สุขภาพ

โยเกิร์ต ทํามาจากอะไร มีสรรพคุณอะไรบ้าง ?

โยเกิร์ต เป็นผลิตภัณฑ์จากนมชนิดหนึ่ง ซึ่งเกิดจากการหมักด้วยจุลินทรีย์ แล้วทำให้มีรสชาติเปรี้ยว มีประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่าการดื่มนม ทั้งนั้นโยเกิร์ตยังไม่ได้มีดีแค่กินได้ แต่ยังมีสรรพคุณโยเกิร์ตต่อผิวด้วย เราจะพามาทำความรู้จักกับโยเกิร์ตและประโยชน์ของมันให้มากขึ้นกัน

โยเกิร์ต

นมเปรี้ยว หรือ โยเกิร์ต (Yogurt) คือ ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนมชนิดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นนมสด นมพร่องมันเนย หรือ นมถั่วเหลือง โดยการใช้แบคทีเรีย แลคโตบาซิลัส เอซิโดซิส และสเตรปโตคอคคัส เทอร์โมฟิลลัส เป็นหลักใส่ลงไปหมักผลิตภัณฑ์นมต่าง ๆ แบคทีเรียเหล่านี้ช่วยย่อยน้ำตาลแลคโตสในนมให้เป็นกรดแลคติค ทำให้มีภาวะกรดและมีรสเปรี้ยวโดยมีความเป็นกรด-เบสอยู่ระหว่าง 3.8-4.6 นมเปรี้ยว มี 2 ชนิด คือ ชนิดแรกเป็นนมเปรี้ยวที่มีลักษณะเป็นน้ำคล้ายเครื่องดื่ม อีกชนิดหนึ่งเป็นนมเปรี้ยวที่มีลักษณะเหลวข้นที่เรียกว่า โยเกิร์ต

โยเกิร์ตทํามาจากอะไร
Image by Daniel Albany from Pixabay

โยเกิร์ตทํามาจากอะไร

การทำโยเกิร์ตเองได้อย่างง่ายดายถ้ามีเชื้อโยเกิร์ต เริ่มจากตุ๋นนมสดแล้วเติมนมผง จากนั้นตั้งไว้ไว้ที่ 95 องศา นาน 5 นาที แล้วคนให้เข้ากัน จากนั้นลดอุณหภูมิให้เหลือ 45 องศา แล้วเติมเชื้อโยเกิร์ตลงไป คนให้เข้ากันอีกครั้ง แล้วปิดฝาทิ้งไว้ข้ามคืน ก็จะได้โยเกิร์ตโฮมเมดมารับประทาน แต่ถ้าใครไม่มีเชื้อโยเกิร์ต ก็ต้องอาศัยการหมักน้ำตาลให้เชื้อจุลินทรีย์เจริญเติมโตในนมผสมน้ำตาลที่ทิ้งไว้ในอุณหภูมิปกติ 2-3 วัน แล้วจึงนำมาผ่านความร้อนด้วยวิธีการเดียวกันเป็นอันเสร็จพิธี

ประวัติโยเกิร์ต

นักประวัติศาสตร์มีความเห็นว่า โยเกิร์ตเป็นอาหารที่รวมอยู่ในโภชนาการของชนเผ่าทราเซียน อันเป็นบรรพบุรุษเก่าแก่ที่สุดของชาวบัลแกเรีย ชาวทราเซียนเก่งในการเลี้ยงแกะ คำว่า yog ในภาษาทราเซียน แปลว่า หนาหรือข้น ส่วน urt แปลว่า น้ำนม คำ Yogurt น่าจะได้มาจากการสมาสของคำทั้งสองข้างต้น ในยุคโบราณราวศตวรรษที่ 4 ถึง 6 ก่อนคริสตกาล ชาวทราเซียนมีวิธีการเก็บรักษาน้ำนมไว้ในถุง ที่ทำจากหนังแกะ เวลาเดินทางก็เอาถุงนี้คาดเอวไว้ ความอบอุ่นจากร่างกายร่วมกับจุลชีพที่มีอยู่ในหนังแกะ ช่วยให้เกิดปฏิกิริยาการหมักขึ้น น้ำนมในถุงก็กลายสภาพเป็นโยเกิร์ตไป

Advertisement

นักวิทยาศาสตร์บางคนสันนิษฐานว่า สิ่งที่มีมาก่อนโยเกิร์ตน่าจะเป็นน้ำนมหมักที่ใช้ดื่ม เรียกว่า คูมิส (Kumis) น้ำนมชนิดนี้ทำมาจากน้ำนมม้า โดยชนเผ่าที่มาอยู่ก่อนหน้าชาวบัลแกเรีย เช่น ชนเผ่าที่เร่ร่อนที่อพยพย้ายถิ่นฐานจากทวีปเอเชียมายังคาบสมุทรมัลข่าน ในปี 1224

ในยุโรปตะวันตก โยเกิร์ตปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรกในศตวรรษที่ 16 ในราชสำนักของพระเจ้าฟรานซิสที่ 1 แห่งฝรั่งเศส ครั้งนั้นกษัตริย์พระองค์นี้ประชวร มีพระอาการปั่นป่วนในท้อง แพทย์ชาวตุรกีผู้หนึ่งจึงทำการรักษาโดยให้เสวยโยเกิร์ตที่นำมาจากบัลแกเรีย เรื่องนี้ศาสตราจารย์คริสโต โชมาคอฟ รายงานไว้ในหนังสือ Bulgarian Yoghurt-Health and Longerity

โยเกิร์ตกินตอนไหนดี

โยเกิร์ตเป็นอาหารที่ไม่ควรทานตอนท้องว่าง เนื่องจากในโยเกิร์ตมีกรดแลคติค (Lactic Acid) ซึ่งไม่สามารถมอบประโยชน์ได้เต็มที่ในกระเพาะที่มีสภาวะเป็นกรดโดยเฉพาะช่วงที่ท้องว่าง ดังนั้นหากคุณอยากได้รับสารอาหารอย่างเต็มที่ ก็ควรทานโยเกิร์ตหลังทานอาหารจะดีกว่า

ควรกินโยเกิร์ตตอนเช้า ลดน้ำหนักได้ผล แถมดีต่อสุขภาพแต่ก็มีข้อแม้ว่าหากต้องการกินโยเกิร์ตลดน้ำหนักอย่างได้ผล จะต้องเลือกกินโยเกิร์ตรสธรรมชาติเท่านั้น โดยนำมาผสมกับผลไม้สดอย่างส้ม กีวี สตรอว์เบอร์รี บลูเบอร์รี แอปเปิล หรือกล้วย และผลไม้ชนิดอื่น ๆ เพื่อเพิ่มไฟเบอร์ให้แก่ร่างกาย ทำให้โยเกิร์ตถ้วยดังกล่าวเปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางสารอาหารมากขึ้น และเมื่อร่างกายอิ่มท้องไปด้วยไฟเบอร์ อาการหิวจุบจิบในมื้อถัดไปก็ลดลง แถมยังทำให้ระบบขับถ่ายทำงานดีขึ้นอีกด้วย

โทษของโยเกิร์ต
Image by Squirrel_photos from Pixabay

โทษของโยเกิร์ต

อ้วน

ถึงแม้จะเป็นน้ำตาลแลคโทสไม่ใช่กลูโคสที่ร่างกายจะดูดซึมทันที แต่ขึ้นชื่อว่าน้ำตาลแล้วก็ทำให้อ้วนได้ทั้งนั้น ถ้าเทียบกับการกินผักเพื่อช่วยเรื่องการขับถ่ายเหมือนกัน ผักจะให้แคลอรี่ต่ำกว่ามาก

น้ำผึ้ง

ความหวานจากน้ำผึ้งที่ใส่เข้าไป แคลอรี่ความหวานจากน้ำผึ้งก็คือแคลอรี่จากน้ำตาล การทานน้ำผึ้งไม่ได้ปลอดภัยกว่าการทานน้ำตาล คนโบราณจึงมักใช้น้ำผึ้งทาแผลเปื่อยเพื่อฆ่าเชื้อโรค แต่ผลข้างเคียงก็คือทำให้เนื้อเยื่อบริเวณแผลเปลี่ยนสีและแปรรูปกลายเป็นแผลเป็น ลองนึกดูนะว่าน้ำผึ้งเข้มข้นสามารถดองเนื้อเยื่อได้ถึงขนาดนั้น โอ้ว แล้วกระเพาะและลำไส้เราจะเป็นอย่างไร

กระตุ้นภูมิแพ้

คนเอเชีย 50-80% แพ้โปรตีนในนมวัว คนที่แพ้น้อย ๆ อาจจะรู้สึกว่าทานโยเกิร์ตแล้วขับถ่ายดี แต่ที่จริงเป็นเพราะโปรตีนในน้ำนมเข้าไปทำให้เยื่อบุลำไส้ระคายเคือง เซลล์เยื่อบุเกิดอาการบวมน้ำจนต้องปล่อยสารคัดหลั่งออกมา และร่างกายก็กำจัดด้วยการขับถ่ายเป็น้ำเหลว ๆ ออกไป แต่ถ้าทานโยเกิร์ตหรือนมวัวบ่อย ๆ ทีนี้ระบบภูมิต้านทานก็จะปรวนแปร จากแค่แพ้น้อย ๆ ก็จะค่อย ๆ แพ้หนักขึ้น และพัฒนาเป็นลมพิษ ผื่นคัน หอบหืด และหนักที่สุดก็คือกลายเป็นโรคลำไส้เรื้อรัง

สรรพคุณโยเกิร์ตต่อผิว
Image by Karolina Grabowska from Pixabay

สรรพคุณโยเกิร์ตต่อผิว

ขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว

นำโยเกิร์ตมาผสมกับวอลนัทที่ป่นละเอียด จากนั้นนำมาทาบนใบหน้าแล้วนวด ๆ ให้ทั่วหน้า วอลนัทจะช่วยขจัดสิ่งสกปรกที่ตกค้างในรูขุมขน ในขณะที่โยเกิร์ตจะช่วยเติมสารอาหารที่ดีและช่วยเติมความชุ่มชื้นสู่ผิว อีกทั้งยังช่วยให้เซลล์ผิวที่ตายแล้วหลุดลอกออกไปได้ด้วย

ผิวไหม้จากแดด

รู้ไหมว่า อาการผิวไหม้และคันคะเยอจากการโดนแดดเผา สามารถบรรเทาอาการนั้นได้ง่าย ๆ ด้วยการใช้โยเกิร์ต เพราะในโยเกิร์ตอุดมไปด้วยซิงค์ (Zinc) ที่จะช่วยปลอบประโลมผิวที่ไหม้และแสบ ให้หายได้เป็นปลิดทิ้งเร็วยิ่งขึ้น หากต้องการเพิ่มประสิทธิภาพ ให้ลองหยดน้ำมันคาโมมายล์ผสมลงไปด้วย จากนั้นนำมาทาทิ้งไว้บนผิวหนัง 20 นาทีแล้วล้างออก เพียงเท่านี้ผิวของคุณก็จะดีขึ้นไม่แสบไม่คันอีกแล้ว

ขจัดสิวหัวดำ

สิวหัวดำที่แข่งกันผุดขึ้นบนใบหน้า เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ใบหน้าของสาว ๆ หมดสวย ฉะนั้นมากำจัดด้วยการใช้แป้งข้าวเจ้าผสมกับโยเกิร์ต จากนั้นก็นำมาทาบนใบหน้า แล้วนวด ๆ ให้เป็นวงกลม เพื่อให้สิวหัวดำและสิวหัวขาวหลุดออกไป นอกจากนี้คุณยังสามารถใส่ขมิ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้ดีขึ้นได้ด้วย

Advertisement

กดเพื่ออ่านเพิ่มเติม
Advertisement

NaniTalk S.

เป็นนักเขียนที่ขยันขันแข็งและมุ่งมั่นที่จะผลิตเนื้อหาที่มีคุณภาพ เรียนรู้และเติบโตอยู่เสมอ เชื่อว่าเนื้อหาที่ดีสามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อโลกได้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button