ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาความนิยมของมะพร้าวและโดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำมันมะพร้าวได้เพิ่มสูงขึ้นเนื่องมาจากประโยชน์ต่อสุขภาพ และกระแสความนิยมของเหล่าคนดัง
ที่มาของน้ำมันมะพร้าว
น้ำมันมะพร้าว (Coconut Oil) คือ น้ำมันที่ได้จากเนื้อของมะพร้าว ซึ่งเป็นกรดไขมันที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย มีองค์ประกอบหลักคือ กรดไขมันอิ่มตัวเกิน 90% ซึ่งกรดไขมันเหล่านี้มีโมเลกุลปานกลางที่เป็นประโยชน์กับร่างกายคือ กรดลอริก ซึ่งเป็นกรดไขมันอิ่มตัวที่เผาผลาญได้ดีจึงไม่เก็บสะสมไว้ในร่างกาย ร่างกายจะดูดซึมและนำไปใช้ได้อย่างรวดเร็ว และเมื่อนำไปแช่เย็นจะเปลี่ยนสถานะจากของเหลวเป็นของแข็ง
น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นคืออะไร
น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น เป็นการผลิตน้ำมันที่ได้จากการนำมะพร้าวมาแยกน้ำมันออกจากเนื้อมะพร้าวด้วยวิธีสกัดเย็น ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่ใช้ความร้อนสูงและไม่จำเป็นต้องผ่านกระบวนการแปรรูปทางเคมี น้ำมันที่ได้จึงมีลักษณะใสเหมือนน้ำ ไม่มีกลิ่นหืน อาจมีชิ้นเนื้อมะพร้าวและกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของมะพร้าวปนมาด้วย เพราะเหตุนี้เองน้ำมันมะพร้าวจึงมีชื่อเรียกหลายชื่อทั้งน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นหรืออาจจะเรียกว่าน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ก็ได้
น้ำมันมะพร้าวจะประกอบไปด้วย 3 ส่วนผสม คือ
- กรดไขมันอิ่มตัวสายกลาง หรือ Medium chain fatty acid (63%) ซึ่งส่วนมากคือกรดลอริก (Lauric acid) ซึ่งเป็นกลุ่มกรดไขมันจำเป็นที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ (Health promoting effects)
- กรดไขมันอิ่มตัวสายยาว หรือ Long chain fatty acids (30%) พบได้ใน นม เนย ชีส (Dairy products) และ ไขมันจากสัตว์ ทุกชนิด (Animal fats) ซึ่งอันตรายต่อสุขภาพ และควรหลีกเลี่ยง
- กรดไขมันไม่อิ่มตัวสายยาว (7%)
เปรียบเทียบผลต่อสุขภาพระหว่างน้ำมันมะพร้าวกับน้ำมันชนิดอื่น ๆ เช่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันมะกอก และน้ำมันดอกคำฝอย พบว่า
- น้ำมันมะพร้าวทำให้ไขมันเลวชนิด LDL-C เพิ่มขึ้นประมาณ 10 มก./ดล.
- น้ำมันมะพร้าวทำให้ไขมันดีชนิด HDL-C เพิ่มขึ้นประมาณ 4 มก./ดล.
- น้ำมันมะพร้าวไม่ทำให้น้ำหนักตัวและค่า BMI เปลี่ยนแปลง
การที่ไขมันเลว (LDL-C) สูงขึ้นอาจจะเพิ่มโอกาสเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้
เทคนิคการเลือกซื้อน้ำมันมะพร้าว
ลักษณะของน้ำมันมะพร้าว
หากต้องซื้อน้ำมันมะพร้าวมาใช้ น้ำมันมะพร้าวนั้นต้องมีความใส ไม่มีสี มีลักษณะโปร่งแสง ไม่มีการตกตะกอน อาจมีสีขาวขุ่นได้บ้างเพียงเล็กน้อย แต่หากมีไขมันหรือตกตะกอนมากเกินไปสามารถบ่งชี้ได้ว่ามีน้ำมันที่ผ่านจุดหลอมเหลวสูงปนเปื้อนมาด้วย ซึ่งอาจเป็นไขมันที่ไม่ดีต่อสุขภาพ
กลิ่นน้ำมันมะพร้าว
เมื่อซื้อน้ำมันมะพร้าวสิ่งแรกที่ต้องสังเกตก็คือน้ำมันมะพร้าวที่คุณเลือกจะต้องมีกลิ่นหอมของมะพร้าว ไม่มีกลิ่นหืน หรือเปรี้ยว แม้ว่าจะมีการเปิดใช้หลายครั้งแล้ว แต่ด้วยกระบวนการผลิตในบางยี่ห้อ อาจมีการดัดแปลงโดยใช้น้ำหอมสังเคราะห์กลิ่นมะพร้าวหรือกลิ่นมะพร้าวน้ำหอมเข้าไป ทำให้มีกลิ่นหอมมากในตอนเปิดขวดแรก ๆ แต่หลังจากนั้นความหอมจะจางลงและเปลี่ยนเป็นกลิ่นเหม็นเปรี้ยว หากมีกลิ่นเปรี้ยว ๆ ออกมากแล้วจะทำให้อายุของน้ำมันมะพร้าวอยู่ได้ไม่นานเพราะฉะนั้นน้ำมันมะพร้าวแบบผสมน้ำหอมไม่ควรซื้อนะคะ
การรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์
น้ำมันมะพร้าวที่ดีมีคุณภาพ จะต้องมีการควบคุมกระบวนการ ซึ่ง GMP เป็นหนึ่งในการรับประกันว่าผลิตภัณฑ์ที่ได้ออกมานั้นมีคุณภาพตรงตามที่ระบุไว้ในฉลาก และอีกหนึ่งมาตรฐานที่ควรมีคือ HACCP เป็นมาตรฐานการผลิตที่มีมาตรการป้องกันอันตรายที่อาจได้รับจากการบริโภคอาหารต่อผู้บริโภค เพราะฉะนั้นการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์อาหาร หากมีการรับรอง GMP และ HACCP ก็มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์นั้นปลอดภัย มีคุณภาพ น่าเชื่อถือ
การรับประทานและใช้น้ำมันมะพร้าว
ใช้น้ำมันมะพร้าวสำหรับทำอาหาร
น้ำมันมะพร้าวเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการปรุงอาหารเนื่องจากกรดไขมันเกือบ 90% อิ่มตัวทำให้มีความเสถียรสูงมากที่อุณหภูมิสูง นอกจากนี้ยังมีจุดควันสูง 350 °F (175°C) ซึ่งหมายความว่ามันสามารถทนต่อความร้อนดีได้ดีมาก น้ำมันมะพร้าวเป็นน้ำมันกึ่งแข็งที่อุณหภูมิห้องและละลายที่ 76° F (24°C) ดังนั้นควรเก็บไว้ในตู้เย็นแทนที่จะเก็บไว้ข้างนอก ในช่วงเดือนที่อากาศหนาวเย็นน้ำมันมะพร้าวอาจแข็งตัวมากและยากที่จะตักออกจากภาชนะ วิธีนี้สามารถแก้ไขได้โดยการตีด้วยเครื่องผสมไฟฟ้าหรือปั่นในเครื่องปั่น แนวคิดในการใช้น้ำมันมะพร้าวทำอาหารมีดังนี้
- การผัด ใช้น้ำมัน 1-2 ช้อนโต๊ะในการปรุงอาหารผัก, ไข่,เนื้อสัตว์หรือปลา
- การทำข้าวโพดคั่ว ละลายน้ำมันมะพร้าวเพื่อช่วยให้ข้าวโพดคั่วหอมและน่ารับประทานมากขึ้น
- การอบ ใช้น้ำมันมะพร้าวเคลือบสัตว์ปีกหรือเนื้อสัตว์ก่อนหมักด้วยเครื่องปรุงรส
ใช้น้ำมันมะพร้าวในสูตรอาหาร
น้ำมันมะพร้าวสามารถใช้แทนน้ำมันหรือเนยได้ในอัตราส่วน 1:1 ในสูตรอาหารส่วนใหญ่ อย่าลืมปล่อยให้ส่วนผสมเย็น เช่น วางไข่หรือนมอยู่ในอุณหภูมิห้องก่อนที่จะผสมเข้าด้วยกันเพื่อให้ส่วนผสมเข้ากันอย่างราบรื่นแทนที่จะจับตัวเป็นก้อน ที่คุณสามารถใช้น้ำมันมะพร้าวทำอาหารได้อีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการผัดบวบ แกงกะทิไก่หรือสมูทตี้สตรอเบอร์รี่
ใช้น้ำมันมะพร้าวเพิ่มลงในกาแฟหรือชา
อีกวิธีหนึ่งในการใช้น้ำมันมะพร้าวนี้คือการเพิ่มลงในกาแฟหรือชา แนะนำให้ใช้งานในปริมาณที่เล็กน้อย ประมาณ 1 หรือ 2 ช้อนชา ด้านล่างนี้เป็นสูตรชาด่วนที่มีการผสมน้ำมันมะพร้าว
สูตรชานมเข้มข้นแบบง่าย ๆ
- ชาดำ
- ผงโกโก้แบบไม่หวาน 1 ช้อนโต๊ะ
- ครีมเทียม 1 ช้อนโต๊ะหรือครึ่งช้อนโต๊ะ
- น้ำมันมะพร้าว 1 ช้อนชา
- ใช้น้ำตาลหญ้าหวานหรือสารให้ความหวานอื่น ๆ เพื่อลิ้มรสชาติที่หอมหวาน
- ในการทำเช่นนี้ให้เทน้ำเดือดลงบนถุงชาและปล่อยให้เดือดประมาณ 2-3 นาที นำถุงชาออกและใส่ส่วนผสมที่เหลือแล้วคนให้เข้ากัน
เป็นอย่างไรกันบ้างคะสำหรับสินค้าที่เราได้แนะนำไปในวันนี้ เราหวังว่าทุกคนจะพอใจกับสินค้าที่เราได้แนะนำไปนะคะ และก่อนจากกันวันนี้เราจะขอนำเสนอประโยชน์ของน้ำมันมะพร้าวมาฝากกันค่ะ
ได้อะไรจากการทานน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นในรูปแบบแคปซูล เพิ่มเมตาบอลิซึม ทำให้เกิดความร้อน ทำให้ต่อมไทรอยด์ทำงานได้ดีขึ้น จึงช่วยลดน้ำหนัก และช่วยทำให้อิ่มนานขึ้น
- เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย
- เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของอินซูลิน จึงช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน
- ปกป้องเซลล์ตับลดภาวะตับอักเสบเรื้อรังจากพิษสุรา
- ลดไขมันชนิดไม่ดี (LDL) เพิ่มไขมันดี (HDL) ลดโอกาสการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
- ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง
- ป้องกัน/บรรเทาการติดเชื้อ เช่น โรคหวัด ไวรัสตับอักเสบ
- บรรเทาอาการอ่อนเพลียเรื้อรัง ลดความเครียด ช่วยให้นอนหลับดีขึ้น
- ล้างพิษ ขับพิษของเสียออกจากร่างกาย
- เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของลำไส้ใหญ่ จึงช่วยกระตุ้นการขับถ่าย
สรรพคุณของน้ำมันมะพร้าว
ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญไขมัน
น้ำมันมะพร้าวได้รับการขนานนามว่าเป็น “ไขมันแคลอรีต่ำ” แถมบำบัดความหิวได้ดีกว่าไขมันหรืออาหารอื่น ผู้ที่กินน้ำมันมะพร้าวจะไม่หิวเป็นเวลานาน และตลอดทั้งวัน จึงกินอาหารน้อยกว่าผู้ที่กินน้ำมันอื่น ๆ ทำให้มีแคลอรีน้อยกว่า จนไม่มีเหลือสะสมเป็นไขมัน
มีคุณสมบัติที่เป็นกรดไขมันขนาดกลาง ที่ถูกย่อยได้ง่าย และเคลื่อนที่ได้เร็ว เป็นกรดไขมันอิ่มตัว ไม่ถูกเติมออกซิเจนและไฮโดรเจนที่เป็นสาเหตุของโรคแห่งความเสื่อม รวมทั้งโรคอ้วนทำให้อาหารมีรสชาติ และอิ่มนานขึ้น เพิ่มพลัง
การกินน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์เพื่อลดความอ้วนเป็นแนวคิดของ Atkins Diet โดยมีหลักการว่า ต้องลดปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่กระตุ้นให้ร่างกายหลั่งอินซูลิน ซึ่งส่งผลต่อการสะสมไขมันของร่างกาย หากงดกินแป้งและกินแต่ไขมัน ไขมันจะกดความอยากอาหาร เมื่อกินไปสักระยะเราจึงกินน้อยลง
น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์มีคุณสมบัติช่วยลดความอยากอาหาร ได้ดีกว่าไขมันชนิดอื่น ช่วยเร่งกระบวนการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย กระตุ้นการทำงานของต่อมไทรอยด์ และสร้างความร้อนได้เร็วจึงไม่สะสมในร่างกาย แนะนำให้กินน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ ควบคู่กับอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำ โดยอาจนำมาผสมกับสมูตตี้ น้ำสลัด หรือซอส วันละ 2-3 ช้อนโต
น้ำมันมะพร้าวสามารถเข้ากันได้กับอาหารและเครื่องดื่มหลายชนิด เช่นซุบ โจ๊ก แกงจืด น้ำส้ม น้ำผลไม้ ชา กาแฟ โอวัลติน โดยไม่ได้ทำให้อาหารและเครื่องดื่ม เปลี่ยนรสชาติ หรือสูญเสียคุณค่าทางอาหาร และความอร่อยไป
ช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง
กรดไขมันสายกลาง (medium chain fatty acid) ในน้ำมันมะพร้าวช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองและกระบวนการรับรู้ของมนุษย์ นอกจากนี้ผลการศึกษายังบอกด้วยว่ากรดไขมันสายกลาง ในน้ำมันมะพร้าวยังช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์ด้วย
ช่วยให้กระดูกแข็งแรง
ประโยชน์อีกอย่างหนึ่งของน้ำมันมะพร้าวคือ ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กระดูก การทานน้ำมันมะพร้าวเป็นประจำเป็นการเพิ่มแคลเซียมและแมกนีเซียมให้กับกระดูก ทำให้กระดูกเจริญเติบโตได้ดีและแข็งแรง
ช่วยบำรุงรักษาเส้นผมให้นุ่ม เงางาม
น้ำมันมะพร้าวหมักผม ช่วยบำรุงเส้นผมทำให้ผมดกดำ ทำให้สวยเงางามอย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยการชโลมน้ำมันมะพร้าวให้ทั่วหนังศีรษะ ในปริมาณที่เหมาะสม แล้วนวดหนังศีรษะจนน้ำมันซึมทั่วหนังศีรษะ เส้นผม ปลายผม แล้วทิ้งไว้อย่างน้อย 15 นาทีแล้วค่อยสระออก จะช่วยให้ผมของคุณมีน้ำหนักเงางามขึ้น
น้ำมันมะพร้าวใช้ช่วยบำรุงผมเสีย แก้ปัญหาผมร่วง ผมแตกปลาย ด้วยการใช้น้ำมันมะพร้าวชโลมผมตอนแห้งแล้วทิ้งไว้ 30 นาทีแล้วสรระออก จะทำให้เส้นผมนุ่มสลวยไม่พันกัน เส้นผมตรงมากยิ่งขึ้น และยังช่วยป้องกันผมร่วง ผมหงอกได้
ช่วยรักษาอาการผิดปกติทางผิวหนัง
ผลการศึกษามากมายพบว่าน้ำมันมะพร้าวช่วยรักษาอาการผิดปกติทางผิวหนัง เช่น โรคเรื้อน สิว โรคสะกิดเงิน นอกจากนี้หากใช้เป็นประจำน้ำมันมะพร้าวยังช่วยสมานแผลต่าง ๆ ด้วย
กลั้วปากขจัดเชื้อโรคในลำคอ
ใช้น้ำมันมะพร้าวใช้ทำน้ำยาบ้วนปากหรือ Oil Pulling (การกำจัดแบคทีเรียในช่องปาก) กลั้วไปทั่วปากให้น้ำมันซอกซอนไปตาม ร่องฟัน ดื่มน้ำเสร็จแล้วให้อมน้ำมันมะพร้าวไว้ในปาก 2 ช้อนโต๊ะโดยประมาณ ให้น้ำมันกลั้วอยู่ในปากผ่านร่องฟันไปมาเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 15นาทีแล้วให้บ้วนทิ้ง บ้วนปากด้วยน้ำ 2-3 ครั้ง การอมกลั้วน้ำมันนี้เพื่อขจัดเชื้อโรคในปากและคอ น้ำมันบางส่วนจะเข้าไปในร่างกาย เพื่อล้างสิ่งสกปรกและออกทางระบบขับถ่าย ลดกลิ่นปาก ลมหายใจสดชื่น
มีความสามารถในการเสริมภูมิคุ้มกัน
น้ำมันมะพร้าวมีกรดลอริกสูงมาก ซึ่งเป็นสารตัวเดียวกันกับกรดไขมันที่มีในนมแม่ เมื่อบริโภคเข้าไปกรดลอริกจะเปลี่ยนเป็นโมโนลอรินที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรคไม่ว่าจะเป็นแบคทีเรีย เชื้อรา เชื้อยีสต์ ไวรัส หรือโปรโตซัว นอกจากฆ่าเชื้อโรคได้หลายชนิดแล้ว ยังช่วยขยายหลอดเลือด ป้องกันการแข็งตัวของหลอดเลือดอันเป็นสาเหตุของโรคหัวใจ เป็นอาหารให้แก่เซลล์ ทั้งยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของตับอ่อนในการสร้างอินซูลินจึงดีต่อผู้เป็นเบาหวาน แถมยังปลอดภัยต่ออนุมูลอิสระและไขมันทรานส์ จึงช่วยป้องกันการกลายพันธุ์ของเซลล์ไม่ให้เกิดเป็นเซลล์มะเร็ง และช่วยกดการเจริญเติบโตของเนื้องอก เมื่อสุขภาพกายพร้อมสุขเพศก็พร้อมเช่นกัน ที่กล่าวมาข้างต้นจะเห็นว่าน้ำมันมะพร้าวสามารถทำให้หยุดอ้วน หยุดป่วย และหยุดแก่ สมกับคำเรียกที่ว่ามหัศจรรย์น้ำมันมะพร้าว
ไม่ก่อให้เกิดอนุมูลอิสระ
องค์ประกอบหลักของน้ำมันมะพร้าวเป็นกรดไขมันอิ่มตัว 92% จึงไม่ก่อให้เกิดอนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุของโรคแห่งความเสื่อมมากมายเหมือนกับน้ำมันไม่อิ่มตัว เช่น น้ำมันถั่วเหลือง ทานตะวัน คำฝอย ซึ่งจะเกิดอนุมูลอิสระได้ง่ายจากการเติมของออกซิเจนได้ตลอดเวลา ส่วนการเติมไฮโดรเจนนั้นเกิดจากการนำน้ำมันไม่อิ่มตัวไปถูกกับอุณหภูมิสูง เช่น ในขณะทอดอาหาร จึงเกิดเป็นสารตัวใหม่ชื่อไขมันทรานส์ (trans fat) โมเลกุลเปลี่ยนไปเกิดผลเสียต่อเซลล์
น้ำมันมะพร้าวเป็นกรดไขมันขนาดกลาง (medium chain triglyceride) เช่น กรดลอริก เมื่อรับประทานและถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายแล้วจะถูกเผา ผลาญได้ดีจึงถูกสะสมในเนื้อเยื่อไขมันได้น้อยกว่ากรดไขมันที่มีโมเลกุลสายยาว เช่น กรดไลโนเลอิก ซึ่งเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่พบมากในน้ำมันถั่วเหลือง เป็นต้น ด้วยคุณสมบัติของน้ำมันมะพร้าวจึงทำให้น้ำมันมะพร้าวได้รับความเชื่อใจจากผู้บริโภคในการรับประทานเพื่อช่วยประโยชน์หลายด้าน
บำรุงผิวหน้าและผิวพรรณ
อนุมูลอิสระ เป็นตัวการอันหนึ่งของการเกิดฝ้า และ กระ วิตามินอีในน้ำมันมะพร้าวจะทำหน้าที่ต่อต้านอนุมูลอิสระ ลดการเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่น ป้องกันรอยหมองคล้ำ ตามปกติผิวหนังจะสูญเสียความชุ่มชื้น เพราะถูกแดดและลม
น้ำมันมะพร้าวมีคุณสมบัติเป็นสารรักษาความชุ่มชื้น รักษาอาการผิวแห้ง แตก ลอก เป็นขุย ลดอาการผื่นแพ้ แสบคันตามผิวหนัง จึงช่วยให้ผิวนวลเนียน อีกทั้งช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด สามารถใช้น้ำมันมะพร้าวทาแก้ผิวไหม้แดด อาการแสบร้อนจะบรรเทาลง
น้ำมันมะพร้าวก็คือสารให้ความชุ่มชื่นตามธรรมชาติ นำสำลีชุบน้ำอุ่นแล้วบีบน้ำออก หยดน้ำมันมะพร้าว 2-3 หยดลงบนสำลีทาให้ทั่วใบหน้า สามารถทิ้งไว้ได้เลยโดยไม่ต้องล้างออก จะช่วยให้ผิวหน้าเนียนนุ่มไม่แห้งกร้าน รุ้สึกว่าผิวหน้าละเอียดขึ้น หน้าเนียนขึ้น รอยด่างดำจากสิวจางลงมากอย่างไม่น่าเชื่อ
ใช้ทาหน้าบาง ๆ ก่อนนอนแทนครีมบำรุงผิว แนะนำว่าต้องเป็นน้ำมันมะพร้าวแบบสกัดเย็น เพราะน้ำมันมะพร้าวที่ผ่านความร้อนจะทำให้วิตามินอี สลายไป ไม่เหมือนการสกัดเย็นที่ยังได้คุณค่าของน้ำมันมะพร้าวครบ
นอกจากจะใช้ทาบำรุงผิวหน้าแล้ว ผิวกายก็ต้องใช้ร่วมด้วย เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ลดอาการปวดเมื่อย ปวดข้อต่าง ๆ ใช้ เป็นประจำทุกวัน อุดมด้วยวิตามิน E ช่วยปกป้องรังสี UV
เช็ดเครื่องสำอาง สะอาดหมดจด
ใช้น้ำมันมะพร้าวหยดบนสำลีพอประมาณแล้วเช็ดให้ทั่วใบหน้า สามารถใช้เช็ดรอบดวงตา พวก eye shadow อาย ไลน์เนอร์ มาสคาร่า หมดเกลี้ยง และริมฝีปาก สำหรับผู้ที่แต่งหน้าสามารถใช้น้ำมันมะพร้าวเช็ดทำความสะอาดได้ 2 รอบเพื่อความสะอาดอย่างหมดจด เมื่อเช็ดด้วยน้ำมันมะพร้าวทั่วทั้งใบหน้าแล้วให้ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีจึงล้างออกด้วยสบู่ หลังจากนั้นซับหน้าให้แห้ง
น้ำมันมะพร้าวซึ่งมีโมเลกุลขนาดเล็ก สามารถแทรกซึมทำความสะอาดผิวได้อย่างล้ำลึก ช่วยลดการเกิดสิว ฝ้า และการสะสมของสารเคมีจากเครื่องสำอาง ช่วยทำความสะอาดรูขุมขน ทำให้รูขุมขนกระชับ เต่งตึง ผิวหน้าเนียนใส และช่วยขจัดสิ่งอุดตันที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิว อย่างได้ผล คราบเครื่องสำอางจะหลุดออกหมด โดยเฉพาะรอบดวงตา จะทำให้ผิวชุ่มชื้น นุ่มและละเอียดขึ้น ขนตายาวขึ้น
โทษของน้ำมันมะพร้าว
เนื่องจากน้ำมันมะพร้าวประกอบไปด้วยกรดไขมันทั้ง 2 ชนิด คือ Medium chain fatty acid ซึ่งเป็นชนิดที่ดี และ long chain fatty acids ซึ่งเป็นชนิดที่ไม่ดี ในทางการแพทย์เวลาจะใช้กรดไขมันอิ่มตัวสายกลาง จะมีการนำน้ำมันมะพร้าวไปสกัดเพื่อแยกออกมาให้เหลือเฉพาะ Medium chain fatty acid หรือกรดไขมันอิ่มตัวสายกลางเท่านั้น จึงนำไปใช้ประโยชน์ได้ แตกต่างจากน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นที่มีขายทั่วไปในท้องตลาด ไม่แนะนำให้รับประทาน เพราะประกอบไปด้วยทั้งไขมันชนิดดีและไม่ดี เหมาะสำหรับการใช้ในการฆ่าเชื้อโรคและ บำรุงผิวพรรณ แต่ไม่แนะนำให้รับประทาน
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)