ภาพยนตร์

16 หนัง Marvel ของ Sony ดีที่สุดไปถึงเลวร้ายที่สุด!

Sony Pictures เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ตัวละคร Marvel มากมาย including Spider-Man, Venom, Morbius และ Kraven the Hunter ภาพยนตร์เหล่านี้มีทั้งที่ประสบความสำเร็จและล้มเหลว บทความนี้จัดอันดับภาพยนตร์ Marvel 16 เรื่องของ Sony ทั้งหมดจากแย่ที่สุดไปหาดีที่สุด

ตอนนี้ที่ภาพยนตร์เรื่อง Madame Web ได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์แล้ว เรามีรายชื่อภาพยนตร์ Marvel ของ Sony ที่จัดอันดับจากแย่ที่สุดไปดีที่สุด โปรดทราบว่ารายการนี้จะไม่รวมภาพยนตร์ Men in Black เนื่องจาก Marvel ไม่ได้สร้างหนังสือการ์ตูนต้นฉบับที่อิงจากภาพยนตร์เรื่องเหล่านี้

บทความที่เกี่ยวข้อง

16. Madame Web (2024)

Madame Web 2024

พลังพิศวง! เมื่อเจ้าหน้าที่ฉุกเฉิน (Dakota Johnson) ได้รับพลังแห่งการมองเห็นอนาคต เธอต้องปกป้องหญิงสาวสามคนที่ถูกกำหนดให้เป็นผู้พิทักษ์ความยุติธรรม จากเงื้อมมือของฆาตกรผู้มีพลังเหนือมนุษย์ (Tahar Rahim)

ตั้งแต่เปิดตัวอย่างแรก “Madame Web” ก็เริ่มสะกดรอยตามฟอร์มความผิดหวังครั้งใหม่ ทั้งงานภาพระดับสะดุดตา บทพูดชวนสะอึก หรือแม้กระทั่งตัวร้ายที่ดูราวกับหุ่นยนต์ AI เพิ่งค้นพบวิถีวายร้าย ร่ายคำพูดจำเจจนไม่น่ากลัว

Advertisement

  • ช่องทางการรับชม: Netflix

15. Morbius (2022)

Morbius

ภาพยนตร์ Morbius เล่าถึงจุดกำเนิดของสุดยอดวายร้ายผู้กลายร่างเป็นแวมไพร์เพื่อเอาชนะโรคร้ายในเลือด แม้หนังจะประสบความสำเร็จในการสร้างบรรยากาศสยองขวัญสไตล์หนังแวมไพร์ในบางช่วงบางตอน แต่โดยรวมแล้วมันกลับกลายเป็นหนังซุปเปอร์ฮีโร่รสชาติพื้นๆ ที่ไม่ได้โอบรับโศกนาฏกรรมอันมืดหม่นของตัวร้ายอย่างเต็มที่

นอกจากตัวหนังจะยังไม่สาแก่ใจแล้ว ฉากหลังเครดิตยังยิ่งตอกย้ำความเลอะเทอะ ซ้ำเติมความพยายามอันน่าเบื่อในการปูทางไปสู่การรวมทีมเหล่าวายร้าย Sinister Six (ซึ่งบอกตามตรงไม่จำเป็นอีกต่อไปหลัง Spider-Man: No Way Home) สรุปเลยแล้วกันว่า แม้ Morbius จะไม่ใช่หนังฮีโร่ที่ห่วยที่สุดเท่าที่เคยมีมา แต่ก็ห่างไกลความสุดยอดมากเช่นกัน

  • ช่องทางการรับชม: Prime Video

14. Ghost Rider (2007)

Ghost Rider 2007

หนังเล่าเรื่องของ จอห์นนี่ เบลซ (นิโคลัส เคจ) ชายหนุ่มที่ต้องทำข้อตกลงกับปีศาจเมฟิสโต (ปีเตอร์ ฟอนดา) เพื่อยื้อชีวิตพ่อ ทำให้กลายเป็นร่างสถิตของนักล่าวิญญาณแห่งยมโลก Ghost Rider และถูกสาปให้ล่าดวงวิญญาณชั่วร้าย

น่าเสียดายที่ด้วยความที่ถูกสร้างก่อนยุคแห่ง The Dark Knight ทำให้ Ghost Rider พลาดโอกาสที่จะถ่ายทอดความเข้มข้น หม่นเศร้า จริงจัง ตามคาแรคเตอร์ของของฮีโร่ผู้นี้ไปอย่างน่าเสียดาย ทั้งความเชยของบทสนทนา อารมณ์ขันแบบหนังเกรด B และเทคนิคพิเศษที่ยังไม่เข้าที่เอาเสียเลย

13. Ghost Rider: Spirit of Vengeance (2011)

Ghost Rider Spirit of Vengeance 2011

แม้ความล้มเหลวในเชิงคำวิจารณ์ของ Ghost Rider ภาคแรกจะเป็นที่ประจักษ์ ทีมผู้สร้างกลับหักหัวเรือ เดินหน้าทำภาคต่อที่มุ่งเน้นโทนหนังอันมืดมิด เพื่อให้เข้ากับบุคลิกสุดทรมานของ จอห์นนี่ เบลซ

เทคนิคพิเศษก็ดูดีขึ้นกว่าภาคแรกมากโดยเฉพาะกับตัว Ghost Rider เอง น่าเสียดายที่หนังพยายามจะ “เท่” จนเกินงาม กลายเป็นบทสนทนาที่ดูฝืน ช็อตภาพแปลกๆ และการแสดงสุดล้นของนิโคลัส เคจที่ยิ่งเน้นย้ำความบ้าคลั่งเกินพิกัดของ Ghost Rider ในภาคนี้อย่างน่าสับสน

12. Venom (2018)

Venom (เวน่อม)

จุดเริ่มต้นของจักรวาลภาพยนตร์สไปเดอร์แมนที่โซนี่ผลักดัน กับเรื่องราวของเอ็ดดี้ บร็อค นักข่าวตกอับที่พลาดท่าไปเป็นร่างสถิตของซิมไบโอตต่างดาว ซึ่งเป็นเผ่าพันธุ์ที่จะเข้ายึดครองโลก

Venom มอบจุดเริ่มต้นแบบสะดุดให้กับจักรวาลหนังตัวละครชุดนี้ ผ่านพล็อตเรื่องเต็มไปด้วยรูโหว่ โทนหนังกระโดดไปมาอย่างประหลาด และคาแรคเตอร์ต่างๆที่ไม่มีมิติเท่าที่ควร แต่สิ่งที่ช่วยพยุงหนังเอาไว้ได้ คือการออกแบบ Venom อันสวยงามสะดุดตา รวมถึงการแสดงที่ดูจะลงตัวน่าประหลาดของทอม ฮาร์ดี้

  • ช่องทางการรับชม: Prime Video

11. The Amazing Spider-Man 2 (2014)

The Amazing Spider-Man 2 (ดิ อะเมซิ่ง สไปเดอร์แมน 2 ผงาดจอมอสุรกายสายฟ้า)

การปรากฏตัวครั้งที่สองของสไปเดอร์แมนเวอร์ชั่นแอนดรูว์ การ์ฟิลด์ ภาพยนตร์ภาคนี้พยายามจะสร้างจักรวาลหนังใหญ่ด้วยการดึงเหล่าร้ายเข้ามามากมาย และสัญญาว่าจะมีการร่วมทีมเพื่อสู้กับไอ้แมงมุม ทว่าวิธีการนี้ทำให้หนังขาดจุดโฟกัสในตัวเอง ไม่สามารถถ่ายทอดเหล่าตัวร้ายอย่าง Rhino, Electro หรือแม้แต่ Green Goblin ออกมาได้อย่างน่าพอใจ

  • ช่องทางการรับชม: Netflix

10. Venom: Let There Be Carnage (2021)

Untitled Venom Sequel 2024

ศึกเดือดระอุ เมื่อซิมไบโอตกำเนิดอสูรร้าย การเผชิญหน้าครั้งใหม่ของเอ็ดดี้ บร็อคกับวายร้าย คลีตัส แคสซาดี ผู้หลอมรวมกับชิ้นส่วนของเวน่อมกลายเป็นคาร์เนจ ภาพยนตร์ภาคต่อนี้อัดแน่นความคลั่ง ผสานอารมณ์ขันของคู่กัดขัดแย้ง เอ็ดดี้-เวน่อม ราวกับสามีภรรยาที่ความสัมพันธ์ร้าวฉาน แถมวูดดี ฮาร์เรลสันยังสวมบทเจ้าแห่งการสังหารคาร์เนจได้สุดเหวี่ยง การปะทะจึงมันระห่ำสะใจเต็มพิกัด

  • ช่องทางการรับชม: Netflix

9. Spider-Man 3 (2007)

Spider-Man 3 (ไอ้แมงมุม 3)

บทสรุปไตรภาคของยอดมนุษย์แมงมุมแห่งยุค การเผชิญหน้าสุดอัดอั้น! พีเตอร์ ปาร์คเกอร์ (โทบี้ แม็คไกวร์) ต้องรับศึกทั้งเพื่อนสนิทอย่างแฮรี่ (เจมส์ ฟรังโก้) ที่กลายเป็นก็อบลิน และแซนด์แมน (โธมัส เฮเดน เชิร์ช) ยอดวายร้ายดินทราย แถมด้วยปรสิตจากนอกโลกที่เข้าครอบงำจิตใจเขา เรื่องราวเข้มข้นทว่าน่าเสียดายที่ตัวร้ายมากหน้าเกินความจำเป็น แต่ฉากเปลี่ยนพีเตอร์เป็น “อีโม-สไปดี้” ก็เรียกเสียงฮา (หรือด่า?) อย่างล้นหลาม

  • ช่องทางการรับชม: Prime Video

8. The Amazing Spider-Man (2012)

The Amazing Spider-Man (ดิ อะเมซิ่ง สไปเดอร์)

เมื่อสไปดี้คืนจอพร้อมลุคส์และเรื่องราวแบบใหม่ เรื่องราวต้นกำเนิดไอ้แมงมุมเวอร์ชั่นรีบูต ที่พีเตอร์ ปาร์คเกอร์ นอกจากจะเป็นนักเรียนผู้ใฝ่รู้แล้ว ต้องไขปริศนาการหายตัวไปของพ่อแม่ตนเองด้วย พลังแมงมุมในมือทำให้เขาค้นพบจุดยืนในฐานะฮีโร่ แม้เส้นเรื่องจะยังใกล้เคียงภาคคลาสสิกไปบ้าง แต่แอนดรูว์ การ์ฟิลด์ก็สร้างเสน่ห์แตกต่างในลุคหนุ่มมัธยม และเคมีอันฟินกับเอ็มม่า สโตน (จาก Poor Things) ในบทเกวน สเตซี่ คู่รักอันโด่งดังของสไปดี้

  • ช่องทางการรับชม: Netflix

7. Spider-Man (2002)

Spider-Man (ไอ้แมงมุม) 2002

จุดเริ่มต้นอันยิ่งใหญ่ของสไปดี้บนจอภาพยนตร์ เรื่องราวสุดคลาสสิก แมงมุมกัมมันตรังสีกัดเด็กหนุ่มธรรมดาให้เปลี่ยนไปตลอดกาล แซม ไรมี่ถ่ายทอดหัวใจสำคัญของไอ้แมงมุม ทั้งภาระและความตื่นเต้นของวัยรุ่นที่มีพลังเกินใคร แม้เทคนิคพิเศษในยุคนั้นอาจดูล้าสมัยไปบ้าง แต่การเล่าเรื่องที่อบอุ่นกินใจล้วนทำให้ภาคนี้ขึ้นทำเนียบภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ที่ได้รับความรักมานานแสนนาน

  • ช่องทางการรับชม: Prime Video

6. Spider-Man: Homecoming (2017)

Spider-Man: Homecoming (สไปเดอร์แมน: โฮมคัมมิ่ง)

มนุษย์แมงมุมฉบับมัธยมในจักรวาล MCU เมื่อสไปดี้ (ทอม ฮอลแลนด์) ได้ผจญภัยร่วมกับไอรอนแมนและเหล่าอเวนเจอร์ส พอกลับสู่บทบาทมัธยมธรรมดา การต่อสู้กับเหล่าร้ายอย่างวัลเจอร์ (ไมเคิล คีตัน) จึงยิ่งหินกว่าเคย! จุดแข็งของภาคนี้คือกลิ่นอายหนังแนววัยรุ่นสุดสดใส ที่นำจิตวิญญาณสไปดี้มาปรับเข้ากับยุคสมัยได้อย่างลงตัว การมีไอรอนแมนเป็นพี่เลี้ยงอาจลดทอนเอกลักษณ์บ้าง แต่ทอม ฮอลแลนด์ก็น่าจะเป็นสไปดี้ขวัญใจใครหลายคนแน่นอน

5. Spider-Man: Far From Home (2019)

Spider-Man: Far From Home (สไปเดอร์-แมน ฟาร์ ฟรอม โฮม)

หลังเหตุการณ์สะเทือนอารมณ์จาก Avengers: Endgame ภาค “Far From Home” พาหนุ่มสไปดี้และผองเพื่อนร่วมออกทริปพักผ่อนแสนสนุกในยุโรป ถึงจะมีคนมองว่าปีเตอร์อาจเป็นไอรอนแมนคนต่อไป หนังภาคนี้กลับเผยอีกก้าวสำคัญที่เขาได้เติบโตเป็นฮีโร่ตัวจริงของ MCU

และวายร้าย มิสเทริโอ (เจค จิลเลนฮาล) ยังพกภาพลวงตามาแบบเน้นๆ เหมือนหลุดออกมาจากคอมมิคของสไปดี้เลย!

4. Spider-Man 2 (2004)

Spider-Man 2 (ไอ้แมงมุม ภาค 2)

ภาคแรกของสไปดี้จากแซม ไรมี่ ได้แนะนำตัวละครให้เราได้รู้จักอย่างยอดเยี่ยม แต่ภาคต่อนี้เจาะลึกถึงบุคลิกที่แท้จริงของปีเตอร์มากขึ้น เมื่อเขาสูญเสียพลังเพราะลึกๆ อยากกลับไปใช้ชีวิตเรียบง่ายและมีความสุข

Spider-Man 2 ฉายภาพชัดเจนว่าทำไมสไปดี้จึงเป็นยอดฮีโร่ พร้อมด้วยวายร้ายที่น่าเห็นใจ และวิชวลเอฟเฟกต์สุดแจ่ม ถือเป็นผลงานที่ยกระดับมาตรฐานหนังคอมมิค ณ ตอนนั้นอย่างชัดเจน

  • ช่องทางการรับชม: Prime Video

3. Spider-Man: No Way Home (2021)

Spider-Man: No Way Home (สไปเดอร์แมน: โน เวย์ โฮม)

ภาพยนตร์ภาคนี้ เสมือนจดหมายรักถึงเหล่าแฟนสไปดี้โดยแท้ เมื่อ No Way Home เผยให้เห็นสไปดี้เผชิญหน้ากับเหล่าวายร้ายสุดโหดข้ามจักรวาล หลังเวทย์มนตร์สะกดผิด นำเหล่านักแสดงจากภาคเก่าๆ กลับมาร่วมจอด้วย

แม้จะอัดแน่นด้วยอะไรที่ถูกใจแฟนๆ หนังก็ไม่หลงลืมเล่าเรื่องราวความอบอุ่น ชวนประทับใจ ให้เกียรติสไปดี้จากทั้งสามยุคเลยทีเดียว

  • ช่องทางการรับชม: Netflix

2. Spider-Man: Into the Spider-Verse (2018)

Spider-Man: Into the Spider-Verse สไปเดอร์-แมน: ผงาดสู่จักรวาล-แมงมุม (2018)

เมื่อ ไมล์ โมราเลส (ชาเมียก มัวร์) ถูกแมงมุมกัมมันตภาพรังสีตัวจิ๋วกัดเข้า เขาก็ต้องฝึกใช้พลังพิเศษเพื่อปกป้องโลกของเขาให้พ้นจากวายร้าย คิงพิน (ลีฟ ชไรเบอร์) และเครื่องชนอนุภาคสุดอันตราย

โซนี่พาทั้งหนังอนิเมชันและหนังซูเปอร์ฮีโร่ไปอีกขั้นด้วยผลงานเซอร์ไพรส์เรื่องนี้ ที่มีแนวทางสดใหม่ให้กับเรื่องราวของปีเตอร์ ปาร์กเกอร์ และฉายสปอตไลท์ให้กับสไปดี้คนอื่นๆ นี่คือผลงานที่ครบเครื่องทุกอย่างตามแบบฉบับที่หนังคอมมิคควรจะเป็น

  • ช่องทางการรับชม: Netflix

1. Spider-Man: Across the Spider-Verse (2023)

Spider-Man: Across the Spider-Verse (สไปเดอร์-แมน: ผงาดข้ามจักรวาลแมงมุม)

เมื่อ “เดอะ สปอต” (เจสัน ชวาร์ตซ์แมน) วายร้ายข้ามมิติโผล่มา ไมลส์ก็พบกับความไม่ลงรอยกับกลุ่ม Spider-Society เกี่ยวกับวิธีจัดการภัยร้ายรายนี้

เหมือนภาคต่อดีๆ อย่าง The Empire Strikes Back หรือ Aliens ภาค Across the Spider-Verse เลือกที่จะเล่าด้วยโทนที่มืดหม่นขึ้น เมื่อไมลส์ท้าทายกับโชคชะตา และต้องต่อสู้กับเหล่าสไปดี้ที่เคยเป็นพวกเดียวกัน เนื้อเรื่องยังถอดรื้อตำนานคอมมิคของสไปดี้มาหลายทศวรรษ ทำให้คนดูตั้งคำถามเลยว่า ความหมายที่แท้จริงของการเป็น Spider-Man นั้นคืออะไร

สรุป

ภาพยนตร์ Marvel ของ Sony มีทั้งดีและไม่ดี ภาพยนตร์ที่ดีที่สุด ได้แก่ Spider-Man: No Way Home, Spider-Man: Into the Spider-Verse, และ Spider-Man: Across the Spider-Verse ภาพยนตร์เหล่านี้ได้รับการยกย่องจากนักวิจารณ์และประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์ ภาพยนตร์ที่ไม่ดีที่สุด ได้แก่ Madame Web, Morbius, และ Ghost Rider ภาพยนตร์เหล่านี้ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากนักวิจารณ์

Advertisement

กดเพื่ออ่านเพิ่มเติม
Advertisement

NaniTalk S.

เป็นนักเขียนที่ขยันขันแข็งและมุ่งมั่นที่จะผลิตเนื้อหาที่มีคุณภาพ เรียนรู้และเติบโตอยู่เสมอ เชื่อว่าเนื้อหาที่ดีสามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อโลกได้

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button