ถุงยางอนามัยเป็นการคุมกำเนิดประเภทเดียวที่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์และป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ ไม่ว่าจะเป็นการร่วมเพศทางช่องคลอด ทางปาก หรือทางทวารหนัก เดิมมีชื่อว่า “กามโรค” (venereal diseases) ในปัจจุบันมีการค้นพบโรคในกลุ่มดังกล่าวเพิ่มขึ้นจึงเปลี่ยนชื่อเป็น “โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์” (sexually transmitted infections, STIs) โรคที่สำคัญคือ ซิฟิลิส หนองในแท้ หนองในเทียม เริม และเอชพีวี
ถุงยางอนามัย
การมีเพศสัมพันธ์กับผู้อื่น ควรป้องกันตัวเองและผู้อื่นด้วยการใช้ถุงยางอนามัยจะช่วยลดปัญหาที่ตามมาภายหลัง ทั้งการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร และการติดโรคทางเพศสัมพันธ์ ดังนั้นการป้องกันจึงเริ่มจากการเปลี่ยนทัศนคติต่อการใช้ถุงยางอนามัย ตั้งแต่ตอนที่ไปซื้อมาใช้ก็ไม่ควรเขินอาย เพราะกลัวว่าจะถูกล้อเลียน หรือการยืดอกพกถุงไว้กับตัวเองตลอดเวลา ก็ไม่ควรมองว่าเป็นเรื่องที่ผิดปกติ
ตลอดจนถึงการใช้งานที่ถูกวิธีก็เป็นอีกสิ่งจำเป็นที่ทุกคนควรรู้และเข้าใจก่อนการมีเพศสัมพันธ์ วัยรุ่นหลายคนมองข้าม เนื่องจากกลัว หรือเขินอายที่จะไปซื้อถุงยางอนามัยมาใช้ ซึ่งทำให้เกิดปัญหาตามมากับวัยรุ่นจำนวนมากที่มีเพศสัมพันธ์แบบไม่มีการป้องกันด้วยถุงยางอนามัย แม้ว่าจะมีวิธีการป้องกันปัญหาการตั้งครรภ์อื่น ๆ โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย แต่ก็อาจจะทำให้มีโอกาสติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ง่าย
ถุงยางอนามัยทำมาจากน้ำยางที่บางมาก (ยาง) โพลิไอโซพรีนหรือโพลียูรีเทน และได้รับการออกแบบมาเพื่อป้องกันน้ำอสุจิไม่ให้สัมผัสกับคู่นอนของคุณ
ถุงยางอนามัยมี 2 ประเภท
- ชนิดที่ทำจากน้ำยางธรรมชาติ (rubber condom or latex condom) ข้อดีคือ ราคาถูก ยืดหยุ่นได้ดีกว่าชนิดที่ทำจากลำไส้สัตว์ การสวมใส่กระชับรัดแนบเนื้อ สามารถใช้ได้ทั้งเพื่อการคุมกำเนิดและป้องโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แต่ข้อด้อยคือ ไม่สามารถใช้ร่วมกับสารหล่อลื่นประเภทที่ผลิตจากน้ำมันปิโตรเลียม หรือน้ำมันหล่อลื่นผิวหนัง พวก Mineral oil ได้ เพราะจะทำให้โครงสร้างของน้ำยางเสื่อมลง ส่งผลต่อคุณภาพและการป้องกัน แต่ใช้ได้กับสารหล่อลื่นชนิดที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก (water-based lubricant)
- ชนิดที่ทำจาก Polyurethane หรือ Polyisoprene (ถุงยางพลาสติก) โดยแก้ไขข้อด้อยของถุงยางจากน้ำยางธรรมชาติ คือ เหนียวกว่า ทนต่อการฉีกขาด เหมาะสำหรับผู้ที่กลัวแพ้ยางพารา สามารถใช้สารหล่อลื่นที่ผลิตจากน้ำมันปิโตรเลียม หรือน้ำมันหล่อลื่นผิวหนัง พวก Mineral oil ได้ และที่สำคัญคือสามารถทำให้บางได้ถึง 01 มิลลิเมตร ทำให้รู้สึกเสมือนไม่ได้ใส่อะไรเลย (feels like not wearing anything) แต่ราคาอาจสูงกว่าแบบน้ำยางพารา
ประโยชน์ของถุงยางอนามัย
ถุงยางอนามัยทำมาจากน้ำยางที่บางมาก (ยาง) โพลิไอโซพรีนหรือโพลียูรีเทน และได้รับการออกแบบมาเพื่อป้องกันน้ำอสุจิไม่ให้สัมผัสกับคู่นอนของคุณ
คุมกำเนิด
หน้าที่ของถุงยางอนามัยคือการป้องกันไม่ให้อสุจิเล็ดลอดเข้าไปในบริเวณช่องคลอดได้ ซึ่งการสวมถุงยางอนามัยขณะมีเพศสัมพันธ์จะช่วยให้มีโอกาสคุมกำเนิดได้มากขึ้น เมื่อมีการสวมถุงยางอนามัยที่ถูกวิธี ดังนั้นควรสวมถุงยางตลอดเวลาที่มีเพศสัมพันธ์ และสังเกตให้ดีก่อนว่าถุงยางอนามัยที่สวมอยู่นั้นรั่วหรือชำรุดหรือไม่
ป้องกันการติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์
นอกเหนือจากการป้องการการตั้งครรภ์แล้ว ถุงยางอนามัยยังช่วยลดโอกาสการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ต่างๆ เช่น โรคเอดส์ กามโรค หนองใน ซิฟิลิส เป็นต้น เพราะการรติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ส่วนใหญ่เกิดจากการสัมผัสกันโดยตรงของสารคัดหลั่งและอวัยวะเพศ ทำให้มีโอกาสได้รับเชื้อโรคหรือเชื้อไวรัสได้ง่าย
ลดการบาดเจ็บจากการมีเพศสัมพันธ์
ถุงยางอนามัยมีส่วนผสมของสารหล่อลื่นในปริมาณที่พอเหมาะ เมื่อใช้ขณะมีเพศสัมพันธ์จะทำให้ลดโอกาสบาดเจ็บของอีกฝ่ายได้ ทั้งนี้ถุงยางอนามัยสามารถใช้ร่วมกับสารหล่อลื่นได้อีกด้วย
ช่วยเพิ่มอรรถรสทางเพศได้
ถุงยางอนามัยในปัจจุบันมีให้เลือกใช้งานได้หลายรูปแบบ ทั้งผิวเรียบ ผิวไม่เรียบ ผิวขรุขระ มีสี มีกลิ่น ให้เลือกใช้งานได้ตามรสนิยมของผู้ใช้งาน จึงทำให้ช่วยเพิ่มอรรถรสในระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ได้
- เอชไอวี เรื่องใกล้ตัว ใคร ๆ ก็ตรวจได้
- คําคมโดน ๆ สั้น ๆ ลงเฟส สอนใจความรัก สถานะเด็ด ๆ แรง ๆ
- วันเอดส์โลก World AIDS Day 1 ธันวาคม ป้องกันและยับยั้งโรคเอดส์
ไซส์ถุงยางอนามัย
- ขนาดถุงยาง 49 คือ ถุงยางอนามัยที่มีขนาดความกว้างเมื่อวางถุงยางที่คลี่แล้วแบนราบกับพื้น สามารถวัดความกว้างจากขอบหนึ่งถึงขอบหนึ่งได้ 49 มิลลิเมตร และมีความยาวไม่น้อยกว่า 160 มิลลิเมตร (เส้นรอบวงองคชาต 11-12 เซนติเมตร หรือ ประมาณ 5 นิ้ว)
- ขนาดถุงยาง 52 คือ ถุงยางอนามัยที่มีขนาดความกว้างเมื่อวางถุงยางที่คลี่แล้วแบนราบกับพื้น สามารถวัดความกว้างจากขอบหนึ่งถึงขอบหนึ่งได้ 52 มิลลิเมตร และมีความยาวประมาณ 180 มิลลิเมตร (เส้นรอบวงองคชาต 12-13 เซนติเมตร หรือ ประมาณ 5 นิ้ว)
- ขนาดถุงยาง 54 คือ ถุงยางอนามัยที่มีขนาดความกว้างเมื่อวางถุงยางที่คลี่แล้วแบนราบกับพื้น สามารถวัดความกว้างจากขอบหนึ่งถึงขอบหนึ่งได้ 54 มิลลิเมตร และมีความยาวประมาณ 190 มิลลิเมตร (เส้นรอบวงองคชาต 13-14 เซนติเมตร หรือ ประมาณ 5 นิ้ว)
- ขนาดถุงยาง 56 คือ ถุงยางอนามัยที่มีขนาดความกว้างเมื่อวางถุงยางที่คลี่แล้วแบนราบกับพื้น สามารถวัดความกว้างจากขอบหนึ่งถึงขอบหนึ่งได้ 56 มิลลิเมตร และมีความยาวประมาณ 214 มิลลิเมตร (เส้นรอบวงองคชาต 14-15 เซนติเมตร หรือ ประมาณ 6 นิ้วขึ้นไป)
วิธีวัดไซซ์ถุงยางอนามัย
ถุงยางอนามัยในท้องตลาดมีอยู่หลายขนาดด้วยกัน ผู้ชายจำเป็นต้องเลือกไซซ์ถุงยางให้เหมาะสมกับขนาดของอวัยวะเพศตัวเอง เพราะถ้าหากเลือกขนาดเล็กหรือใหญ่เกินไป จะทำให้ถุงยางฉีกขาดหรือหลุดได้ง่าย ประสิทธิภาพของการคุมกำเนิดก็จะลดลง
- ให้เริ่มจากวัดเส้นรอบวงของอวัยวะเพศตอนแข็งตัวเท่านั้น อาจจะใช้เชือกพัน 1 รอบ เมื่อนำเชือกมากางออกก็จะเท่ากับเส้นรอบวง
- หลังจากนั้นให้นำขนาดที่วัดได้มาหารด้วย 2 จะได้ขนาดที่พอดี เช่น วัดเส้นรอบวงอวัยวะเพศได้ 10.6 เซนติเมตร นำมาหาร 2 จะได้ 5.3 เซนติเมตร
- เมื่อแปลงเป็นมิลลิเมตรก็จะเท่ากับ 53 มิลลิเมตร ดังนั้นถุงยางอนามัยที่สามารถใช้ได้ก็คือขนาด 52 หรือ 54 มิลลิเมตร
การใส่ถุงยางอนามัย
- ฉีกซองถุงยางอนามัยออกมาแล้วเลือกด้านที่ถูกต้อง โดยเลือกด้านที่มีกระเปาะไว้ด้านนอก ใช้นิ้วมืออีกข้างบีบบริเวณหัวของถุงยางอนามัยเพื่อไล่อากาศ
- แน่ใจก่อนว่าอวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่แล้วก่อนที่จะสวมถุงยางอนามัย เมื่อสวมแล้วรูดถุงยางอนามัยลงมาจนสุด เพื่อป้องกันการหลุดออกในระหว่างการมีเพศสัมพันธ์
- ก่อนสอดใส่ตรวจดูให้แน่ใจว่าถุงยางอนามัยไม่ชำรุด ปลายถุงยางอนามัยไม่มีรอยรั่วหรือแตกออก บริเวณขอบที่รูดลงมาไม่มีรอยฉีกขาด
- เมื่อเสร็จกิจแล้วควรถอดถุงยางอนามัยในขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัวอยู่ เพื่อไม่ให้มีการหกเลอะเทอะ โดยใช้มือดึงออกจากส่วนโคนก่อน ดึงออกอย่างระมัดระวัง และอาจจะใช้กระดาษชำระห่อก่อนนำไปทิ้ง
- ในกรณีที่มีเพศสัมพันธ์ในยกต่อไป ควรทิ้งถุงยางอนามัยอันเก่าแล้วเปลี่ยนอันใหม่ เนื่องจากประสิทธิภาพของการป้องกันเชื้อโรคจะลดลง
ประเภทถุงยางอนามัย
การซื้อถุงยางอนามัยอาจเป็นเรื่องยากเพราะมีตัวเลือกต่าง ๆ มากมาย นี่คือคู่มือการซื้อถุงยางอนามัยแบบต่าง ๆ เพื่อช่วยคุณเลือกถุงยางอนามัยที่ดีที่สุดสำหรับคุณ
ถุงยางอนามัยแบบมาตรฐาน
เป็นถุงยางอนามัยแบบพื้นฐานที่ไม่ได้มีคุณสมบัติอะไรเป็นพิเศษ เหมาะสำหรับคนทั่วไป เพียงแค่เลือกขนาดให้เหมาะกับขนาดของน้องชาย ซึ่งถุงยางอนามัยประเภทนี้จะแพร่หลาย หาซื้อง่าย และมีราคาถูกที่สุด เมื่อเทียบกับถุงยางอนามัยที่มีคุณสมบัติพิเศษอื่น ๆ
ถุงยางอนามัยแบบบาง
เป็นถุงยางอนามัยที่ถูกออกแบบมาให้มีความบางกว่าปกติ มีความบางหลายระดับ ทั้งบางน้อยและบางมาก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความรู้สึกสัมผัสที่ใกล้ชิด คล้ายกับไม่ได้สวมถุงยางอนามัย
ถุงยางอนามัยผิวไม่เรียบ
สำหรับฝ่ายหญิงหรือฝ่ายรับที่อยากสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ ก็มีถุงยางอนามัยแบบผิวขรุขระให้เป็นตัวเลือกใหม่ ซึ่งที่ผิวด้านนอกของถุงยางอนามัยจะมีปุ่มหรือขีดนูนขึ้นมา ให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากถุงยางอนามัยทั่วไปที่มีผิวเรียบปกติ
ถุงยางอนามัยแบบมีรสหรือกลิ่น
ใครที่สวมถุงยางอนามัยขณะทำออรัลเซ็กส์แล้วไม่ค่อยชอบรสและกลิ่นของถุงยาง ก็สามารถเลือกใช้ถุงยางอนามัยประเภทนี้เพื่อแก้ไขปัญหาได้ ซึ่งจะมีให้เลือกหลากหลายรสและกลิ่น เช่น สตรอว์เบอร์รี่ ช็อคโกแลต และอื่น ๆ
ถุงยางอนามัยผสมสารหล่อลื่น
ถุงยางอนามัยในปัจจุบันหลายรุ่นก็มักจะมีการผสมสารหล่อลื่นมาบ้างอยู่แล้ว แต่ก็ยังมีแบบที่ผสมสารหล่อลื่นมาให้มากเป็นพิเศษอีกเช่นกัน ทำให้ไม่ต้องซื้อเจลหล่อลื่นมาใช้เพิ่ม หรืออาจช่วยให้ต้องใช้เจลหล่อลื่นน้อยลงกว่าเดิม
ถุงยางอนามัยช่วยชะลอการหลั่ง
เป็นถุงยางอนามัยที่จะช่วยแก้ปัญหาหลั่งเร็ว ด้วยคุณสมบัติที่ช่วยลดความรู้สึกไวในการสัมผัส อาจมาในรูปแบบของถุงยางอนามัยที่ผสมสารชะลอการหลั่ง หรือเป็นถุงยางที่มีความหนามากกว่าปกติ
ถุงยางอนามัยเรืองแสงในที่มืด
ถุงยางอนามัยภายนอกแบบเรืองแสงในที่มืดส่วนใหญ่ได้รับการรับรองจาก FDA เพื่อช่วยป้องกันการตั้งครรภ์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เพื่อให้เรืองแสงได้ ให้เปิดถุงยางอนามัยภายนอกให้โดนแสงอย่างน้อย 30 วินาทีก่อนสวม
ถุงยางอนามัยหาได้ที่ไหน
- คลินิกการพยาบาลฯ
- ร้านขายยา
- รพ.เอกชน
- คลินิกเวชกรรม
- หน่วยบริการปฐมภูมิ
- ซูเปอร์มาร์เก็ต
- ตู้หยอดเหรียญ
เรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับถุงยางอนามัย
- เมื่อใช้อย่างถูกต้องทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ ถุงยางอนามัยชายมีประสิทธิภาพ 98 % ซึ่งหมายความว่า 2 ใน 100 คนจะตั้งครรภ์ใน 1 ปีเมื่อใช้ถุงยางอนามัยชายเป็นการคุมกำเนิด
- คุณสามารถขอรับถุงยางอนามัยได้ฟรีจาก คลินิกการพยาบาลฯ ,ร้านขายยา ,รพ.เอกชน ,คลินิกเวชกรรม และหน่วยบริการปฐมภูมิ รับบริการได้ครั้งละ 10 ชิ้น/สัปดาห์
- ผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำมันเป็นส่วนประกอบ เช่น มอยส์เจอไรเซอร์ โลชั่น และวาสลีน สามารถทำลายถุงยางอนามัยลาเท็กซ์และโพลิไอโซพรีนได้ แต่จะปลอดภัยหากใช้ร่วมกับถุงยางอนามัยโพลียูรีเทน
- สารหล่อลื่นแบบน้ำปลอดภัยต่อการใช้กับถุงยางอนามัยทุกชนิด
- ถุงยางอนามัยต้องเก็บในที่ที่ไม่ร้อนหรือเย็นเกินไป และอยู่ห่างจากพื้นผิวที่แหลมคมหรือขรุขระที่อาจฉีกได้
- ห้ามใช้ถุงยางอนามัยมากกว่าหนึ่งครั้ง ใช้ชิ้นใหม่ทุกครั้งที่คุณมีเซ็กส์
- ถุงยางอนามัยมีวันหมดอายุบนบรรจุภัณฑ์ อย่าใช้ถุงยางอนามัยที่หมดอายุ
- ถุงยางอนามัยช่วยป้องกันการติดเชื้อได้ HIV 70-87 % ในกลุ่มชายรักชายและมากกว่า 90 % ในกลุ่มคู่รักชายหญิงนอกจากนั้นยังช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น โรคเริม โรคตับอักเสบบี โรคหูดหงอนไก่ โรคหนองในแท้และเทียม โรคซิฟิลิส ได้ 50-90%