อาหารเพื่อสุขภาพ

9 ผลไม้คนเป็นเบาหวานกินได้ และที่ควรหลีกเลี่ยง!

ผลไม้ที่เหมาะสำหรับการบริโภคของผู้ป่วยโรคเบาหวาน ได้แก่ ผลไม้ที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ และอุดมไปด้วยเส้นใย วิตามิน และแร่ธาตุ ผลไม้ดังกล่าว ได้แก่ ผลเบอร์รี่ แอปเปิล ลูกแพร์ ผลไม้รสเปรี้ยว และผลไม้หิน เป็นที่รู้กันว่าผลไม้เหล่านี้มีผลกระทบต่อระดับน้ำตาลในเลือดน้อยที่สุดและสามารถบริโภคได้ในปริมาณที่พอเหมาะซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอาหารที่สมดุล เป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานในการตรวจสอบการบริโภคผลไม้และปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเพื่อให้แน่ใจว่าการเลือกรับประทานอาหารสอดคล้องกับความต้องการและเป้าหมายด้านสุขภาพเฉพาะของพวกเขา

ผลไม้เบาหวานกินได้
ภาพจาก macrovector_official

9 ผลไม้เบาหวานกินได้

โรคเบาหวาน เป็นภาวะที่ร่างกายมีน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ เนื่องจากการขาดฮอร์โมนอินซูลิน (Insulin) หรือการดื้อต่อฮอร์โมนอินซูลิน ส่งผลให้กระบวนการดูดซึมน้ำตาลในเลือดให้เป็นพลังงานของเซลล์ในร่างกายมีความผิดปกติหรือทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ จนเกิดน้ำตาลสะสมในเลือดปริมาณมาก หากปล่อยให้ร่างกายอยู่ในสภาวะนี้เป็นเวลานานจะทำให้อวัยวะต่าง ๆ เสื่อม เกิดโรคและอาการแทรกซ้อนขึ้น

1. แอปเปิ้ล

แอปเปิ้ลทีเส้นใยที่ละลายในน้ำได้ที่เราเรียกว่า “เพกทิน” อยู่สูงมาก เพกตินจะช่วยดักจับไขมัน ลดระดับน้ำตาล และไขมันในเลือด และยังไม่ทำให้น้ำตาลในเลือดพุ่งสูงอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีวิตามินต่าง ๆ รวมไปถึงเบตาแคโรทีนอีกด้วย

  • แอปเปิ้ล 100 กรัม มีน้ำตาล 10 กรัม

2. แตงโม

แตงโมมีแคลอรี่ต่ำ เป็นผลไม้ที่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนัก ใครที่ชอบกินชอบจุกจิกให้ลองหันมาทานแตงโมก็จะช่วยให้รู้สึกสดชื่นแถมไม่อ้วนอีกด้วย

Advertisement

  • แตงโม 100 กรัม มีน้ำตาล 6 กรัม

3. ฝรั่ง

ฝรั่งเป็นผลไม้รสหวานน้อย และมีเส้นใยสูง ปริมาณแคลอรี่ต่ำ ทั้งยังช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย ช่วยลดไขมันในเลือด ฝรั่งเป็นผลไม้ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักเพราะมีไฟเบอร์สูงจึงช่วยทำให้อิ่มท้องได้นานแล้วยังช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้นอีกด้วย

  • ฝรั่ง 100 กรัม มีน้ำตาล 7.2 กรัม

4. แก้วมังกร

แก้วมังกรอุดมไปด้วยวิตามิน และแร่ธาตุมากมายหลายชนิด มีเส้นใยสูง แคลอรี่ต่ำ และยังมีสรรพคุณช่วยรักษาโรคเบาหวาน
ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่

  • แก้วมังกร 100 กรัม มีน้ำตาล 8.6 กรัม

5. สตอเบอร์รี่

ทั้งสตอเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ เชอร์รี่ อุดมไปด้วยวิตามิน ไฟเบอร์ และสารต้านอนุมูลอิสระ นอกจากนี้ยังสามารถลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคเบาหวานได้อีกด้วย

  • สตรอเบอร์รี่ 100 กรัม มีน้ำตาล 4.9 กรัม

6. ส้ม

เพราะในส้มนั้นมีสารฟลาโวนอยด์และกรดฟีนอลเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระ อีกทั้งยังมีวิตามินซีและเส้นใยอาหารสูงช่วยชะลอระดับกลูโคสอีกด้วย

  • ส้ม 100 กรัม มีน้ำตาล 8 กรัม

7. เสาวรส

ผลไม้รสเปรี้ยวเนื้อสีส้มสดใสอย่างเสาวรสนี้อุดมไปด้วยวิตามินซี ซึ่งดีต่อสุขภาพ อีกทั้งเนื้อเสาวรสและเปลือกของมันยังมีเส้นใยที่ละลายน้ำได้เรียกว่าเพคตินซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยโรคเบาหวาน เพราะทำให้ความสามารถในการดูดซึมน้ำตาลลดลง

  • เสาวรส 100 กรัม มีน้ำตาล 11 กรัม

8. ส้มโอ

เป็นผลไม้อีกชนิดที่คนไทยนิยม เพราะมีรสหวานอมเปรี้ยวนิด ๆ กินแล้วสดชื่น แถมมีข้อดีคือมีวิตามินซีและเส้นใยอาหารสูง และยังมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระอย่างฟลาโวนอยด์ที่ไปช่วยในการสร้างความสมดุลให้แก่ฮอร์โมนอินซูลินและระดับน้ำตาลในเลือด

9. แก้วมังกร

แก้วมังกรอุดมไปด้วยวิตามิน และแร่ธาตุมากมายหลายชนิด มีเส้นใยสูง แคลอรี่ต่ำ และมีสรรพคุณช่วยรักษาโรคเบาหวาน

ผลไม้ที่คนเป็นเบาหวานควรเลี่ยง
ภาพจาก macrovector_official

7 ผลไม้ที่คนเป็นเบาหวานควรเลี่ยง

1. ทุเรียน

เนื่องจากทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลสูงและยังอุดมไปด้วยไปด้วยไขมันและกำมะถัน ผลไม้ชนิดนี้จึงไม่เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน เพราะหากรับประทานเข้าไปอาจจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้รู้สึกไม่สบายเนื้อสบายตัว ทำให้เกิดร้อนในอีกด้วย

  • ทุเรียนหมอนทอง 100 กรัม มีน้ำตาล 21 กรัม

2. ขนุน

ผลไม้ที่มีรสหวานและน้ำตาลสูงอย่างขนุนคงไม่เหมาะกับการนำมาให้ผู้ป่วยเบาหวานรับประทานเพื่อลดน้ำตาลในเลือดหรือควบคุมอาการของโรค แต่น้ำที่สกัดจากใบของขนุนนั้นถูกใช้เป็นยาตามตำรับพื้นบ้านเพื่อรักษาเบาหวานมาอย่างยาวนาน จนเริ่มมีงานวิจัยที่หาคำตอบในด้านนี้ตามมา

  • ขนุน 100 กรัม มีน้ำตาล 21 กรัม

3. มะม่วงสุก

ผู้ที่มีประวัติเป็นโรคเบาหวาน หรือผู้ที่ร่างกายกำลังฟื้นตัวจากอาการไข้ ไม่ควรเลือกรับประทานมะม่วงสุก เพราะอาจจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นหรืออาจทำให้อาการไข้กำเริบขึ้น

  • มะม่วงสุก 100 กรัม มีน้ำตาล 14 กรัม

4. ลำไย

แม้ลำไยจะเป็นผลไม้ที่มีรสชาติดีและเต็มไปด้วยสรรพคุณที่ดีต่อร่างกายหลายอย่าง แต่ก็ใช่ว่าคุณจะสามารถรับประทานได้เป็นจำนวนมากในมื้อเดียวได้ เพราะอาจทำให้เกิดอาการร้อนใน เกิดแผลในช่องปาก หรืออาการตาแฉะ เนื่องจากลำไยเป็นผลไม้ที่เพิ่มความร้อนให้กับร่างกาย หลายท่านที่ไม่ทราบเมื่อรับประทานมากอาจจะทำให้รู้สึกเจ็บคอ ไอ มีเสมหะ หรือเกิดแผลอักเสบในทางเดินอาหาร อีกทั้งยังส่งผลร้ายต่อผู้ที่มีอาการป่วยเบาหวานโดยตรง เพราะอย่างที่ทราบกันว่าลำไยเป็นผลไม้ที่มีรสชาติหวานและให้แคลอรีสูง ดังนั้นผู้ป่วยเบาหวานจึงควรหลีกเลี่ยง เพราะจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้น

  • ลำไย 100 กรัม มีน้ำตาล 18 กรัม

5. ละมุด

ละมุดเป็นผลไม้ที่มีรสหวานจัด ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน ควรบริโภคเพียงเล็กน้อยและนานครั้ง ๆ

  • ละมุด 100 กรัม มีน้ำตาล 17 กรัม

6. น้อยหน่า

น้อยหน่าเป็นผลไม้ที่มีรสชาติหวาน ผู้ป่วยโรคเบาหวานจึงควรรับประทานน้อยหน่าแต่พอดี เพื่อป้องกันระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น

  • น้อยหน่า 100 กรัม มีน้ำตาล 16 กรัม

7. ลิ้นจี่

ลิ้นจี่ยิ่งหวานน้ำตาลยิ่งเยอะ ใครชอบทานก็ควรระวังนิดนึง ในเนื้อผลลิ้นจี่จะมีสารประกอบชนิดหนึ่งที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการร้อนในได้ ดังนั้นการรับประทานลิ้นจี่ในปริมาณที่มากเกินไปอาจจะทำให้เกิดอาการร้อนในได้

  • ลิ้นจี่ 100 กรัม มีน้ำตาล 14 กรัม

โดยสรุป โลกของผลไม้สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานนั้นทั้งน่าอยู่และระมัดระวัง ผลไม้หลายชนิดที่สามารถรับประทานได้โดยไม่ทำให้น้ำตาลในเลือดพุ่งสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ให้ความหวานตามธรรมชาติและสารอาหารที่สำคัญหลากสีสัน อย่างไรก็ตาม จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องคำนึงถึงผลไม้ที่ควรรับประทานด้วยความระมัดระวังเนื่องจากมีปริมาณน้ำตาลสูง การสร้างสมดุลระหว่างความอร่อยของตัวเลือกที่เป็นมิตรกับผู้ป่วยโรคเบาหวาน กับการหลีกเลี่ยงผลไม้ที่มีน้ำตาลสูงอย่างรอบคอบ ช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจเลือกอย่างมีข้อมูลเพื่อสุขภาพของคุณได้ ด้วยการรวมผลไม้ที่มีค่าน้ำตาลในเลือดต่ำหลายๆ ชนิดไว้ในอาหารของคุณ และใช้การพอประมาณเป็นแนวทาง คุณจะได้ลิ้มรสความดีงามจากธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ไปพร้อม ๆ กับควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไปด้วย โปรดจำไว้ว่าความรู้เป็นกุญแจสำคัญในแนวทางการบริโภคผลไม้ที่สมดุลและสนุกสนาน ช่วยให้คุณเพลิดเพลินกับรสชาติของผลไม้ไปพร้อม ๆ กับการให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ที่ดีของคุณ

Advertisement

กดเพื่ออ่านเพิ่มเติม
Advertisement

NaniTalk S.

เป็นนักเขียนที่ขยันขันแข็งและมุ่งมั่นที่จะผลิตเนื้อหาที่มีคุณภาพ เรียนรู้และเติบโตอยู่เสมอ เชื่อว่าเนื้อหาที่ดีสามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อโลกได้

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button