรอล | 0 mg |
โซเดียม | 16 mg |
โพแทสเซียม | 267 mg |
คาร์โบไฮเดรต | 8 g |
เส้นใยอาหาร | 0.9 g |
น้ำตาล | 8 g |
โปรตีน | 0.8 g |
ชมพู่
ช่วยเรื่องระบบขับถ่ายได้เป็นอย่างดี เพราะในชมพู่มีเส้นใยอาหารทั้งแบบละลายน้ำได้และไม่ได้ ทั้งยังมีวิตามินเอสูง ช่วยบำรุงสายตาและผิวพรรณ ตลอดจนมีสรรพคุณในการลดคอเลสเตอรอล ลดความเสี่ยงโรคไขมันอุดตันเส้นเลือด ป้องกันการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และโรคหัวใจได้อีกด้วย
คุณค่าทางอาหารของชมพู่ (100 กรัม)
แคลอรี (kcal) | 32 |
ไขมันทั้งหมด | 0 g |
ไขมันอิ่มตัว | |
คอเลสเตอรอล | |
โซเดียม | |
โพแทสเซียม | 15 mg |
คาร์โบไฮเดรต | 7.5 g |
เส้นใยอาหาร | 0.8 g |
น้ำตาล | 8.8 g |
โปรตีน | 0.3 g |
สับปะรด
รับประทานสับปะรดหลังมื้ออาหารจะช่วยให้ย่อยอาหารได้ดีขึ้น เพราะในสับปะรดมีความเป็นกรดและมีเอนไซม์บรอมมีเลน ที่มีฤทธิ์ในการย่อยโปรตีน ทั้งยังช่วยขับปัสสาวะ เสมหะ แก้ไอ ลดอาการบวมและอักเสบ ช่วยแก้อาการท้องผูก ลดเสมหะในลำคอ รักษาโรคนิ่ว ไตอักเสบ ความดันโลหิตสูง หลอดลมอักเสบ ลดอาการอักเสบของผิวหนัง และแกนสับปะรด ช่วยขับปัสสาวะได้อีกด้วย
คุณค่าทางอาหารของสับปะรด (100 กรัม)
แคลอรี (kcal) | 50 |
ไขมันทั้งหมด | 0.1 g |
ไขมันอิ่มตัว | 0 g |
คอเลสเตอรอล | 0 mg |
โซเดียม | 1 mg |
โพแทสเซียม | 109 mg |
คาร์โบไฮเดรต | 13 g |
เส้นใยอาหาร | 1.4 g |
น้ำตาล | 10 g |
โปรตีน | 0.5 g |
เบอร์รี่
ในตระกูลเบอร์รี่ ได้แก่ บลูเบอร์รี่ สตรอว์เบอร์รี่ แครนเบอร์รี่ และราสป์เบอร์รี่ เบอร์รี่เหล่านี้มักมีใยอาหารสูง มีวิตามินที่ช่วยบำรุงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นวิตามินเอ บี ซี ทั้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง จึงช่วยป้องกันการเกิดโรคอย่างหลากหลาย เช่น โรคตาเสื่อม หัวใจ มะเร็ง และไขมันสะสมในตับ ลดน้ำตาลในเลือด และปริมาณน้ำตาลต่ำ พลังงานต่ำ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก
คุณค่าทางอาหารของเบอร์รี่ (100 กรัม)
แคลอรี (kcal) | 57 |
ไขมันทั้งหมด | 0.3 g |
ไขมันอิ่มตัว | 0 g |
คอเลสเตอรอล | 0 mg |
โซเดียม | 1 mg |
โพแทสเซียม | 77 mg |
คาร์โบไฮเดรต | 14 g |
เส้นใยอาหาร | 2.4 g |
น้ำตาล | 10 g |
โปรตีน | 0.7 g |
ส้ม
ช่วยกระตุ้นระบบขับถ่าย เนื่องจากมีไฟเบอร์และใยอาหารสูง แคลเซียมและวิตามินจากส้มยังช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรงอีกด้วย ผลส้ม 100 กรัม มีพลังงานประมาณ 47 แคลอรี่ คนส่วนใหญ่จึงเลือกกินส้มเป็นผลไม้ลดหุ่น รวมถึงนำไปทำน้ำส้มคั้นก็ดื่มอร่อยไม่แพ้กัน ส้มช่วยบำรุงผิวพรรณให้มีความสดใส เปล่งปลั่ง ช่วยทำให้ผิวไม่แห้งกร้าน ทำให้ผิวชุ่มชื่น และ ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย
คุณค่าทางอาหารของส้ม (100 กรัม)
แคลอรี (kcal) | 57 |
ไขมันทั้งหมด | 0.3 g |
ไขมันอิ่มตัว | 0 g |
คอเลสเตอรอล | 0 mg |
โซเดียม | 1 mg |
โพแทสเซียม | 77 mg |
คาร์โบไฮเดรต | 14 g |
เส้นใยอาหาร | 2.4 g |
น้ำตาล | 10 g |
โปรตีน | 0.7 g |
กล้วย
พลังงานที่ดีของโพแทสเซียม วิตามินบี6 โฟเลต โปรตีน สารอาหารเหล่านั้นจะทำหน้าที่ที่ดีในการเผาผลาญไขมัน ช่วยทำให้การขับถ่ายง่ายขึ้น การกินกล้วย จะทำให้ร่างกายอิ่มและไม่หิวบ่อยเหมาะสำหรับเป็นผลไม้ในการลดน้ำหนัก การดูดซึมน้ำตาลเป็นไปอย่างช้า ๆ ทำให้อิ่มนาน มีเส้นใยสูง และสามารถทานเป็นอาหารว่าง สำหรับผู้ป่วยเบาหวานได้ นอกจากนี้กล้วยยังช่วยลดความดันโลหิต แก้ท้องผูก บำรุงระบบประสาท และสมอง
คุณค่าทางอาหารของกล้วย (100 กรัม)
แคลอรี (kcal) | 88 |
ไขมันทั้งหมด | 0.3 g |
ไขมันอิ่มตัว | 0.1 g |
คอเลสเตอรอล | 0 mg |
โซเดียม | 1 mg |
โพแทสเซียม | 358 mg |
คาร์โบไฮเดรต | 23 g |
เส้นใยอาหาร | 2.6 g |
น้ำตาล | 12 g |
โปรตีน | 1.1 g |
สตรอว์เบอร์รี่
ผลสีแดงสดของสตรอว์เบอร์รีมีสารไลโคปีน และสารบีทาเลน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่พบได้มากในผัก-ผลไม้ที่มีสีแดงหรือสีชมพูอมม่วง โดยสารดังกล่าวมีส่วนช่วยป้องกันมะเร็ง และช่วยบำรุงหัวใจให้แข็งแรง สตรอว์เบอร์รีเป็นผลไม้รสชาติเปรี้ยวอมหวาน แถมมีน้ำตาลน้อยมาก และมีเส้นใยหรือไฟเบอร์ที่สูง อีกทั้งยังอุดมไปด้วยวิตามินซีที่สูง จึงช่วยทำให้ผิวหน้าใส นอกจากนี้ผู้ป่วยเบาหวานก็ยังสามารถทานได้อีกด้วย
คุณค่าทางอาหารของสตรอว์เบอร์รี่ (100 กรัม)
แคลอรี (kcal) | 32 |
ไขมันทั้งหมด | 0.3 g |
ไขมันอิ่มตัว | 0 g |
คอเลสเตอรอล | 0 mg |
โซเดียม | 1 mg |
โพแทสเซียม | 153 mg |
คาร์โบไฮเดรต | 8 g |
เส้นใยอาหาร | 2 g |
น้ำตาล | 4.9 g |
โปรตีน | 0.7 g |
ทับทิม
ในทับทิมมีศักยภาพในการต่อสู้กับความดันโลหิต และสู้กับสภาวะน้ำตาลในเลือดที่สูง ช่วยลดคอเลสเตอรอล รวมถึงมีผลในการลดน้ำหนักได้อย่างดี สามารถเลือกรับประทานทับทิมแบบผลหรือคั้นน้ำก็ได้ เพราะมีประโยชน์ต่อร่างกาย
คุณค่าทางอาหารของทับทิม (100 กรัม)
แคลอรี (kcal) | 82 |
ไขมันทั้งหมด | 1.2 g |
ไขมันอิ่มตัว | 0 g |
คอเลสเตอรอล | 0 mg |
โซเดียม | 3 mg |
โพแทสเซียม | 0 mg |
คาร์โบไฮเดรต | 19 g |
เส้นใยอาหาร | 4 g |
น้ำตาล | 14 g |
โปรตีน | 1.7 g |
มะละกอ
สารต้านอนุมูลอิสระสูงในมะละกอ ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง สุขภาพดี บำรุงผิวพรรณให้สดใส ลดเลือนริ้วรอยต่าง ๆ ช่วยบำรุงประสาทและสมอง เป็นยาระบายอ่อน ๆ แก้อาการท้องผูก และช่วยให้กระเพาะย่อยอาหารได้ง่ายขึ้น ในมะละกอ มีน้ำตาลเพียง 8 กรัมเท่านั้น และแก้กระเพาะอาหารอักเสบด้วย
คุณค่าทางอาหารของมะละกอ (100 กรัม)
แคลอรี (kcal) | 42 |
ไขมันทั้งหมด | 0.3 g |
ไขมันอิ่มตัว | 0.1 g |
คอเลสเตอรอล | 0 mg |
โซเดียม | 8 mg |
โพแทสเซียม | 182 mg |
คาร์โบไฮเดรต | 11 g |
เส้นใยอาหาร | 1.7 g |
น้ำตาล | 8 g |
โปรตีน | 0.5 g |
แก้วมังกร
แก้วมังกรเป็นผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูง มีส่วนสำคัญในการควบคุมระดับน้ำตาลลในเลือด และยังเป็นตัวช่วยในการบำรุงผิวพรรณที่ดี ทำให้ผิวกระจ่างใสและลดการเกิดสิว นอกจากนี้ ยังช่วยต้านการอักเสบและบรรเทาอาการปวดข้อ ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือด ส่วนปริมาณน้ำตาลในแก้วมังกรน้ำหนัก 100 กรัม มีน้ำตาลราว ๆ 8.1-9.8 กรัม หรือประมาณ 2-2.4 ช้อนชา โดยแก้วมังกรเนื้อสีแดงจะมีปริมาณน้ำตาลน้อยกว่าเนื้อสีขาว แนะนำให้รับประทานแก้วมังกรไม่เกินครั้งละ 1/4 ผล ซึ่งจะให้ปริมาณน้ำตาลอยู่ที่ 1.1-1.6 ช้อนชา โดยประมาณ และแก้วมังกรเป็นผลไม้ลดความอ้วนที่หลายคนเลือกรับประทานแทนมื้อเย็น เนื่องจากมีแคลอรีต่ำ รสชาติไม่หวานมาก ช่วยชะลอวัย มีกากใยสูงช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานเป็นปกติ
คุณค่าทางอาหารของแก้วมังกร (100 กรัม)
แคลอรี (kcal) | 66 |
ไขมันทั้งหมด | g |
ไขมันอิ่มตัว | g |
คอเลสเตอรอล | mg |
โซเดียม | mg |
โพแทสเซียม | mg |
คาร์โบไฮเดรต | 12.4 |
เส้นใยอาหาร | 2.6 |
น้ำตาล | g |
โปรตีน | 1.4 |
มะพร้าว
ในมะพร้าวจะมีเอสโตรเจน หรือฮอร์โมนเพศหญิง ช่วยบำรุงผิวพรรณ เสริมความสวยได้ น้ำมะพร้าวจะมีกลิ่นหอม รสชาติหวานสดชื่น น้ำมะพร้าวปริมาณ 100 กรัม ประมาณ 1/3 ผล จะมีน้ำตาล 1.8 ช้อนชา ควรดื่มน้ำมะพร้าวให้พอประมาณ ถ้ารับประทานทั้งลูก น้ำตาลที่ได้รับจากมะพร้าวจะสูงเกินไป และเนื้อมะพร้าว 100 กรัม หรือประมาณ 1 ลุก จะมีน้ำตาลประมาณ 0.7 ช้อนชา ซึ่งจะน้อยกว่าในน้ำมะพร้าวก็จริง แต่ในส่วนเนื้อจะมีไขมันที่ค่อนข้างสูง คนที่มีไขมันในเลือดสูง หรือโรคอ้วน ไม่ควรรับประทานมากจนเกนไป
คุณค่าทางอาหารของมะพร้าว (100 กรัม)
แคลอรี (kcal) | 354 |
ไขมันทั้งหมด | 33 g |
ไขมันอิ่มตัว | 30 g |
คอเลสเตอรอล | 0 mg |
โซเดียม | 20 mg |
โพแทสเซียม | 356 mg |
คาร์โบไฮเดรต | 15 g |
เส้นใยอาหาร | 9 g |
น้ำตาล | 6 g |
โปรตีน | 3.3 g |
ทิ้งท้าย
ผู้ป่วยโรคเบาหวานอาจต้องการพูดคุยกับแพทย์หรือนักโภชนาการที่ขึ้นทะเบียนเกี่ยวกับปริมาณผลไม้ที่ควรรับประทาน ผลไม้ทุกชนิดมีน้ำตาล แต่ก็มีสารอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เช่น ไฟเบอร์ และแร่ธาตุ ซึ่งทำให้เป็นทางเลือกที่ดีกว่าของว่างที่มีน้ำตาลแปรรูป