ชื่อแบรนด์เนมดัง ๆ ที่เราคุ้นเคยกันนั้น ล้วนมีความหมายแฝงที่น่าสนใจซ่อนอยู่ ไม่ว่าจะเป็นชื่อย่อของคำภาษาอังกฤษ ชื่อเมือง หรือแม้แต่ชื่อบุคคลสำคัญ การเรียนรู้ความหมายของชื่อแบรนด์เนมเหล่านี้จะช่วยให้เราเข้าใจแบรนด์และสินค้าของแบรนด์นั้น ๆ ได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่การซื้อสินค้าหรือใช้บริการของแบรนด์นั้น ๆ มากขึ้นก็เป็นได้
ในบทความนี้ เราจะมาเรียนรู้การอ่านชื่อแบรนด์เนมดัง ๆ กว่า 40 แบรนด์ด้วยกัน โดยเราจะแยกย่อยความหมายของชื่อแบรนด์เนมออกเป็นหมวดหมู่ต่าง ๆ เพื่อให้ง่ายต่อการจดจำและนำไปใช้จริง รับรองว่าอ่านจบแล้ว คุณจะอ่านชื่อแบรนด์เนมดัง ๆ ได้อย่างเป๊ะปัง ไม่โป๊ะแตกอีกต่อไปอย่างแน่นอน
Guess
Guess อ่านว่า เกส ไอคอนแฟชั่นระดับโลกที่ครองใจวัยรุ่นมานานหลายทศวรรษ โดยจุดเด่นของแบรนด์อยู่ที่การผสมผสานสไตล์อเมริกันคลาสสิกเข้ากับความเซ็กซี่ทันสมัย ดีไซน์มักเล่นกับลายจุด ลายเดนิม และโลโก้ตัวอักษร G ที่เป็นเอกลักษณ์ สินค้ามีหลากหลาย ครอบคลุมตั้งแต่เสื้อผ้า เครื่องประดับ ไปจนถึงกระเป๋า ซึ่งเน้นวัสดุคุณภาพ ดีไซน์โดดเด่น เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่ต้องการแสดงออกถึงความมั่นใจ ไม่ซ้ำใคร
นอกจากดีไซน์อันโดดเด่น Guess ยังสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่ดึงดูดใจ โดยเน้นภาพลักษณ์สดใส เซ็กซี่ และมีชีวิตชีวา มักใช้ภาพถ่ายแฟชั่นที่เน้นความจริงใจ อารมณ์ดิบ ๆ ไม่ปรุงแต่ง และใช้แคมเปญการตลาดที่สร้างกระแส เช่น โฆษณาโทรทัศน์สุดคลาสสิก และการร่วมงานกับเซเลบริตี้ชื่อดัง สิ่งเหล่านี้ทำให้ Guess เข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ เสริมสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ที่ทันสมัย น่าติดตาม และครองใจกลุ่มเป้าหมายอย่างเหนียวแน่น
Yves Saint Laurent (YSL)
Yves Saint Laurent (YSL) อ่านว่า อีฟส์ แซงต์ โลรองต์ ไม่ใช่แค่แบรนด์เนม แต่เป็นปรากฏการณ์ของโลกแฟชั่น เกิดจากผู้ชายอัจฉริยะ ชื่อ อีฟส์ แซ็งต์ โลรองต์ ซึ่งเริ่มต้นสั่นสะเทือนวงการตั้งแต่ยังหนุ่ม ด้วยการปลุกปั้นชุดมอนเดรียน (Mondrian) นำศิลปะเข้าสู่เสื้อผ้าอย่างลงตัว สร้างจุดยืนให้ YSL เป็นมากกว่าแฟชั่น แต่คือการถ่ายทอดศิลป์
นอกจากความงามแล้ว YSL ยังท้าทายขนบ สร้างสูทกางเกง Le Smoking ในปี 1966 ปฏิวัติวงการด้วยชุดทักซิโดสำหรับผู้หญิง ชี้ให้เห็นความเท่าเทียมทางเพศ สั่นคลอนขนบเดิมจนมีทั้งกระแสชื่นชมและต่อต้าน แต่สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือ YSL จุดประกายการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ นำพาแฟชั่นก้าวสู่ยุคใหม่ที่กล้าทดลอง กล้าแสดงออก และไม่หยุดยั้งที่จะสร้างสรรค์
YSL จึงไม่ใช่แค่แบรนด์ แต่อุดมการณ์ที่ผสานศิลปะ เสรีภาพ และจิตวิญญาณของผู้ก่อตั้งไว้ นำพาให้แบรนด์คงความโดดเด่นมาจนถึงปัจจุบัน สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้รักแฟชั่นทั่วโลก
Calvin Klein (CK)
Calvin Klein (CK) อ่านว่า คลาวิน ไคลน์ แบรนด์แฟชั่นระดับโลกจากนิวยอร์ก ก่อตั้งปี 1968 โดยดีไซเนอร์ชื่อเดียวกัน แบรนด์ CK โดดเด่นด้วยสไตล์มินิมอล เรียบง่ายแต่ทรงพลัง ใช้วัสดุคุณภาพ เน้นคัตติ้งเนี้ยบกริบ สะท้อนภาพลักษณ์ทันสมัย มั่นใจ เซ็กซี่เล็กน้อย แต่แฝงความคลาสสิก ปราศจากกาลเวลา
ความสำเร็จของ CK มาจากการผสมผสานแฟชั่นเข้ากับศิลปะการถ่ายภาพโฆษณาที่เซ็กซี่ ดึงดูดใจ มีเอกลักษณ์ และกล้าหาญ ช่วยสร้างภาพลักษณ์ให้แบรนด์โด่งดังไปทั่วโลก CK ยังมีไลน์สินค้าหลากหลาย ครอบคลุมทั้งเสื้อผ้า ชุดชั้นใน แว่นตา น้ำหอม นาฬิกา ตอบสนองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ได้อย่างครบครัน
Tissot
Tissot อ่านว่า ทิส-โซต์ คือหนึ่งในแบรนด์นาฬิกาสัญชาติสวิสที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน กว่า 160 ปี เริ่มต้นจากปี 1853 โดย Charles-Félix Tissot และ Charles-Émile Tissot สองบิดาแห่งนวัตกรรม ผู้บุกเบิกการผลิตนาฬิกาคุณภาพสูงในราคาเอื้อมถึง ณ เมือง Le Locle ประเทศสวิสเซอร์แลนด์
เส้นทางของทิสโซต์นั้นเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความสำเร็จ บริษัทเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ในการผลิตนาฬิกา ไม่ว่าจะเป็นการเป็นเจ้าของสิทธิบัตรระบบกันน้ำ Antimagnétique ในปี 1930 จนถึงการพัฒนาเทคโนโลยี Quartz ในปี 1977 ความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์นาฬิกาที่ทั้งล้ำสมัย เชื่อถือได้ และเข้าถึงได้ ทำให้ทิสโซต์กลายเป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก ปัจจุบัน ทิสโซต์มีวางจำหน่ายในกว่า 160 ประเทศทั่วโลก มีหลากหลายคอลเลกชันที่ cater toward กลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย สะท้อนถึงประวัติศาสตร์อันยาวนาน ความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี และความเข้าใจในรสนิยมของผู้สวมใส่
Pierre Cardin
Pierre Cardin อ่านว่า ปีแอร์ การ์แดง คือ ตำนานแฟชั่นชาวฝรั่งเศส ผู้ล้ำยุคและเปี่ยมด้วยวิสัยทัศน์ เขาสร้างชื่อเสียงจากสไตล์เรขาคณิต องค์ประกอบแบบอวกาศ และการตัดเย็บอันประณีต บทบาทของเขาส่งผลต่อวงการแฟชั่นอย่างมหาศาล นำพาเทรนด์ล้ำสมัยและทลายกรอบเดิม ๆ
เส้นทางของการ์แดงเริ่มต้นในปี 1946 เขาทำงานร่วมกับปูชนียบุรุษแห่งวงการอย่าง Paquin และ Dior ก่อนก่อตั้งแบรนด์ของตนเองในปี 1950 คอลเลกชั่นแรก ๆ ของเขาสร้างความฮือฮาด้วยซิลูเอทแบบบอลลูน สัญลักษณ์แห่งความเป็นอิสระและท้าทายขนบแฟชั่นเดิม ต่อมาในยุค 60s เขาบุกเบิกเทรนด์อวกาศ นำเสนอชุดฟอร์มเรขาคณิต วัสดุแวววาว และหมวกทรงแปลกตา อันเป็นภาพจำของแบรนด์จนถึงปัจจุบัน นอกจากแฟชั่น การ์แดงยังบุกเบิกธุรกิจอื่น ๆ อย่างน้ำหอม ไวน์ และโรงแรม สร้างอาณาจักรแฟชั่นที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก
ตลอดชีวิต ปิแอร์ การ์แดง ได้รับการยกย่องให้เป็นผู้นำเทรนด์แฟชั่นระดับไอคอน เขาสร้างสรรค์ผลงานที่ล้ำยุค ทลายกรอบเดิม และกล้าทดลองสิ่งใหม่เสมอ จนได้รับการยกย่องให้เป็น “ราชาแห่งแฟชั่นยุคอวกาศ” บันทึกไว้ในประวัติศาสตร์แฟชั่นโลกอย่างไม่รู้ลืม
Oakley
Oakley อ่านว่า โอ๊ค-ลี่ย์ แว่นตาสุดล้ำ Oakley ที่ครองใจนักกีฬาและสายแฟชั่นทั่วโลกนั้น มีประวัติศาสตร์อันน่าค้นหา เริ่มต้นจากปี 1975 โดยหนุ่มนักศึกษาเภสัชฯ ไฟแรงอย่างจิม แจนนาร์ด เขาออกเดินทางท่องอเมริกาด้วยมอเตอร์ไซค์ ขายอะไหล่รถตามงานวิบาก ความท้าทัยเรื่องแดดร้อนจ้าและแว่นตากีฬาคุณภาพต่ำ จุดประกายให้จิมสร้างสรรค์แว่น Oakley อันเป็นเอกลักษณ์
จุดเด่นของ Oakley คือการผสมผสานเทคโนโลยีล้ำสมัยเข้ากับดีไซน์ดุดัน ไม่ว่าจะเป็นเลนส์ Plutonite ป้องกันรังสี UV อย่างเหนือชั้น วัสดุ O Matter เบาแต่แข็งแรง ทนทาน ทลายกรอบเดิมของแว่นตาสายกีฬา สู่แฟชั่นไอคอนที่เหล่าเซเลบริตี้และสายสตรีทพ่นใส่ นับเป็นแบรนด์ที่พลิกวงการแว่นตา และยังคงพัฒนาไม่หยุดยั้งจนถึงปัจจุบัน
NYX
NYX อ่านว่า นิกซ์ จุดเริ่มต้นของ NYX: NYX ก่อตั้งขึ้นในปี 2003 ที่ลอสแอนเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา โดย Toni Ko เพื่อเติมเต็มช่องว่างในตลาดเครื่องสำอาง โดยมุ่งเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง ในราคาที่เอื้อมถึง เหมาะกับวัยรุ่นและคนหนุ่มสาว NYX เริ่มต้นด้วยการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพียง 12 ชนิด ผ่านเว็บไซต์และร้านค้าปลีกอิสระ ทว่าด้วยคอนเซปต์ที่โดนใจ ทำให้แบรนด์เติบโตอย่างรวดเร็ว
เส้นทางสู่ความสำเร็จ: NYX ประสบความสำเร็จจากการนำเสนอผลิตภัณฑ์หลากหลาย ครอบคลุมตั้งแต่เครื่องสำอางพื้นฐานไปจนถึงเครื่องสำอางสำหรับมืออาชีพ เน้นสีสันสดใส แพคเกจจิ้งน่ารัก และราคาที่เป็นมิตร ในขณะเดียวกัน NYX ยังให้ความสำคัญกับการเป็นแบรนด์ที่เข้าถึงง่าย เหมาะกับทุกคน ทุกสีผิว ทุกสไตล์ ส่งผลให้ NYX ได้รับความนิยมไปทั่วโลก ปัจจุบันมีสาขากว่า 700 แห่งใน 40 ประเทศ
Michael Kors
Michael Kors อ่านว่า ไมเคิล คอร์ แบรนด์ Michael Kors ถือกำเนิดขึ้นในปี 1981 โดยดีไซเนอร์ชื่อเดียวกันชาวอเมริกัน เขาเริ่มต้นเส้นทางสายแฟชั่นด้วยการออกแบบเสื้อผ้าสตรี และประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วด้วยสไตล์หรูหรา ทันสมัย และผสมผสานความเซ็กซี่อย่างลงตัว จุดเด่นของแบรนด์อยู่ที่กระเป๋าถือ หนังสือ และแอคเซสเซอรี่ต่าง ๆ ที่ใช้วัสดุคุณภาพสูง ดีไซน์คลาสสิกแต่แฝงความร่วมสมัย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของหญิงสาวเมืองใหญ่ Michael Kors มุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าระดับกลางบน ที่ชื่นชอบแฟชั่นหรูหราแต่สามารถจับต้องได้ สินค้าของแบรนด์จึงมีราคาที่ไม่สูงจนเกินเอื้อม และวางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วโลก
ความสำเร็จของ Michael Kors ไม่ได้หยุดอยู่แค่เสื้อผ้า กระเป๋า หรือแอคเซสเซอรี่เท่านั้น แบรนด์ได้ต่อยอดไปยังไลน์น้ำหอม นาฬิกา และรองเท้าอีกด้วย ปัจจุบัน Michael Kors มีสาขากว่า 1,000 สาขาทั่วโลก และยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง นับเป็นแบรนด์แฟชั่นสัญชาติอเมริกันที่ประสบความสำเร็จระดับโลก และครองใจสาวกแฟชั่นทั่วทุกมุม
Miu Miu
Miu Miu อ่านว่า มิวมิว แบรนด์ Miu Miu ถือกำเนิดขึ้นในปี ค.ศ. 1992 จากวิสัยทัศน์ของ Miuccia Prada ทายาทรุ่นที่ 3 ของแบรนด์แฟชั่นระดับโลกอย่าง Prada ด้วยแรงปรารถนาที่จะปลดปล่อยตัวตนทางแฟชั่นอย่างอิสระ เธอจึงสร้าง Miu Miu ขึ้นมาเป็นแบรนด์ลูก บ่มเพาะรสนิยมส่วนตัวที่เปี่ยมสีสัน สนุกสนาน ท้าทาย และไม่ยึดติดกับกรอบใด ๆ ชื่อแบรนด์เองก็มาจากชื่อเล่นของเธอเอง สะท้อนถึงความใกล้ชิดและเปรียบเสมือน Miu Miu เป็นพื้นที่ปลดปล่อยจินตนาการของ Miuccia
DNA ของ Miu Miu คือการผสมผสานความเปรี้ยวซ่า สดใส กับความหรูหรา ล้ำสมัย โดยไม่กลัวที่จะแหวกกรอบ เทรนด์ต่าง ๆ ถูกตีความใหม่ผ่านเลนส์ของความขี้เล่น ทะเล้น และแฝงนัยยะเสียดสีสังคม บ่อยครั้งนำเสนอเนื้อหาทางเพศอย่างเปิดเผย สร้างความท้าทายต่อขนบแฟชั่นเดิม ๆ นี่คือสิ่งที่ทำให้ Miu Miu โดดเด่น เป็นที่หลงใหลของเหล่าแฟชั่นนิสต้า และกลายเป็นแบรนด์ชั้นนำที่ทรงอิทธิพลในวงการแฟชั่นโลกจนถึงปัจจุบัน
L’Occitane
L’Occitane อ่านว่า ลอคซิทาน แบรนด์ L’Occitane ถือกำเนิดขึ้นในปี 1975 ณ หมู่บ้านเล็ก ๆ ในแคว้นโพรวองซ์ ประเทศฝรั่งเศส ผู้ก่อตั้งคือ Olivier Baussan วัย 23 ปี เขาเริ่มต้นด้วยการนำสูตรสบู่จากคุณยายมาผลิตและจำหน่ายเอง ด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติและกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ ทำให้สบู่ของเขาได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว
ความสำเร็จนี้เป็นแรงผลักดันให้ Baussan ขยายไลน์สินค้า โดยนำเอาภูมิปัญญาการปรุงยาและศาสตร์ความงามแบบดั้งเดิมของชาวโพรวองซ์มาผสมผสาน สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวจากส่วนผสมจากธรรมชาติ เช่น เชีย บัทเทอร์ ลาเวนเดอร์ โรสแมรี่ โดยเน้นคุณภาพ ความปลอดภัย และกลิ่นหอมที่สื่อถึงท้องทุ่งดอกไม้และแสงแดดอันอบอุ่นของโพรวองซ์ ส่งผลให้ L’Occitane เติบโตอย่างก้าวกระโดด กลายเป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์ความงามระดับโลกที่หลายคนหลงใหลจนถึงปัจจุบัน
Longchamp
Longchamp อ่านว่า ลอง-ฌอมป์ หรือ ลองฌองป์ ไม่ได้มีจุดเริ่มต้นที่กระเป๋าไนลอนสุดฮิตอย่างที่หลายคนเข้าใจ ย้อนกลับไปปี 1948 ฌอง กาสแกร็ง ทายาทตระกูลผู้ผลิตไปป์ยาสูบ นำความเชี่ยวชาญด้านเครื่องหนังมาสร้างสรรค์กล้องยาสูบหุ้มหนังหรูหรา ปราณี ฐานลูกค้ายุคแรกจึงเป็นเหล่านายทหารชั้นสูงและชนชั้นนำ สร้างชื่อเสียงให้แบรนด์อย่างมั่นคง
เส้นทางสู่โลกแฟชั่นเริ่มต้นในปี 1975 ด้วยกระเป๋า Veau Foulonne รุ่นแรก จับกลุ่มเป้าหมายผู้หญิง เน้นฟังค์ชั่นการใช้งาน เหมาะกับการเดินทาง ผลิตจากหนังแกะคุณภาพเยี่ยม ความเรียบง่ายแต่คงทน ทำให้ลองฌองป์ขยายตลาดไปทั่วโลก ก้าวเท้าสู่เอเชียเป็นเจ้าแรกด้วยการเปิดสาขาที่ฮ่องกง ปี 1979 จนกลายเป็นแบรนด์กระเป๋าแฟชั่นระดับไอคอน ที่ครองใจสาวกแฟชั่นมาจนถึงปัจจุบัน
Louis Vuitton
Louis Vuitton อ่านว่า หลุย วิตตง เรื่องราวของหลุย วิตตงนั้น เริ่มต้นจากชายหนุ่มวัย 16 ปี นาม หลุย วิตตง เขาออกเดินทางเท้าจากบ้านเล็ก ๆ ในชนบทฝรั่งเศส มุ่งสู่มหานครปารีสในปี 1837 ด้วยความทะเยอทะยานที่จะเป็นช่างทำหีบชั้นเลิศ ณ ยุคที่การเดินทางใช้รถม้าและเรือ ข้าวของจึงมักชำรุดเสียหายบ่อย ๆ หลุยส์ตระหนักถึงปัญหานี้ จึงมุ่งมั่นออกแบบกระเป๋าเดินทางที่ทนทาน สวยงาม และจุสัมภาระได้อย่างลงตัว ผลลัพธ์คือกระเป๋าใบแรกของแบรนด์ หลุย วิตตง ถือกำเนิดขึ้น โดดเด่นด้วยรูปทรงแบนราบ ช่องเก็บของกว้าง และใช้วัสดุชั้นดีอย่างผ้าใบเคลือบ เรียกเสียงฮือฮาในวงการ และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของตำนานแฟชั่นระดับโลกในวันนี้
เส้นทางของหลุย วิตตง ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เขาเผชิญการเลียนแบบมากมาย แต่กลับยิ่งผลักดันให้พัฒนาดีไซน์อย่างไม่หยุดนิ่ง กระเป๋า Monogram และ Damier ลายตารางอันเป็นเอกลักษณ์ ก็เกิดขึ้นในช่วงนี้ การขยายไลน์สินค้าสู่เสื้อผ้า เครื่องประดับ ไปจนถึงน้ำหอม ยิ่งตอกย้ำความเป็นผู้นำเทรนด์ของแบรนด์ ทายาทแต่ละรุ่นสานต่อเจตนารมณ์ของผู้ก่อตั้งได้อย่างชาญฉลาด ร่วมมือกับศิลปินชั้นนำ เชิญชวนดีไซเนอร์รุ่นใหม่ สร้างสรรค์คอลเลกชั่นร่วมสมัย สืบทอดตำนานหลุย วิตตงให้คงอยู่เหนือกาลเวลา แม้กาลเวลาจะล่วงเลย แต่ความคลาสสิก ไร้กาลเวลา และวิสัยทัศน์อันล้ำสมัย ยังคงเป็นแก่นแท้ที่ทำให้แบรนด์นี้ครองตำแหน่งผู้นำวงการแฟชั่นไว้อย่างมั่นคงจนถึงปัจจุบัน
LA MER
LA MER อ่านว่า ลาแม กำเนิด LA MER เกิดจากความบังเอิญอันน่าอัศจรรย์ ดร.แม็กซ์ ฮิวเบอร์ นักฟิสิกส์ผู้สูญเสียใบหน้าจากอุบัติเหตุระเบิดในห้องทดลอง มุ่งมั่นค้นหายาบรรเทาแผลเป็น เขาหมกตัววิจัยนาน 12 ปี สกัดส่วนผสมล้ำค่าจากสาหร่ายทะเล เคลื่นคลื่น และแร่ธาตุจากใต้ทะเล จนถือกำเนิดเป็น “Miracle Broth” น้ำแห่งปาฏิหาริย์ บรรเทาอาการระคายเคืองและฟื้นฟูผิวอย่างเห็นผล ภรรยาของเขาผู้เป็นแรงบันดาลใจ คือผู้ใช้ “ครีมมหัศจรรย์” นี้เป็นคนแรก ผลลัพธ์ที่น่าทึ่งแพร่กระจาย LA MER กลายเป็นที่ต้องการของเหล่าเซเลบริตี้ ฮอลลีวูด และบุคคลชั้นนำระดับโลก
ทุกผลิตภัณฑ์ LA MER คือการผสมผสานวิทยาศาสตร์ล้ำสมัยกับส่วนผสมจากธรรมชาติอย่างลงตัว “Miracle Broth” หัวใจสำคัญ ยังคงสกัดด้วยมือตามกรรมวิธีดั้งเดิม เติมเต็มด้วยส่วนผสมทรงคุณค่า เช่น น้ำสกัดสาหร่ายเขียว น้ำมันเมล็ดทับทิม และคอลลาเจน ช่วยฟื้นฟูผิว ปรับสมดุล และมอบความชุ่มชื้นอย่างล้ำลึก ผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้นเปรียบดั่งศิลปะชั้นเลิศ เนื้อสัมผัสเนียนละเอียด ซึมซาบไว มอบประสบการณ์การปรนนิบัติผิวอันเหนือระดับ LA MER ไม่ใช่แค่แบรนด์เครื่องสำอาง แต่คือตำนานแห่งการฟื้นฟูผิว ที่ส่งต่อความอัศจรรย์จากท้องทะเล สู่ผิวสวยเปล่งประกาย
Lanvin
Lanvin อ่านว่า ลอง-แวง ไม่ใช่แค่เพียงแบรนด์เนมหรู แต่คือตำนานแฟชั่นของฝรั่งเศสที่ยืนหยัดมากว่า 132 ปี เริ่มต้นจากความรักของ Jeanne Lanvin ผู้ก่อตั้ง ที่ตัดเย็บชุดตุ๊กตาให้บุตรสาว เธอค่อย ๆ สร้างจักรวาลแฟชั่นสำหรับเด็ก ปลุกปั้นสไตล์โรแมนติกและซุกซนด้วยรายละเอียดอ่อนช้อย จนได้เสียงชื่นชมจากเหล่าสตรีชั้นสูง ปีกแห่งความสำเร็จพัดโบกอีกครั้งเมื่อ Jeanne เปิดตัวไลน์เสื้อผ้าผู้ใหญ่ ผสมผสานความน่ารักสดใสเข้ากับเส้นสายคลาสสิก เกิดเป็นสไตล์ใหม่ที่ทั้งงดงามและเป็นเอกลักษณ์
ตลอดศตวรรษที่ผ่านมา Lanvin เติบโตงดงาม ดึงดูดดีไซน์เนอร์มากฝีมือ และรังสรรค์ผลงานชิ้นเอกนับไม่ถ้วน อาทิ ชุดแต่งงานของ Ava Gardner และ Nancy Reagan เดรสลูกไม้แสนอ่อนช้อยของ Jeanne Mas และชุดราตรีสีฟ้าอันน่าจดจำของ Audrey Hepburn บทบาทของ Lanvin ไม่ได้หยุดอยู่แค่บนรันเวย์ พวกเขายังขยายไลน์ผลิตภัณฑ์สู่เครื่องประดับ น้ำหอม และของตกแต่งบ้าน สานทอตำนานแห่งความประณีต ละเมียดละไม ส่งต่อจิตวิญญาณแฟชั่นที่งดงามอย่างไม่เสื่อมคลาย
Lancôme
Lancôme อ่านว่า ลังโคม แบรนด์เครื่องสำอางระดับตำนานจากฝรั่งเศส เถือกำเนิดมาตั้งแต่ปี 1935 โดย Armaury Guerrin ก่อตั้งขึ้นจากความเชื่อมั่นในศักยภาพของวิทยาศาสตร์และความงาม โดยชื่อแบรนด์นั้นมาจากชื่อปราสาท Le Château de Lancosme ในหุบ Loire Valley อันงดงาม สะท้อนถึงความหรูหราและความคลาสสิก
เส้นทางของแลนโคมเปี่ยมไปด้วยนวัตกรรมและความล้ำหน้า โดยเป็นแบรนด์แรก ๆ ที่นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ผสานวิทยาศาสตร์เข้ากับความงาม อาทิ ผลิตภัณฑ์กันแดดรุ่นแรกในปี 1938 และมาสคาร่าสูตรกันน้ำรุ่นแรกในปี 1958 นอกจากนี้ แลนโคมยังขึ้นชื่อเรื่องการเลือกสรรนางฟ้ามาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ไม่ว่าจะเป็น Isabella Rossellini, Julia Roberts, Kate Winslet, และ Penelope Cruz ซึ่งล้วนเป็นตัวแทนของความงามที่เป็นอมตะ
ตลอดระยะเวลา 88 ปี แลนโคมยังคงมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพสูง คู่ไปกับการสร้างสรรค์สูตรใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน แลนโคมมีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมตั้งแต่เครื่องสำอางสำหรับผิวหน้า ผิวกาย น้ำหอม ไปจนถึงผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม โดยยังคงเอกลักษณ์ความหรูหราและนวัตกรรมไว้อย่างเหนียวแน่น
Laura Mercier
Laura Mercier อ่านว่า ลอร่า เมอร์ซิเอ้ เริ่มต้นจากความหลงใหลในศิลปะของลอร่า เมอร์ซิเออร์ ช่างแต่งหน้าและผู้ก่อตั้งแบรนด์ เธอเคยทำงานเบื้องหลังกับนิตยสารแฟชั่นชั้นนำก่อนผันตัวมาเป็นช่างแต่งหน้ามืออาชีพ ประสบการณ์ที่สั่งสมมาทำให้ลอร่ามองเห็นจุดบกพร่องของเครื่องสำอางในยุคนั้น บ่อยครั้งที่สีสันจัดจ้าน ไม่เป็นธรรมชาติ ไม่เข้ากับสีผิว เธอจึงเกิดไอเดียสร้างสรรค์เครื่องสำอางที่เน้นความเป็นธรรมชาติ เผยผิวสวยใสเปล่งประกายตามแต่กำเนิด บอกลาการปกปิดแบบหนาเตอะ
ในปี 1996 ลอร่าเปิดตัวแบรนด์ Laura Mercier ด้วยผลิตภัณฑ์เพียงไม่กี่ชิ้น ทว่าแต่ละชิ้นล้วนคัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน เน้นโทนสีสุภาพ อ่อนโยน เหมาะกับทุกสีผิว ผลิตภัณฑ์ที่สร้างชื่อเสียงให้แบรนด์ในช่วงแรก ๆ คือ Flawless Foundation รองพื้นเนื้อบางเบา เกลี่ยง่าย ให้ผลลัพธ์เป็นผิวสวยสุขภาพดี ปกปิดรอยตำหนิได้อย่างกลมกลืน จนกลายเป็นผลิตภัณฑ์ขายดีอันดับต้น ๆ ของแบรนด์มาจนถึงปัจจุบัน ปรัชญาความงามของ Laura Mercier ยังคงยึดมั่นในความเป็นธรรมชาติ เผยผิวสวยในแบบฉบับของแต่ละคน พร้อมทั้งพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ ทำให้แบรนด์ Laura Mercier ได้รับความนิยมจากทั่วโลกจนถึงทุกวันนี้
La Roche Posay
La Roche Posay อ่านว่า ลาโรช โพเซย์ แบรนด์สกินแคร์ชื่อดังระดับโลก มิได้มีจุดเริ่มต้นเพียงแค่ห้องทดลอง แต่ถักทอมาจากตำนานและวิทยาศาสตร์อันยาวนานกว่า 400 ปี ณ เมืองเล็ก ๆ ชื่อเดียวกันในฝรั่งเศส เรื่องเล่าขานเริ่มต้นในศตวรรษที่ 14 เมื่ออัศวินผู้กล้า Bertran du Guesclin พาม้าป่วยโรคผิวหนังไปแช่น้ำแร่ธรรมชาติที่ไหลผ่านรอยเลื่อนเทือกเขา หลังจากนั้น อาการของม้าค่อย ๆ ทุเลา รอยแผลจางหาย ธรรมชาติขุมพลังบำบัดจึงเป็นตำนานเล่าขานสู่รุ่นต่อรุ่น
นับจากปี 1975 เป็นต้นมา แล โรช-โพเซย์ นำน้ำแร่ธรรมชาติอันล้ำค่านี้มาผสมผสานกับวิทยาศาสตร์การแพทย์ ผลิตสกินแคร์ที่อ่อนโยน เหมาะกับผิวแพ้ง ผิวระคายเคือง โดยได้รับการพัฒนาและทดสอบร่วมกับแพทย์ผิวหนังชั้นนำ แบรนด์คำนึงถึงทั้งประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และความอ่อนโยน ตอบโจทย์ผู้ที่มีปัญหาผิวหลากหลาย ทั้งสิว ผื่นแพ้ ฯลฯ จนก้าวเป็นแบรนด์ชั้นนำที่แพทย์ผิวหนังเลือกแนะนำอันดับต้น ๆ ในยุโรป
Juicy Couture
Juicy Couture อ่านว่า จูซี่ กูตูร์ แบรนด์ Juicy Couture เริ่มต้นขึ้นในปี 1988 จากเพื่อนสาว 2 คน คือ เจลา นาช และ แพเมลา สไคสต์ ที่พบกันระหว่างทำงานในร้านเสื้อผ้า ลอสแอนเจลิส จุดเริ่มต้นมาจากความต้องการของเจลา ที่กำลังตั้งครรภ์ หาชุดคลุมท้องสวย ๆ ไม่ได้ ชื่อแบรนด์เกิดจากการผสมคำว่า “Juicy” ที่แปลว่า “น่ารัก เซ็กซี่” และ “Couture” ที่แปลว่า “ศิลปะการตัดเย็บชั้นสูง” สะท้อนภาพลักษณ์แบรนด์ที่หรูหราแต่แฝงความขี้เล่น
เสื้อผ้าและเครื่องประดับของ Juicy Couture โด่งดังในยุค 2000 ด้วยสไตล์หวาน ซุกซน มีลูกเล่น ขนเทียม คริสตัล และโลโก้จี้ติดตามชิ้นงาน แทรคสูทกำมะหยี่กลายเป็นไอเท็มเด่นประจำแบรนด์ ที่เหล่าเซเลบริตี้ฮอลลีวูดนิยมใส่ แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลังกระแสความนิยมเริ่มลดลง จนถูกขายกิจการในปี 2015 แต่ Juicy Couture ยังคงพยายามกลับมาสร้างชื่ออีกครั้ง ผ่านคอลเลคชั่นร่วมมือกับแบรนด์อื่น ๆ และการแต่งตั้งสไตลิสต์ชื่อดังเป็นผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ นี่จึงเป็นแบรนด์ที่เคยรุ่งโรจน์ ตกต่ำ และกำลังฟื้นคืนชีพอย่างน่าจับตา
illamasqua
illamasqua อ่านว่า อิลลามาสก้า แบรนด์เครื่องสำอาง Illamasqua ถือกำเนิดขึ้นในปี 2000 โดย Alex Box และ Sharon Woolman คู่หูผู้มากประสบการณ์ในวงการแฟชั่นและความงาม ทั้งสองมุ่งมั่นสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่แหวกขนบ ฉีกกฎเกณฑ์ความงามแบบเดิม ๆ เน้นโทนสีจัดจ้าน แปลกใหม่ ตอบโจทย์ผู้ที่ชื่นชอบการแสดงออกถึงความเป็นตัวเองอย่างไม่ซ้ำใคร
ชื่อแบรนด์ Illamasqua มาจากคำว่า “illaminate” และ “masquerade” สะท้อนถึงปรัชญาของแบรนด์ที่ต้องการปลดเปลื้องเปลือกนอก เปิดเผยตัวตนแท้จริงผ่านเครื่องสำอาง โดยไม่ต้องยึดติดกับกรอบใด ๆ ผลิตภัณฑ์ของ Illamasqua มีส่วนผสมคุณภาพสูง ปราศจากพาราเบนและน้ำหอม เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว พร้อมพาเลทสีหลากหลาย โทนสีแบบ avant-garde ที่ไม่เหมือนใคร ส่งเสริมให้ผู้ใช้สร้างสรรค์ลุคอันโดดเด่น เป็นตัวเองอย่างมั่นใจ
Hermès
Hermès อ่านว่า แอร์เมส ประวัติศาสตร์ของแอร์เมสนั้นยาวนานและเหนือชั้น เริ่มต้นในปี 1837 ณ กรุงปารีส ภายใต้ฝีมือของ Thierry Hermès ช่างทำอานม้าผู้มากด้วยพรสวรรค์ เขาผสมผสานความเชี่ยวชาญด้านเครื่องหนัง เข้ากับความรักในงานฝีมือประณีต สร้างสรรค์อานม้าที่ไม่เพียงทนทานแต่ยังงดงาม จนได้รับความนิยมในหมู่ชนชั้นสูงและราชวงศ์ ยุคนี้เองที่แอร์เมสวางรากฐานสำคัญด้วยวิสัยทัศน์ “ความหรูหรามาจากคุณภาพและฝีมือ”
เส้นทางของแอร์เมสไม่ได้หยุดแค่ที่อานม้า เมื่อกาลเวลาเปลี่ยนผ่าน ชาร์ลส์-เอมิล ลูกชายของเธียรี่ เล็งเห็นโอกาสใหม่ เขาขยายผลิตภัณฑ์สู่กระเป๋าเดินทาง กระเป๋าถือ เสื้อผ้า และผ้าพันคอ สร้างชื่อเสียงด้วยดีไซน์คลาสสิกเหนือกาลเวลา วัสดุชั้นเลิศ และเทคนิคการตัดเย็บอันประณีต ผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้นเปรียบดั่งศิลปะ กลายเป็นสัญลักษณ์ของความหรูหรา ความมั่งคั่ง และรสนิยมชั้นเลิศ ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นจนถึงปัจจุบัน โดยไม่เคยเลือนหายไปตามกระแสแฟชั่นชั่วคราว
Guy Laroche
Guy Laroche อ่านว่า กีลาโรช คือ ตำนานแฟชั่นผู้บุกเบิกสไตล์เรียบหรู ทันสมัย และเปี่ยมเสน่ห์ ผลงานของเขาโดดเด่นด้วยเส้นสายเฉียบคม คัตติ้งเนี้ยบกริบ และการใช้วัสดุคุณภาพเยี่ยม ลาร็อชก่อตั้งแบรนด์ในปี 1956 ณ กรุงปารีส ภายใต้ปรัชญา “ความหรูหราไม่จำเป็นต้องโอ้อวด” เขาสร้างสรรค์ชุดราตรีที่งดงามสง่า โดดเด่นด้วยซิลูเอทเพรียวบาง เล่นระดับเลเยอร์ และเน้นย้ำทรวดด้วยคอเสื้อเว้าลึก เขายังเป็นผู้บุกเบิกการใช้สีสันสดใส ตัดกับโทนสีกลางอย่างดำ น้ำเงิน ขาว สร้างความโดดเด่นน่าประทับใจ
เส้นทางแฟชั่นของลาร็อชไม่ราบรื่นเสมอไป เขาเคยประสบปัญหาด้านการเงินจนเกือบปิดแบรนด์ แต่ด้วยความมุ่งมั่นและพรสวรรค์ เขาพลิกฟื้นกลับมาได้อีกครั้ง ผลงานของเขาได้รับความนิยมจากเหล่าเซเลบริตี้ระดับโลก อาทิ โซเฟีย ลอเรน เกรซ เคลลี่ และฌักลีน เคนเนดี้ ในปี 1982 ลาร็อชตัดสินใจเกษียณอายุ แต่แบรนด์ Guy Laroche ยังคงสานต่อตำนานแฟชั่น โดยรักษาเอกลักษณ์ความเรียบหรู ทันสมัย และเหนือกาลเวลาไว้เช่นเดิม
Givenchy
Givenchy อ่านว่า จีวองชี่ แบรนด์ Givenchy นั้นเปรียบเสมือนตำนานบทหนึ่งในวงการแฟชั่น ก่อตั้งโดย Hubert de Givenchy ดีไซน์เนอร์หนุ่มชาวฝรั่งเศสผู้มากความสามารถ ในปี 1952 จุดเริ่มต้นของ Givenchy นั้นโดดเด่นด้วยสไตล์เรียบหรู ทันสมัย และเปี่ยมความเป็นผู้หญิง Hubert นำเสนอความหรูหราที่แอบซ่อนความเซ็กซี่ไว้ภายใน ผ่านชุดเดรสเรียบโก้ ช่วงเอวคอด และเส้นตัดเย็บประณีต บนเนื้อผ้าชั้นเลิศ
แบรนด์ Givenchy มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกเมื่อ Audrey Hepburn นักแสดงฮอลลีวูดชื่อดัง กลายเป็นลูกค้าประจำและเพื่อนสนิทของ Hubert เธอปรากฏตัวในชุด Givenchy ทั้งบนจอภาพยนตร์และชีวิตประจำวัน ช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ความเรียบหรู ทันสมัย และสง่างาม ของแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก โดยเฉพาะชุดสีดำคอปาดลึกในภาพยนตร์ Breakfast at Tiffany’s ยังคงเป็นไอคอนิกแฟชั่นที่จดจำมาจนถึงปัจจุบัน
Esprit
Esprit อ่านว่า เอสพรี แบรนด์เสื้อผ้านานาชาติ “Esprit” มีประวัติศาสตร์อันน่าค้นหา เริ่มต้นจากคู่รักชาวอเมริกัน Douglas และ Susie Tompkins ที่ฝันสร้างสรรค์เสื้อผ้าสไตล์แคลิฟอร์เนียสุดชิคสำหรับตลาดยุโรป ในปี 1968 พวกเขาใช้ห้องอพาร์ตเมนต์เป็นทั้งบ้านและสตูดิโอ Susie ออกแบบเสื้อผ้าในขณะที่ Douglas ดูแลด้านบัญชี เสื้อผ้า Esprit โดดเด่นด้วยดีไซน์ร่วมสมัย สีสันสดใส เหมาะกับไลฟ์สไตล์แบบ Urban ทำให้แบรนด์แจ้งเกิดอย่างรวดเร็ว สู่การก่อตั้งบริษัทอย่างเป็นทางการในปี 1971
จุดเปลี่ยนสำคัญของ Esprit มาถึงในยุค 80s เมื่อ “Michael Ying” นักธุรกิจฮ่องกง เข้ามาสนับสนุนแบรนด์ ด้วยวิสัยทัศน์อันเฉียบแหลม Ying นำพา Esprit ขยายตลาดสู่เอเชีย สร้างฐานแฟนคลับเหนียวแน่น โดยเฉพาะในไทย Esprit เคยเป็นแบรนด์แฟชั่นชั้นนำ โดดเด่นด้วยสินค้าคุณภาพ ดีไซน์มีลูกเล่น และแคมเปญการตลาดสดใส สร้างภาพจำ “Esprit de corps” หรือ “จิตวิญญาณแห่งเพื่อน” ที่สะท้อนความสามัคคีและสนุกสนาน
แม้ปัจจุบัน Esprit จะปรับกลยุทธ์เน้นตลาดออนไลน์มากขึ้น สถานะแบรนด์ระดับตำนานยังคงมั่นคง ประวัติศาสตร์ของ Esprit สะท้อนวิวัฒนาการของวงการแฟชั่น ความกล้าบุกเบิก และจิตวิญญาณอิสระ ที่เชื่อมโยงผู้คนผ่านเสื้อผ้าและไลฟ์สไตล์
Gucci
Gucci อ่านว่า กุชชี่ แบรนด์ Gucci ยักษ์ใหญ่แห่งวงการแฟชั่นหรูมิได้เกิดขึ้นวันเดียว ความสำเร็จอันยาวนานกว่าศตวรรษนี้ผสานเรื่องราวของผู้คน ไอเดีย และสไตล์ไว้อย่างแน่นแฟ้น ย้อนกลับไปปี 1921 กุชชิโอ กุชชี่ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ เริ่มต้นจากการเป็นพนักงานโรงแรมในลอนดอน เขาหลงใหลความประณีตของเครื่องหนัง และเมื่อกลับอิตาลีบ้านเกิด จึงเปิดร้านเล็ก ๆ ผลิตกระเป๋า อานม้า และอุปกรณ์ขี่ม้า สินค้าเหล่านี้โดดเด่นด้วยหนังคุณภาพ งานฝีมือชั้นเลิศ และดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ ดึงดูดเหล่าชนชั้นสูง จนชื่อเสียงของ Gucci ขจรขจายไปทั่ว
เส้นทางของ Gucci ไม่ราบรื่นเสมอไป ช่วงสงครามโลกครั้งที่สองส่งผลกระทบ ทำให้ต้องใช้หนังเทียม จนความหรูหราลดลงไป แต่ทายาทอย่างอัลโด กุชชี่ ไม่ยอมแพ้ เขานำโลโก้ GG อันเป็นสัญลักษณ์มาประดับสินค้า ส่งเสริมแบรนด์ผ่านภาพยนตร์ฮอลลีวูด จับมือเซเลบริตี้ และเปิดร้านทั่วโลก Gucci กลับมาเจิดจรัสอีกครั้ง พร้อมบุกเบิกแฟชั่นใหม่ ๆ อยู่เสมอ ความกล้าทดลอง ผสมผสาน สไตล์คลาสสิกกับล้ำสมัย ทำให้ Gucci ยืนหยัดในโลกแฟชั่น และกลายเป็นแบรนด์ระดับตำนาน
Dolce & Gabbana
Dolce & Gabbana (D&G) อ่านว่า ดอลเช่ แอนด์ แกบาน่า ไม่ใช่แค่แบรนด์แฟชั่นหรู แต่เป็นตำนานบทหนึ่งของวงการ แฟชั่นเฮาส์นี้ก่อตั้งปี 1985 โดยดีไซเนอร์หนุ่มชาวอิตาลี Domenico Dolce และ Stefano Gabbana จากจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ กับเงินทุนเพียง 50,000 บาท ทั้งคู่พุ่งทะยานสู่ความสำเร็จอย่างรวดเร็วด้วยคอลเลกชั่นแรกที่ผสานความเซ็กซี่ สไตล์ยุค 60 และกลิ่นอายความคลาสสิกของอิตาลีไว้ได้อย่างลงตัว
เส้นทางของ D&G ประดับประดาด้วยความรุ่งโรจน์ พวกเขาออกแบบชุดให้เหล่าซูเปอร์สตาร์ชื่อดังอย่าง Madonna, Beyoncé และ Whitney Houston สร้างสไตล์ไอคอนิคบนพรมแดงนับไม่ถ้วน และขยายอาณาจักรแฟชั่นครอบคลุมทุกมิติ จากชุดชั้นใน เครื่องประดับ ไปจนถึงน้ำหอม แต่เส้นทางสายแดดก็มีด้านมืด D&G เคยเจอดราม่าหนักหน่วงทั้งเรื่องการเหยียดเชื้อชาติ คำพูดดูถูก และการตลาดที่ไม่เหมาะสม สร้างบาดแผลให้กับแบรนด์และภาพลักษณ์ของผู้ก่อตั้ง
D&G เป็นตัวอย่างที่สะท้อนความแปรปรวนของวงการแฟชั่นได้อย่างชัดเจน แม้จะประสบความสำเร็จมหาศาล แต่เพียงก้าวพลาดเพียงเล็กน้อยก็อาจส่งผลกระทบรุนแรง จากกรณีดราม่าในจีน ส่งผลให้ยอดขายของแบรนด์ในจีนลดฮวบ จนถึงวันนี้ D&G ยังคงพยายามฟื้นฟูชื่อเสียงและปรับตัวสู่ยุคสมัยใหม่ ท่ามกลางความท้าทายและกระแสตีกลับที่รออยู่
Darphin
Darphin อ่านว่า ดาร์ฟาง แบรนด์เครื่องสำอางระดับพรีเมียมจากฝรั่งเศส ก่อตั้งขึ้นในปี 1958 โดย Pierre Darphin แพทย์ชาวฝรั่งเศสผู้มีความเชี่ยวชาญด้านผิวหนัง เขาพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์โดยผสมผสานความรู้ทางการแพทย์เข้ากับส่วนผสมจากธรรมชาติอันทรงคุณค่า เน้นการฟื้นฟูผิวอย่างอ่อนโยน เหมาะกับผิวแพ้งง่าย
จุดเด่นของแดร์ฟินอยู่ที่การคัดสรรส่วนผสมจากพืชพรรณธรรมชาติบริสุทธิ์ ปราศจากสารเคมีอันตราย ผ่านกระบวนการสกัดเย็นเพื่อคงคุณค่าไว้ ผลิตภัณฑ์เน้นการบำรุงผิวอย่างล้ำลึก ฟื้นฟูเซลล์ผิว เสริมสร้างเกราะป้องกันผิว พร้อมทั้งมอบความชุ่มชื้นยาวนาน ผลลัพธ์ที่ได้คือผิวแข็งแรง สุขภาพดี เปล่งปลั่งอย่างเป็นธรรมชาติ แดร์ฟินจึงได้รับความนิยมจากผู้ที่ชื่นชอบผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติและใส่ใจสุขภาพผิว
Charles & Keith
Charles & Keith อ่านว่า ชาร์ลแอนด์คีท แบรนด์ Charles & Keith ถือกำเนิดขึ้นในปี 1996 จากฝีมือสองพี่น้อง ชาร์ลส์ และ คีธ วง ชาวสิงคโปร์ จุดเริ่มต้นมาจากร้านรองเท้าเล็ก ๆ ในย่านอัง โม เกียว ที่ครอบครัวของพวกเขาดำเนินการอยู่ ทั้งสองซึมซับประสบการณ์ด้านรองเท้ามาตั้งแต่เด็ก ก่อนผันตัวเองมาเปิดร้าน Charles & Keith ที่ศูนย์การค้า Amara (ปัจจุบันคือ 100 AM)
วิสัยทัศน์ของแบรนด์คือการเสริมพลังให้ผู้หญิงทั่วโลกผ่านแฟชั่น ที่ไม่เพียงทันสมัยแต่ยังเข้าถึงได้ Charles & Keith เริ่มต้นด้วยคอลเลกชั่นรองเท้าที่โดดเด่นด้วยดีไซน์เรียบหรูและราคาจับต้องได้ จนได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงขยายไลน์สินค้าไปสู่กระเป๋า แว่นตา เครื่องประดับ และแอคเซสเซอรี่ ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบครัน ปัจจุบัน Charles & Keith มีร้านค้าสาขากว่า 600 แห่งทั่วโลก 37 ประเทศ นับเป็นแบรนด์แฟชั่นสัญชาติสิงคโปร์ที่ประสบความสำเร็จระดับโลก ที่มาพร้อมกับประวัติอันน่าภาคภูมิ
Clarins
Clarins อ่านว่า คลาแรงส์ แบรนด์ Clarins เริ่มต้นตำนานความงามมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1954 โดย Jacques Courtin-Clarins แพทย์ชาวฝรั่งเศสผู้มุ่งมั่นในปรัชญา “ความงามคือสุขภาพที่ดี” เขาเชื่อว่าผิวสวยเกิดจากทั้งการดูแลภายในและภายนอก จึงริเริ่มเปิดสถาบันความงาม Clarins Institute แห่งแรกที่กรุงปารีส นำเสนอทั้งทรีทเมนต์การนวดหน้าตามศาสตร์ตะวันออก ผสมผสานกับผลิตภัณฑ์จากพืชพรรณธรรมชาติ ผ่านการวิจัยสูตรโดยทีมแพทย์และนักวิทยาศาสตร์
ตลอด 70 ปี Clarins เติบโตอย่างมั่นคงด้วยปรัชญาเดียวกัน พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน ปลอดภัย เหมาะกับสภาพผิวหลากหลาย โดยเน้นส่วนผสมจากธรรมชาติเป็นหลัก คู่ไปกับเทคโนโลยีล้ำสมัย ผลลัพธ์ที่ได้จึงไม่ใช่แค่ผิวสวยเพียงชั้นนอก แต่เสริมสร้างสุขภาพผิวให้แข็งแรงจากภายใน ปัจจุบัน Clarins ดำเนินธุรกิจโดยทายาทของผู้ก่อตั้ง สืบทอดความมุ่งมั่นในคุณภาพ ความยั่งยืน และค่านิยมเรื่อง “ทุกคนสวยในแบบของตัวเอง” ทำให้ Clarins ครองใจสาว ๆ ทั่วโลก และยังคงเป็นผู้นำในวงการสกินแคร์ระดับพรีเมียมจนถึงปัจจุบัน
Chloé
Chloé อ่านว่า โคลเอ้ แบรนด์ Chloé นั้นก่อตั้งขึ้นในปี 1952 โดย Gaby Aghion ชาวปารีเซียงเชื้อสายอียิปต์ เธอมีความปรารถนาที่จะสร้างสรรค์เสื้อผ้าที่หรูหรา สวมใส่สบาย และสะท้อนถึงความเป็นผู้หญิงอิสระ ในยุคที่แฟชั่นยังคงเน้นความโอ่อ่าเป็นหลัก Chloé นำเสนอเสื้อผ้าสไตล์โรแมนติก เรียบง่าย เน้นเส้นสายที่พลิ้วไหว และใช้วัสดุธรรมชาติอย่างผ้าลินิน ผ้าฝ้าย และผ้าชีฟอง สร้างภาพลักษณ์ของหญิงสาวผู้สง่างาม ทันสมัย และไม่หวั่นเกรงต่อกฎเกณฑ์ใด ๆ
เอกลักษณ์สำคัญของ Chloé คือการผสมผสานความหรูหราเข้ากับความเรียบง่าย บนพื้นฐานของความสบายและการใช้งานจริง โดยคำนึงถึงรายละเอียดและงานฝีมือประณีต สร้างสรรค์เสื้อผ้าที่ทั้งสวยงามและสามารถสวมใส่ได้ในชีวิตประจำวัน กลายเป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมจากเหล่าเซเลบริตี้และแฟชั่นนิสต้าทั่วโลก จนถึงปัจจุบัน Chloé ยังคงรักษาเอกลักษณ์และจิตวิญญาณของแบรนด์เอาไว้ ผ่านดีไซน์อันงดงาม ทันสมัย และเหนือกาลเวลา นำพาหญิงสาวไปสู่โลกแห่งแฟชั่นที่เปี่ยมเสน่ห์และความมั่นใจ
Christian Louboutin
Christian Louboutin อ่านว่า คริสติยอง ลูบูแตง ไม่ใช่แค่ชื่อของนักออกแบบรองเท้าระดับโลก หากแต่เป็นตำนานอันร้อนแรง บ่มกรุ่นด้วยความหลงใหลและท้าทายขนบ แฟชั่นเขาไม่เคยมุ่งไปที่ “เทรนด์” แต่เน้นที่ “ศิลปะ” บนเรียวเท้า สลัดภาพรองเท้าสีดำเรียบง่าย มาเติมเต็มด้วยพื้นสีแดงสด เสมือนหยาดเลือดแห่งความปรารถนา
น้อยคนจะรู้ว่า ชายผู้นี้เคยถูกไล่ออกจากโรงเรียนด้วยผลการเรียนย่ำแย่ แต่พรสวรรค์ด้านศิลปะพาเขาสู่โลกคาบาเรต์ ปารีส เขาซึมซับความเซ็กซี่ ความเคลื่อนไหวของนักเต้น มาหลอมรวมกับความหลงใหลในรูปทรงของรองเท้าโบราณ เกิดเป็นผลงานแรก – รองเท้าส้นสูงปลายแหลม ประดับขนนก – แรงบันดาลใจจากมาริลีน มอนโร ตำนานรองเท้า Louboutin เริ่มต้นจากตรงนั้น
Céline
Céline อ่านว่า ซีลีน หรือ เซลีน แบรนด์เนม Céline นั้นมีประวัติศาสตร์อันยาวนานและน่าสนใจ เริ่มต้นในปี 1945 ณ ฝั่งซ้ายของกรุงปารีส โดยมาดาม เซลีน วิเพียน่า (Ćeline Vipiana) และสามี ริชาร์พ (Richarp) ในตอนแรกเป็นเพียงร้านรองเท้าขนาดเล็กสำหรับเด็ก ด้วยรสนิยมอันเป็นเลิศและฝีมืออันประณีตของมาดาม เซลีน ทำให้แบรนด์ได้รับความนิยมและขยายกิจการอย่างรวดเร็ว ในปี 1948 ร้าน Céline ก็เปิดสาขาใหม่และเริ่มผลิตสินค้าประเภทเครื่องหนัง เช่น กระเป๋า เข็มขัด ถุงมือ จุดเด่นของ Céline ในยุคเริ่มต้นคือความเรียบง่าย ใช้งานได้จริง และเข้าถึงได้ง่าย ไม่มุ่งเน้นแต่เพียงกลุ่มชนชั้นสูง
ในปี 1987 Céline ถูกซื้อกิจการโดยเบอร์นาร์ด ออร์เนิร์ล ประธานกลุ่ม LVMH ทำให้แบรนด์เติบโตและเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น ดีไซเนอร์มากฝีมือหลายคนเข้ามาผลัดเปลี่ยนกันสร้างสรรค์ผลงาน โดยเฉพาะ ไมเคิล คอร์ส (Michael Kors) ในช่วงปี 1990s จนกระทั่งมาดาม เซลีน วิเพียน่า เสียชีวิตในปี 1997 แบรนด์ก็ยังคงรักษาเอกลักษณ์ความเรียบหรู ผสมผสานความทันสมัย ไว้ได้อย่างลงตัว จนถึงปัจจุบัน Céline ยังคงเป็นแบรนด์แฟชั่นชั้นนำที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก
Balenciaga
Balenciaga อ่านว่า บาเลนเซียก้า แบรนด์ Balenciaga มิใช่แค่ชื่อแฟชั่นหรูหรา แต่คือเรื่องราวการปฏิวัติวงการตัดเย็บยาวนานกว่าศตวรรษ เริ่มต้นจากฝีมือช่างชาวบาสก์ คริสโตบัล บาเลนเซียก้า ผู้หลงใหลเสื้อผ้าตั้งแต่เยาว์ เขาเปิดบูติกแห่งแรกในสเปนปี 1919 ความสามารถโดดเด่น ทำให้ขยายสาขาจนถึงกรุงมาดริด แต่สงครามกลางเมืองบีบคั้น ให้บาเลนเซียก้าย้ายสู่ปารีส ปี 1937 เสียงชื่นชมท่วมท้น ร้าน Avenue George V กลายเป็นที่รวบรวมแขกชั้นสูง เซซิเลีย แบร์แตง นักเขียนชื่อดังกล่าวว่า ชุดบาเลนเซียก้าราวกับปั้นขึ้นมาพอดี ดั่งประติมากรรมบนเรือนร่าง
ตลอดเส้นทาง บาเลนเซียก้าทลายกำแพงเดิม ๆ เขาสร้างสรรค์ซิลูเอทแปลกใหม่ ตัดเย็บประณีตไร้ที่ติ เสื้อรูปทรงเรขาคณิต เสื่อมไหล่ปาด คอเสื้อเรือใบ กลายเป็นเอกลักษณ์ แม้เผชิญความสูญเสียของผู้ก่อตั้ง ปี 1972 แต่แบรนด์ยังคงรุ่งโรจน์ ดีไซเนอร์มากฝีมือสืบทอดเจตนารมณ์ สานต่อประวัติศาสตร์อันยาวนาน วันนี้ Balenciaga ยืนหยัดในโลกแฟชั่น ผสมผสานความคลาสสิกและล้ำสมัย สร้างสรรค์เสื้อผ้าท้าทายกาลเวลา ด้วยฝีมือและวิสัยทัศน์ของผู้บุกเบิก
BURBERRY
BURBERRY อ่านว่า เบอร์เบอรี่ แบรนด์แฟชั่นสุดหรูแห่งแดนผู้ดีอังกฤษ มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 160 ปี เริ่มต้นจากทอมัส เบอร์เบอรี่ เด็กฝึกงานวัย 21 ปีผู้หลงใหลในกิจกรรมกลางแจ้ง ในปี 1856 เขาเปิดร้านเสื้อผ้าเล็ก ๆ ที่เบซิงสโตก มุ่งผลิตเสื้อผ้าทนทานเหมาะกับสภาพอากาศของอังกฤษ
จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในปี 1879 เมื่อทอมัสประดิษฐ์ผ้ากาบาร์ดีน ขึ้นจากฝ้ายอียิปต์ ผ้าชนิดนี้กันน้ำ ระบายอากาศได้ดี ทนทาน เหมาะกับการล่าสัตว์ ตกปลา กิจกรรมยอดนิยมของชนชั้นสูง ทำให้เบอร์เบอรี่เป็นที่รู้จักในหมู่นักสำรวจ นักผจญภัย และได้รับพระราชทานตราประทับในปี 1908 แสดงถึงความเป็นแบรนด์ชั้นนำ บุกเบิก เสียดสีไปกับวิถีชีวิตหรูหราผสมผสานธรรมชาติ สร้างตำนานให้เบอร์เบอรี่จนถึงปัจจุบัน
Bvlgari
Bvlgari อ่านว่า บุลการี แบรนด์ Bvlgari มิใช่แค่เครื่องประดับชั้นเลิศ แต่เป็นตำนานที่ร้อยเรียงประวัติศาสตร์กว่า 140 ปี เริ่มต้นจากฝีมืออันประณีตของช่างเงินชาวกรีก โซเทริโอ บุลการิ ที่ย้ายมาเปิดร้านเครื่องประดับที่กรุงโรมเมื่อปี ค.ศ. 1880 เขาผสมผสานศิลปะกรีก-โรมันเข้ากับดีไซน์อันทันสมัย สร้างสรรค์เครื่องประดับเงินและหินสีที่มีทั้งความงดงามและโดดเด่น จนเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ต่อมา ลูกชายของโซเทริโอ คือ โจรโจ้ และ คอสแตนติโน่ เข้ามาสานต่อธุรกิจ พวกเขาตระหนักถึงศักยภาพของแบรนด์ จึงมุ่งเน้นสู่การเป็นผู้ผลิตอัญมณีชั้นสูง นำทองคำขาว เพชร และอัญมณีล้ำค่ามาสร้างสรรค์ผลงาน จน Bvlgari กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความหรูหรา ภูมิฐาน และเอกลักษณ์เฉพาะ ที่ครองใจเหล่าเซเลบริตี้และผู้มีรสนิยมทั่วโลก ด้วยคอลเลคชั่นอันเป็นตำนานอย่าง Serpenti นาฬิกาดีไซน์งดงามดุจงูพันข้อมมือ หรือ Tubogas เทคนิคการขึ้นรูปทองเป็นสปริง อ่อนช้อยแต่แข็งแกร่ง สะท้อนปรัชญาของ Bvlgari ที่ผสมผสานมรดกเก่าแก่กับนวัตกรรมอย่างลงตัว
Anna Sui
Anna Sui อ่านว่า แอนนา ซุย คือ แบรนด์แฟชั่นระดับโลก ก่อตั้งโดยดีไซเนอร์ชาวอเมริกันเชื้อจีนชื่อเดียวกัน แอนนา ซุย โดดเด่นด้วยสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ ผสมผสานความวินเทจ ย้อนยุค โกธิค และร็อคแอนด์โรลล์เข้าไว้ด้วยกัน อย่างลงตัว เกิดเป็นความหรูหราที่แฝงไว้ด้วยความสนุกสนาน คำว่า “ซุย” กลายเป็นสัญลักษณ์ของแฟชั่นที่ไม่ซ้ำใคร กล้าหาญ มีสีสัน และมั่นใจ
ซุยเริ่มต้นเส้นทางสายแฟชั่นตั้งแต่ยังเด็ก เธอออกแบบเสื้อผ้าตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม และเข้าเรียนต่อด้านศิลปะที่ Parsons School of Design ก่อนจะก่อตั้งแบรนด์ Anna Sui ของตัวเองในปี 1981 เธอประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วด้วยสไตล์เฉพาะตัว ได้รับเสียงชื่นชมจากนิตยสารแฟชั่นชั้นนำ และกลายเป็นหนึ่งในดาวเด่นของวงการแฟชั่นนิวยอร์ก ผลงานของเธอปรากฏบนรันเวย์ระดับโลก เคยแต่งชุดให้เหล่าเซเลบริตี้มากมาย นอกจากเสื้อผ้า แบรนด์ Anna Sui ยังมีไลน์น้ำหอม และเครื่องประดับอีกด้วย ปัจจุบัน แอนนา ซุย ยังคงสร้างสรรค์ผลงานอย่างต่อเนื่อง แบรนด์ของเธอยังคงเป็นที่นิยมในระดับโลก สะท้อนถึงความสามารถและเอกลักษณ์ที่โดดเด่นไม่เสื่อมคลาย
Karl Lagerfeld
Karl Lagerfeld อ่านว่า คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ ไม่ใช่แค่ดีไซเนอร์ แต่เป็นปรากฏการณ์ในวงการแฟชั่น เกิดปี 1933 ในฮัมบูร์ก เขาย้ายไปปารีสตั้งแต่หนุ่ม ความสามารถด้านแฟชั่นฉายแววตั้งแต่ชนะประกวดออกแบบเสื้อโค้ทปี 1954 เขาโลดแล่นกับหลายแบรนด์ ก่อนมาปลุกชีวิต Chanel ในปี 1982 ยุคที่ชาเนลกำลังแผ่ว ลาเกอร์เฟลด์ผสานมรดกของ Coco Chanel เข้ากับความโมเดิร์น สร้างสัญลักษณ์ใหม่ ๆ อย่างโซ่คล้องกระเป๋า C ไขว้ และดอกคามีเลียสีขาว เขาปฏิวัติแฟชั่นหรูให้สนุกสนาน สดใหม่ เข้าถึงคนรุ่นใหม่ ชุบชีวิตให้ชาเนลกลับมาเฟื่องฟู สร้างตำนานบทใหม่
ลาเกอร์เฟลด์เสียชีวิตปี 2019 ทิ้งไว้เพียงตำนานของ “ราชาแห่งวงการแฟชั่น” ผู้ใช้แฟชั่นเล่าเรื่องราว สร้างความน่าตื่นตา และปลุกพลังให้โลกแฟชั่นอย่างไม่มีวันสิ้นสุด
Giorgio Armani
Giorgio Armani อ่านว่า จอร์โจ อาร์มานี แบรนด์แฟชั่นระดับไอคอนิก เกิดขึ้นจากเส้นทางที่ไม่ธรรมดาของจอร์โจ อาร์มานี ชายอิตาลีผู้หลงใหล่ในศิลปะและแฟชั่น ตั้งแต่เริ่มต้น เขาไม่ได้มุ่งเป้าเป็นดีไซเนอร์ แต่กลับเลือกเรียนแพทย์!
หลังประสบการณ์ทำงานหลากหลาย ตั้งแต่ทหาร แฟชั่นโชว์ ไปจนถึงดีไซเนอร์ฟรีแลนซ์ อาร์มานีค้นพบรสนิยมของตัวเองคือความเรียบง่าย สง่างาม ไม่หวือหวา ในปี 1975 เขาจับมือเซอร์จิโอ กาเลออตติ เพื่อนสนิท ผุดแบรนด์ “Giorgio Armani” เริ่มต้นด้วยคอลเลกชั่นผู้ชาย โดดเด่นด้วยโครงเสื้อซิลูเอทเน้นความคล่องตัว สบาย ทว่าหรูหรา จากนั้นเพียงปีเดียว เขาก็เปิดตัวคอลเลกชั่นผู้หญิง ต่อยอดความสำเร็จด้วยเครื่องประดับ น้ำหอม และแว่นตา สู่จักรวรรดิแฟชั่น Armani Group ที่ครองใจคนทั่วโลกจนถึงปัจจุบัน
Balmain
Balmain อ่านว่า บาลแมง แบรนด์แฟชั่นระดับโลกจากฝรั่งเศส ก่อตั้งขึ้นในปี 1945 โดย ปิแอร์ บาลแมง ดีไซเนอร์ผู้เปี่ยมพรสวรรค์ ปิแอร์ปฏิเสธการเป็นหุ้นส่วนกับ คริสเตียน ดิออร์ และเลือกสร้างเส้นทางของตัวเอง บาลแมงโดดเด่นด้วยสไตล์หรูหราสง่างาม เน้นเส้นสายเรียบแต่ทรงพลัง อีกทั้งตัดเย็บประณีต ใส่ใจทุกรายละเอียด เอกลักษณ์หนึ่งคือ “ไหล่บาลแมง” ไหล่แบบเสริมโครงสร้างที่สร้างความมั่นใจให้ผู้สวมใส่ กลายเป็นซิกเนเจอร์ของแบรนด์
บาลแมงได้รับความนิยมจากเหล่าเซเลบริตี้และแฟชั่นนิสต้ามากมาย อาทิ บริจิตต์ บาร์โดต์, แคทเธอรีน เดอเนิฟ, และบียอนเซ่ ผลงานชุดราตรีของบาลแมงเคยปรากฏบนพรมแดงงานออสการ์และงานแฟชั่นโชว์ระดับโลก บาลแมงยังคงรักษาเอกลักษณ์ความหรูหรา ประณีต และสง่างาม ผสมผสานเทรนด์แฟชั่นร่วมสมัยได้อย่างลงตัว ตอกย้ำตำแหน่งแบรนด์แฟชั่นชั้นนำของโลกมาจนถึงปัจจุบัน
Comme des Garcons
Comme des Garcons อ่านว่า กอม เด การ์ซง เรื่องราวของ Comme des Garçons เริ่มต้นในปี 1969 จากวิสัยทัศน์อันแหวกแนวของ เรย์ คาวาคูโบะ ดีไซเนอร์สาวชาวญี่ปุ่น ชื่อแบรนด์ที่แปลว่า “เหมือนเด็กผู้ชาย” สะท้อนความเชื่อของเรย์ ว่าแฟชั่นไม่จำกัดเพศ ไม่ต้องเน้นรูปร่าง เพียงถ่ายทอดความงามอย่างอิสระ ผลงานของเธอจึงท้าทายขนบเดิม ใช้วัสดุแปลกใหม่ ตัดเย็บทดลอง ไร้ซึ่งทรงรัดรูป ชวนให้นึกถึงงานศิลปะมากกว่าเสื้อผ้า สร้างความฮือฮาตั้งแต่โชว์แรกที่ปารีส ปี 1981
เส้นทางของ Comme des Garçons ไม่เรียบง่าย เคยถูกมองว่าแปลกประหลาด แต่คาวาคูโบะยืนหยัดในเอกลักษณ์ สั่งสมชื่อเสียงจากความกล้าหาญ ทลายกรอบแฟชั่นเดิม มุ่งสร้างงานศิลปะผ่านเสื้อผ้า เธอสร้างจักรวรรดิแฟชั่นที่ไม่ต้องอิงกระแส ผลงานแต่ละคอลเลกชั่นกลายเป็นบทสนทนา ชวนตีความ เปิดพื้นที่ให้แฟชั่นก้าวสู่ความล้ำหน้า ไร้ขีดจำกัด ในท้ายที่สุด Comme des Garçons ไม่ใช่แค่แบรนด์เสื้อผ้า หากเป็นปรากฏการณ์ทางแฟชั่นที่สร้างแรงบันดาลใจให้ดีไซเนอร์รุ่นใหม่ ท้าทายกฎเกณฑ์ และนำพาแฟชั่นสู่อนาคตต่อไป
Jaspal
Jaspal อ่านว่า ยัสปาล ย้อนเวลาสู่ปี พ.ศ. 2490 ยัสปาลเริ่มต้นจากร้านนำเข้าผ้าลินินเล็ก ๆ ก่อนผลิบานเป็นอาณาจักรแฟชั่นระดับประเทศ บทแรกของเราวาดด้วยลวดลายบนเครื่องนอนและสินค้าคุณภาพจากต่างแดน ปี พ.ศ. 2515 เรื่องราวพลิกโฉม เมื่อร้านเสื้อผ้าพร้อมสวม (Ready-to-wear) สไตล์โมเดิร์นระดับพรีเมียม ในราคาเอื้อมถึง ปรากฏตัวครั้งแรกที่สยามเซ็นเตอร์ บุกเบิกเส้นทางให้คนไทยแต่งตัวสวยมีระดับ
จากนั้น ปี พ.ศ. 2523 ยัสปาลก้าวสู่บทผู้ผลิตเต็มตัว เครื่องจักรเสียงรัวปั่นด้าย ถักทอความฝัน เส้นใยกลายเป็นเสื้อผ้าคุณภาพ ภายใต้แบรนด์ของตัวเอง ความสำเร็จไม่หยุดเพียงแค่นั้น ยัสปาลขยายอาณาจักร ครอบคลุมทั้งโรงงานผลิต โบtique มากมาย และตัวแทนจำหน่ายแบรนด์ต่างประเทศ ชื่อ “ยัสปาล” กลายเป็นสัญลักษณ์แฟชั่นชั้นนำของไทย ที่อยู่คู่คนไทยมากว่า 75 ปี เติบโตไปพร้อมกับรสนิยม เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย แต่ยังคงยึดมั่นในคุณภาพ ดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ และราคาที่สัมผัสได้ เผยเรื่องราวแฟชั่นในแบบของคุณกับยัสปาล บอกเล่าสไตล์ผ่านเสื้อผ้า สนุกไปกับการแต่งตัว แล้วปล่อยให้ยัสปาลเป็นเพื่อนร่วมทางบนเส้นทางแฟชั่นของคุณ
Uniqlo
Uniqlo อ่านว่า ยูนิโคล่ แบรนด์เสื้อผ้าญี่ปุ่นที่ครองใจทั่วโลก ก่อร่างขึ้นในปี 1984 ณ เมืองฮิโรชิม่า เริ่มต้นจาก “Unique Clothing Warehouse” ร้านขายเสื้อผ้าราคาประหยัดสำหรับครอบครัว ของทายาทตระกูลยาไน ผู้เคยทำธุรกิจสูทชายโทรมในยุคหลังสงครามโลก
ด้วยแรงบันดาลใจจากแนวคิด “LifeWear” ทาดาชิ ยาไน มุ่งสร้างเสื้อผ้าเบสิคคุณภาพดี ใส่สบาย ในราคาเอื้อมถึง ท้ากระแสแฟชั่นฉับไว เปลี่ยนโฉมร้านเป็น “Uniqlo” ชูจุดเด่นการผลิตเอง ควบคุมคุณภาพ ใช้เทคโนโลยีล้ำสมัย ผลลัพธ์คือเสื้อผ้าทนทาน ดีไซน์เรียบง่าย มีฟังก์ชันการใช้งาน ปรับเปลี่ยนได้หลากหลาย ตอบโจทย์ชีวิตประจำวัน ส่งผลให้ยูนิโคล่เติบโตอย่างรวดเร็ว ภายใน 10 ปี ขยายสาขาครอบคลุมทั่วญี่ปุ่น ก่อนก้าวสู่เวทีโลกและกลายเป็นแบรนด์แฟชั่นยักษ์ใหญ่อย่างเช่นทุกวันนี้
สรุป
การอ่านชื่อแบรนด์เนมดังให้ออกเสียงได้ถูกต้อง เป๊ะปัง ไม่โป๊ะแตกนั้น ไม่ใช่เรื่องยาก แค่เพียงรู้จักหลักการอ่านออกเสียงตัวอักษรภาษาอังกฤษ และฝึกฝนบ่อย ๆ เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้คุณอ่านชื่อแบรนด์เนมดังได้อย่างมั่นใจแล้ว
หากคุณสนใจที่จะเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการอ่านชื่อแบรนด์เนมดังอย่างถูกต้อง อย่าลืมติดตามบทความของเราในครั้งต่อไป เราจะมาแนะนำเคล็ดลับดี ๆ ในการอ่านชื่อแบรนด์เนมดังให้ออกเสียงได้ถูกต้องมากยิ่งขึ้น
เรื่องที่เกี่ยวข้อง:
- 20 นาฬิกาผู้ชายแบรนด์ดัง ควรค่าการเป็นเจ้าของแบรนด์ไหนดี!
- 5 กระเป๋าสตางค์ผู้ชาย แบรนด์ไหนดี
- 20 นาฬิกาผู้หญิงแบรนด์ดัง ยี่ห้อไหนดี