โลกวันพีชเป็นโลกที่เต็มไปด้วยความมหัศจรรย์และพลังอันยิ่งใหญ่ หนึ่งในพลังที่ทรงพลังที่สุดในโลกวันพีชก็คือพลังของผลปีศาจ ผลปีศาจเป็นผลไม้ที่มอบพลังพิเศษให้กับผู้ที่กินเข้าไป โดยผลปีศาจมีทั้งหมด 3 ประเภท ได้แก่ ประเภทธรรมชาติ ประเภทสายพันธ์ และประเภทปริศนา
ในบทความนี้ เราจะมาจัดอันดับ 10 อันดับพลังผลปีศาจที่ทรงพลังที่สุดในวันพีช โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น พลังโจมตี พลังป้องกัน ความเร็ว และความยืดหยุ่นในการใช้งาน ผลปีศาจใดบ้างที่จะติดอันดับ 10 อันดับแรก ไปติดตามกันได้เลย
10. ผลพิษโดคุโดคุ (Doku Doku no Mi)
ผลพิษโดคุโดคุ หรือ “โดคุโดคุโนมิ” เป็นผลปีศาจสายพารามีเซีย (Paramecia) ที่ปรากฏในมังงะและอนิเมะ One Piece ซึ่งมอบพลังการควบคุมพิษร้ายแรงให้แก่ผู้กินผล โดยเนื้อหาต่อไปนี้จะมุ่งเน้นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผลปีศาจชนิดนี้เท่านั้น มิได้เสริมแต่งหรือคาดเดาเพิ่มเติม
พลังพิษร้ายแรง: ผู้ที่กินผลโดคุโดคุ สามารถผลิตและปล่อยพิษออกจากทุกส่วนของร่างกาย พิษนี้มีความรุนแรงมาก สามารถกัดกร่อนเนื้อเยื่อ ทำลายระบบประสาท และนำไปสู่ความตายได้อย่างรวดเร็ว ตัวอย่างการใช้พลัง ได้แก่
- สัมผัสพิษ: เพียงแค่โดนตัวหรืออาวุธที่เคลือบพิษ ศัตรูก็จะได้รับพิษทันที
- ลมพิษ: ปล่อยลมหายใจหรือพ่นพิษออกเป็นระยะไกล โจมตีศัตรูได้เป็นวงกว้าง
- พิษเหลว: หลั่งพิษออกมาคล้ายเหงื่อหรือน้ำลาย ใช้สร้างพื้นที่อันตราย
รูปแบบการโจมตี: ผู้กินผลโดคุโดคุ มีความหลากหลายในการใช้พิษโจมตีศัตรู ตัวอย่างเช่น
- อาวุธพิษ: ชุบอาวุธด้วยพิษ เพิ่มความรุนแรงของการโจมตี
- กับดักพิษ: สร้างกับดักที่เคลือบพิษ รอเหยื่อมาติด
- กลยุทธ์สงคราม: ใช้พิษปนเปื้อนพื้นที่ สร้างความได้เปรียบในการรบ
ข้อจำกัด: แม้พลังพิษจะร้ายแรง แต่ก็มีข้อจำกัด ดังนี้
- การผลิตพิษ: การผลิตพิษขึ้นอยู่กับสภาพร่างกาย หากหมดแรงหรืออ่อนแอ ผลผลิตพิษก็ลดลง
- การแพ้พิษตัวเอง: ผู้กินผลโดคุโดคุ สามารถแพ้พิษตัวเองได้ หากถูกพิษของผู้อื่นสะท้อนกลับมา
- ความอ่อนไหวต่อน้ำทะเล: เช่นเดียวกับผลปีศาจทั่วไป ผู้กินผลโดคุโดคุ จะอ่อนแรงลงเมื่ออยู่ในน้ำทะเล
ผู้ครอบครอง: ในเนื้อเรื่อง One Piece ผลโดคุโดคุ เคยอยู่ในครอบครองของ “แม็ค เจเลน” อดีตหัวหน้าหน่วยพิษแห่งคุกอิมเพลดาวน์
9. ผลเมระเมระ (Mera Mera no Mi)
ผลเมระเมระ หรือ “เมระเมระโนมิ” คือผลปีศาจสายล็อกเอีย (Logia) ในมังงะและอนิเมะ One Piece ซึ่งมอบพลังการควบคุมเปลวไฟให้แก่ผู้กิน ดั่งเช่นคำจำกัดความ “ผลเพลิงแห่งการทำลายล้าง” เนื้อหาต่อไปนี้จะมุ่งเน้นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผลปีศาจชนิดนี้เท่านั้น
เปลวไฟในอุ้งมือ: ผู้ที่กินผลเมระเมระ สามารถแปลงร่างร่างกายหรือส่วนใดส่วนหนึ่งให้กลายเป็นไฟได้อย่างอิสระ เปลวไฟนี้มีความร้อนรุนแรง เผาผลาญทุกสิ่งที่สัมผัส ตัวอย่างพลังเช่น
- โจมตีด้วยหมัดไฟ: ชกต่อยและเตะด้วยเปลวไฟ สร้างความเสียหายรุนแรงในวงกว้าง
- ระเบิดไฟ: ปล่อยระเบิดพลังงานความร้อนจากร่างกาย
- กำแพงไฟ: สร้างกำแพงไฟป้องกันการโจมตีหรือขวางกั้นศัตรู
ควบคุมเปลวไฟ: ผู้กินผลเมระเมระ ยังสามารถควบคุมทิศทางและรูปแบบของเปลวไฟได้อย่างอิสระ ตัวอย่างเช่น
- สายลมไฟ: พ่นลมร้อนผสมเปลวไฟโจมตีระยะไกล
- นกไฟ: สร้างนกเพลิงลุกโชนโฉบโจมตี
- มังกรไฟ: แปลงร่างเป็นมังกรไฟขนาดมหึมา สร้างความเสียหายมหาศาล
ข้อจำกัด: แม้พลังเปลวไฟจะรุนแรง แต่ก็มีข้อจำกัด ดังนี้
- น้ำทะเล: เช่นเดียวกับผลปีศาจทั่วไป ผู้กินผลเมระเมระ จะอ่อนแรงลงเมื่ออยู่ในน้ำทะเล
- แร่ทะเลไคโรเสะ: แร่ชนิดนี้มีคุณสมบัติดูดซับพลังปีศาจ ส่งผลให้ผู้กินผลเมระเมระสูญเสียพลังและกลายเป็นมนุษย์ธรรมดา
- การโจมตีธาตุน้ำ: การโจมตีจากน้ำหรือน้ำเย็นจัด สามารถลดความรุนแรงของเปลวไฟได้
ผู้ครอบครอง: ในเนื้อเรื่อง One Piece ผลเมระเมระ เคยอยู่ในครอบครองของ “พอร์ทกัส ดี เอส” พี่ชายของลูฟี่ จนกระทั่งเสียชีวิต
8. ผลซูชิซูชิ (Zushi Zushi no Mi)
ผลซูชิซูชิ หรือ “ซูชิซูชิโนมิ” เป็นผลปีศาจสายพารามีเซีย (Paramecia) จากมังงะและอนิเมะ One Piece ที่มอบพลังเหนือธรรมชาติในการควบคุมแรงโน้มถ่วงให้แก่ผู้กิน โดยเนื้อหานี้จะอิงตามข้อเท็จจริงจากเนื้อเรื่องเท่านั้น มิได้เสริมแต่งหรือคาดเดา
พลังแห่งแรงโน้มถ่วง: ผู้ที่กินผลซูชิซูชิ สามารถควบคุมแรงโน้มถ่วงรอบตัวได้อย่างอิสระ ส่งผลต่อทั้งตัวเองและสิ่งแวดล้อม ตัวอย่างการใช้พลัง ได้แก่
- ลอยฟ้า: ลดแรงโน้มถ่วงของตัวเอง ทำให้ลอยตัวกลางอากาศได้อย่างง่ายดาย
- กดทับ: เพิ่มแรงโน้มถ่วงรอบเป้าหมาย สร้างแรงกดดันมหาศาลจนศัตรูขยับไม่ได้
- ดึงดูด: ควบคุมแรงโน้มถ่วงดึงดูดวัตถุเข้าหาตัว เหมือนเป็นแรงดูดวิทยาศาสตร์
รูปแบบการโจมตี: พลังควบคุมแรงโน้มถ่วงเปิดโอกาสให้ผู้กินผลสร้างสรรค์การโจมตีหลากหลาย ตัวอย่างเช่น
- คลื่นแรงโน้มถ่วง: ส่งคลื่นพลังความดันทำลายล้างศัตรูเป็นวงกว้าง
- อุกกาบาตจิ๋ว: ควบคุมเศษหินรอบข้าง ดึงดูดโจมตีใส่ศัตรูเหมือนอุกกาบาต
- แรงเหวี่ยงแรงโน้มถ่วง: สร้างแรงหมุนรอบตัวเอง ดูดศัตรูเข้ามาโจมตี
ข้อจำกัด: แม้พลังควบคุมแรงโน้มถ่วงจะทรงพลัง แต่ก็มีข้อจำกัด ดังนี้
- ควบคุมความแรง: ต้องใช้สมาธิและทักษะในการควบคุมความแรงของแรงโน้มถ่วง หากควบคุมไม่ได้อาจส่งผลร้ายต่อตัวเองและสิ่งแวดล้อม
- พลังกายและจิตใจ: การใช้พลังมากเกินไปส่งผลต่อพลังกายและจิตใจ เหนื่อยล้าเร็ว
- น้ำทะเล: เช่นเดียวกับผลปีศาจอื่นๆ ผู้กินผลซูชิซูชิ จะอ่อนแรงลงเมื่ออยู่ในน้ำทะเล
ผู้ครอบครอง: ในเนื้อเรื่อง One Piece ผลซูชิซูชิ ปัจจุบันอยู่ในครอบครองของ “อิชโช” หรือ “ฟูจิโทระ” นายพลระดับพลเรือเอกแห่งกองทัพเรือ
7. ผลโกโระ โกโระ (Goro Goro no Mi)
ผลโกโระ โกโระ หรือ “โกโระโกโระโนมิ” เป็นผลปีศาจสายพารามีเซีย (Paramecia) ในมังงะและอนิเมะ One Piece ซึ่งมอบพลังการควบคุมสายฟ้าให้แก่ผู้กินผล เนื้อหาต่อไปนี้จะอ้างอิงจากข้อเท็จจริงภายในเรื่องเท่านั้น มิได้เสริมแต่งหรือคาดเดา
พลังสายฟ้า: ผู้กินผลโกโระ โกโระ สามารถควบคุมสายฟ้าได้อย่างเชี่ยวชาญ พลังนี้รุนแรงและหลากหลาย สามารถโจมตีป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างพลัง ได้แก่
- ปล่อยสายฟ้า: ยิงสายฟ้าออกจากร่างกาย โจมตีศัตรูได้ทั้งระยะประชิดและไกล
- ควบคุมฟ้าผ่า: ดึงดูดสายฟ้าจากฟ้า สร้างการโจมตีลงเป้าหมาย
- สร้างสนามไฟฟ้า: เปลี่ยนร่างกายเป็นตัวนำไฟฟ้า สัมผัสใครก็โดนฟ้าผ่า
รูปแบบการโจมตี: ผู้กินผลโกโระ โกโระ มีวิธีการใช้พลังสายฟ้าที่หลากหลาย สร้างสรรค์การโจมตีได้อย่างน่าเกรงขาม ตัวอย่างเช่น
- หมัดสายฟ้า: ชกต่อยที่เคลือบสายฟ้า เพิ่มความรุนแรงของการโจมตี
- โล่สายฟ้า: สร้างเกราะไฟฟ้า ป้องกันการโจมตีและสะท้อนกลับไปหาศัตรู
- เทคนิคพิเศษ: พัฒนาเทคนิคเฉพาะตัว เช่น “เอล ธอร์” หรือ “เอเนล ไลท์”
ข้อจำกัด: แม้พลังสายฟ้ารุนแรง แต่ก็มีข้อจำกัด ดังนี้
- การสูญเสียพลัง: ผู้กินผลโกโระ โกโระ จะสูญเสียพลังเมื่อโดนน้ำทะเล หรือสัมผัสกับหินไคโรเสะ
- จุดอ่อนของยาง: ยางเป็นสื่อนำไฟฟ้าชั้นเลิศ ผู้ใช้พลังสายฟ้าอาจถูกโจมตีด้วยอาวุธหรือสิ่งของที่ทำจากยาง
- การควบคุม: การควบคุมสายฟ้าต้องใช้ความชำนาญ หากควบคุมไม่ดีอาจทำร้ายตัวเองได้
ผู้ครอบครอง: ในเนื้อเรื่อง One Piece ผลโกโระ โกโระ เคยอยู่ในครอบครองของ “เอเนล” อดีตหัวหน้าเผ่าสกายเปีย ผู้ปกครองเกาะแห่งท้องฟ้า
6. ผลนิคิว นิคิว (Nikyu Nikyu no Mi)
ผลนิคิว นิคิว หรือ “นิคิวนิคิวนอมิ” เป็นผลปีศาจสายพารามีเซีย (Paramecia) สุดน่ารักในจักรวาลวันพีซ มอบพลังควบคุมปุ่มเนื้ออันแสนมุ้งมิ้ง แต่ซ่อนไว้ด้วยศักยภาพอันไร้ขีดจำกัด เนื้อหาต่อไปนี้จะมุ่งเน้นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผลปีศาจชนิดนี้เท่านั้น ปราศจากการแต่งเติมหรือคาดเดา
พลังแห่งการผลัก: ผู้ที่กินผลนิคิว นิคิว สามารถ “ผลัก” สสารทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นวัตถุ อากาศ หรือแม้แต่ตัวตนของศัตรู ด้วยปุ่มเนื้อของตน พลังนี้มีความหลากหลายและรุนแรงมาก ดังนี้
- สะท้อนการโจมตี: การโจมตีใดๆ ที่พุ่งเข้ามา ปุ่มเนื้อสามารถผลักสะท้อนออกไปได้ สร้างเกราะป้องกันที่แข็งแกร่ง
- วาร์ปความเร็วสูง: การผลักตัวเองหรือศัตรู ทำให้เคลื่อนที่ระยะไกลในพริบตา ราวกับวาร์ป
พลังแห่งแรงอัด: นอกจากการผลักแล้วยังสามารถ “อัด” ปุ่มเนื้อ สร้างแรงกระแทกมหาศาล ดังนี้
- คลื่นอากาศทำลายล้าง: อัดอากาศจนเกิดแรงระเบิดรุนแรง พุ่งสู่ศัตรู สร้างความเสียหายรุนแรง
- Urusshi Shock: เทคนิคพิเศษ ใช้ทั้งการผลักและอัดอากาศ สร้างระเบิดแรงอัดมหาศาล โจมตีเป็นวงกว้าง
พลังแห่งการรักษา: นอกจากโจมตี ผลนิคิว นิคิว ยังสามารถ “ดึง” ความเหนื่อยล้าและอาการบาดเจ็บออกจากร่างกายผู้อื่น เหมาะทั้งรุกและรับ
ผู้ครอบครอง: ในเนื้อเรื่องวันพีซ ผลนิคิว นิคิว เคยอยู่ในครอบครองของ “บาโทโลเมิว คุมะ” อดีตหัวหน้าหน่วยปฏิวัติ และ “ซาโบ” หนึ่งในพี่น้องฝาแฝดของลูฟี่
5. ผลปิกะปิกะ (Pika Pika no Mi)
ผลปิกะปิกะ เป็นผลปีศาจสายลอเกีย (Logia) ชนิดหนึ่งในโลกของวันพีซ มอบพลังการควบคุมสายฟ้าแสงให้แก่ผู้กินผล พลังสายฟ้าของผลปิกะปิกะนั้นรุนแรง เคลื่อนที่รวดเร็ว และสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้หลากหลายรูปแบบ เนื้อหาต่อไปนี้จะมุ่งเน้นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผลปีศาจชนิดนี้เท่านั้น มิได้เสริมแต่งหรือคาดเดาใดๆเพิ่มเติม
ความสามารถในการควบคุมสายฟ้า: ผู้ที่กินผลปิกะปิกะ สามารถควบคุมสายฟ้าได้อย่างสมบูรณ์ พวกเขาสามารถ:
- ปล่อยสายฟ้า: ยิงสายฟ้าออกจากนิ้วมือ สร้างสายฟ้าฟาด หรือโจมตีด้วยลูกบอลสายฟ้า
- กลายเป็นสายฟ้า: เปลี่ยนร่างกายตัวเองเป็นสายฟ้า เพิ่มความคล่องตัว ทะลุผ่านวัตถุ และเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง
- ควบคุมสนามแม่เหล็ก: สร้างสนามแม่เหล็กเพื่อดึงดูดหรือผลักวัตถุโลหะ
รูปแบบการโจมตี: ผู้กินผลปิกะปิกะ มีวิธีการโจมตีด้วยสายฟ้าที่หลากหลาย ขึ้นอยู่กับความคิดสร้างสรรค์และสถานการณ์ ตัวอย่างเช่น:
- สายฟ้าสายตรง: โจมตีศัตรูโดยตรงด้วยลำสายฟ้า ความรุนแรงขึ้นอยู่กับปริมาณสายฟ้าที่ปล่อย
- สายฟ้าระเบิด: สร้างลูกบอลสายฟ้าแล้วจุดชนวนระเบิดโจมตีเป็นวงกว้าง
- กรงขังสายฟ้า: สร้างกรงขังจากสายฟ้าขังศัตรู ป้องกันการโจมตี และรุมโจมตีด้วยสายฟ้าจากภายใน
- สนามแม่เหล็กเหนี่ยวนำ: สร้างสนามแม่เหล็กเพื่อดึงดูดโลหะหรือวัตถุที่เป็นสื่อนำไฟฟ้า โจมตีศัตรูที่สวมชุดเกราะโลหะ
ข้อจำกัด: แม้พลังสายฟ้าจะรุนแรง แต่ก็มีข้อจำกัด ดังนี้:
- การใช้พลังมากเกินไป: การใช้พลังสายฟ้ามากเกินไปอาจทำให้หมดแรง
- ยางเป็นสื่อนำไฟฟ้า: ผู้กินผลปิกะปิกะ จะแพ้ต่อการโจมตีประเภทไฟฟ้า เนื่องจากยางเป็นสื่อนำไฟฟ้าที่ดี
- น้ำทะเลต้านพลัง: เช่นเดียวกับผลปีศาจทั่วไป ผู้กินผลปิกะปิกะ จะอ่อนแรงลงเมื่ออยู่ในน้ำทะเล
ผู้ครอบครอง: ในเนื้อเรื่องวันพีซ ผลปิกะปิกะ เคยอยู่ในครอบครองของ “เอเนล” อดีตหัวหน้าเผ่าสกายเปีย
4. ผลฮิเอะฮิเอะ (Hie Hie no Mi)
ผลฮิเอะฮิเอะ หรือ “ฮิเอะฮิเอะโนมิ” เป็นผลปีศาจสายโรเกีย (Logia) ในมังงะและอนิเมะ One Piece ซึ่งมอบพลังการเปลี่ยนร่างและควบคุมน้ำแข็งให้แก่ผู้กินผล เนื้อหาต่อไปนี้จะมุ่งเน้นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผลปีศาจชนิดนี้เท่านั้น มิได้เสริมแต่งหรือคาดเดาใดๆเพิ่มเติม
พลังแห่งความเย็น: ผู้ที่กินผลฮิเอะฮิเอะ สามารถเปลี่ยนร่างกายทั้งหมดและส่วนใดส่วนหนึ่งให้กลายเป็นน้ำแข็งได้อย่างอิสระ พลังนี้มีความหลากหลายในการใช้งาน ดังนี้
- ร่างน้ำแข็ง: เปลี่ยนร่างกายทั้งหมดเป็นน้ำแข็ง เพิ่มความทนทานต่อการโจมตีทางกายภาพ
- อาวุธน้ำแข็ง: สร้างอาวุธต่างๆ จากน้ำแข็ง เช่น ดาบ ขวาน ธนู เพิ่มพลังโจมตี
- ควบคุมอุณหภูมิ: ลดอุณหภูมิโดยรอบ ส่งผลต่อสภาพแวดล้อมและศัตรู
- แช่แข็งศัตรู: เพียงแค่สัมผัส ศัตรูจะถูกน้ำแข็งกัดกร่อนและแช่แข็ง
รูปแบบการโจมตี: ผู้กินผลฮิเอะฮิเอะ มีรูปแบบการโจมตีที่รุนแรงและหลากหลาย ตัวอย่างเช่น
- ระเบิดน้ำแข็ง: ยิงกระสุนน้ำแข็ง ปล่อยคลื่นน้ำแข็งโจมตีเป็นวงกว้าง
- กับดักน้ำแข็ง: สร้างพื้นที่น้ำแข็งลื่น ชะลอการเคลื่อนไหวของศัตรู
- กำแพงน้ำแข็ง: สร้างกำแพงป้องกันจากน้ำแข็ง ทนทานต่อการโจมตี
ข้อจำกัด: แม้พลังน้ำแข็งจะรุนแรง แต่ก็มีข้อจำกัด ดังนี้
- จุดอ่อนความร้อน: ผู้กินผลฮิเอะฮิเอะ แพ้ไฟและความร้อนรุนแรง
- การแปรสภาพ: ต้องใช้พลังงานในการเปลี่ยนร่างและรักษาสภาพน้ำแข็ง
- ความอ่อนไหวต่อน้ำทะเล: เช่นเดียวกับผลปีศาจทั่วไป ผู้กินผลฮิเอะฮิเอะ จะอ่อนแรงลงเมื่ออยู่ในน้ำทะเล
ผู้ครอบครอง:
- อิโอคิจิ อดีตพลเรือเอกแห่งกองทัพเรือ
- อาโอคิจิ (เดิม) อดีตพลเรือเอกแห่งกองทัพเรือ
3. ผลโทริ โทริ โมเดล ฟีนิกซ์ (Tori Tori no Mi: Model Phoenix)
ผลโทริ โทริ โมเดล ฟีนิกซ์ หรือ “โทริโทริโนมิ โมเดล ฟีนิกซ์” เป็นผลปีศาจสายโซออน (Zoan) ในตำนานของมังงะและอนิเมะ One Piece ซึ่งมอบพลังอันน่าทึ่งที่เกี่ยวข้องกับฟีนิกซ์ มูลบทนี้จะเจาะลึกข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผลปีศาจชนิดนี้โดยปราศจากการแต่งเติมหรือคาดเดา
พลังแห่งฟีนิกซ์: ผู้ที่กินผลโทริโทริ โมเดล ฟีนิกซ์ ได้รับพลังพิเศษหลายประการ ดังนี้
- การแปลงร่าง: สามารถแปลงร่างเป็นฟีนิกซ์ในรูปแบบต่างๆ ทั้งร่างปกติ ร่างครึ่งคนครึ่งฟีนิกซ์ และร่างฟีนิกซ์สมบูรณ์
- การบิน: บินได้อย่างอิสระในท้องฟ้าด้วยปีกอันทรงพลัง ทะยานเหนือข้าศึกและโจมตีจากมุมสูง
- เปลวเพลิง: สร้างและควบคุมเปลวเพลิงจากร่างกาย โจมตีศัตรู เผาทุกสิ่งให้มอดมลาย
- การฟื้นคืนชีพ: ฟื้นคืนชีพได้หลังจากตาย ประดุจฟีนิกซ์ผงพวยจากกองเถ้า สามารถทนทานต่อบาดแผลร้ายแรงได้อย่างน่าทึ่ง
รูปแบบการต่อสู้: พลังฟีนิกซ์ที่หลากหลายทำให้ผู้กินผลโทริโทริ โมเดล ฟีนิกซ์ มีสไตล์การต่อสู้ที่น่าเกรงขาม ตัวอย่างเช่น
- การโจมตีทางอากาศ: โฉบลงจากฟ้าโจมตีด้วยกรงเล็บ เผาไหม้ศัตรูด้วยเปลวเพลิง
- การต่อสู้ระยะประชิด: ใช้ทักษะการต่อสู้แบบมวยไทยผสานกับพลังฟีนิกซ์ เพิ่มความรุนแรง
- กลยุทธ์การเผาผลาญ: สร้างเพลิงไฟขนาดใหญ่ ล้อมกรอบศัตรู คุมพื้นที่การรบ
ข้อจำกัด: แม้พลังฟีนิกซ์จะทรงพลังแต่ก็มีข้อจำกัด ดังนี้
- การอ่อนไหวต่อน้ำทะเล: เช่นเดียวกับผลปีศาจทั่วไป ผู้กินผลโทริโทริ โมเดล ฟีนิกซ์ จะอ่อนแรงลงเมื่ออยู่ในน้ำทะเล
- การฟื้นคืนชีพจำกัด: การฟื้นคืนชีพขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายและความรุนแรงของบาดแผล
- จุดอ่อนเฉพาะตัว: อาจจะมีจุดอ่อนเฉพาะตัวที่ศัตรูสามารถใช้โจมตีได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับผู้ครอบครองผลปีศาจ
ผู้ครอบครอง: ในเนื้อเรื่อง One Piece ยังไม่เคยปรากฏผู้ครอบครองผลโทริโทริ โมเดล ฟีนิกซ์ อย่างเป็นทางการ
2. ผลโกมุโกมุ (Gomu Gomu no Mi)
ผลโกมุโกมุ หรือ “โกมุโกมุโนมิ” เป็นผลปีศาจสายพารามีเซีย (Paramecia) ในมังงะและอนิเมะ One Piece ที่มอบพลังยืดหยุ่นเหนือธรรมชาติให้แก่ผู้กินผล โดยเนื้อหานี้จะมุ่งเน้นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผลปีศาจชนิดนี้เท่านั้น
พลังยืดหยุ่น: ผู้ที่กินผลโกมุโกมุ สามารถยืดขยับร่างกายทุกส่วนได้อย่างอิสระราวกับยาง ความยืดหยุ่นนี้ไร้ขีดจำกัด ไม่มีจุดแตกหัก
- ยืดแขนยืดขา: โจมตีศัตรูจากระยะไกล คว้าจับวัตถุที่อยู่ไกลเกินเอื้อม
- พองตัว: หลบหลีกการโจมตี ป้องกันแรงกระแทก
- บิดเบือนร่างกาย: หลบหลีกการโจมตีแบบเฉียดฉิว สร้างท่าโจมตีแปลกใหม่
รูปแบบการโจมตี: พลังยืดหยุ่นนำไปสู่รูปแบบการโจมตีที่หลากหลาย เช่น
- หมัดยาง: โจมตีศัตรูด้วยหมัดพลังทำลายล้างสูง
- ปืนยาง: ยืดแขนปล่อยหมัดเหมือนปืนใหญ่
- งูยาง: พุ่งตัวทะลวงผ่านช่องแคบ โจมตีแบบไม่คาดคิด
- บ่วงยาง: จับกุมศัตรูด้วยแขนที่ยืดยาว
เกียร์ (Gear): ลูฟี่ผู้กินผลโกมุโกมุ พัฒนาเทคนิค “เกียร์” ที่เพิ่มพลังโจมตีและความเร็ว
- เกียร์ 2: เสริมเลือดสูบพลังเข้าสู่ร่างกาย เพิ่มความเร็วและความแข็งแกร่ง
- เกียร์ 3: พองร่างกายให้ใหญ่โต เพิ่มพลังโจมตีทำลายล้าง
- เกียร์ 4: เทคนิคการต่อสู้รูปแบบใหม่ พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ
ข้อจำกัด: แม้พลังยืดหยุ่นจะไร้ขีดจำกัด แต่ก็มีข้อจำกัด ดังนี้
- การใช้พลังมากเกินไป: อาจทำให้ร่างกายล้า หมดแรง
- การโจมตีแบบฟาดฟัน: พลังโจมตีอาจไม่รุนแรงเท่าผลปีศาจสายอื่น
- ความอ่อนไหวต่อน้ำทะเล: เช่นเดียวกับผลปีศาจทั่วไป ผู้กินผลโกมุโกมุ จะอ่อนแรงลงเมื่ออยู่ในน้ำทะเล
ผู้ครอบครอง: ลูฟี่ มอนกี้ ดี กัปตันโจรสลัดหมวกฟาง เป็นผู้ครอบครองผลโกมุโกมุ
1. ผลยามิยามิ (Yami Yami no Mi)
ผลยามิยามิ (Yami Yami no Mi) หรือ “ผลความมืด” เป็นผลปีศาจสายโรเกีย (Logia) อันทรงพลังและลึกลับจากมังงะและอนิเมะ One Piece เนื้อหานี้จะมุ่งเน้นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผลปีศาจชนิดนี้ ไร้ซึ่งการเสริมแต่งหรือคาดเดา
พลังแห่งความมืด: ผู้ที่กินผลยามิยามิ สามารถเปลี่ยนร่างกายเป็นความมืดมหึมา ควบคุมและสร้างเงาได้ตามต้องการ พลังที่โดดเด่น ได้แก่
- กลืนทุกสรรพสิ่ง: เงาของผลยามิยามิ สามารถดูดกลืนวัตถุ สิ่งมีชีวิต และแม้กระทั่งพลังโจมตี ใดๆ ก็ตามที่สัมผัสเข้าไป
- ความว่างเปล่าที่ไร้ที่สิ้นสุด: ร่างกายที่เป็นความมืดสามารถกลายเป็นมิติไร้ขอบเขต ดูดกลืนศัตรูเข้าไปในความว่างเปล่า
- เสริมพลังทำลายล้าง: ความมืดของผลยามิยามิ ช่วยเสริมพลังโจมตี เพิ่มความรุนแรงของการต่อสู้
รูปแบบการโจมตี: พลังความมืดมอบทางเลือกโจมตีหลากหลายแก่ผู้ใช้ เช่น
- เงาสะลับฟัน: เปลี่ยนตำแหน่งกับเงาของศัตรู สับสนคู่ต่อสู้และสร้างโอกาสโจมตี
- กำมือความมืด: สร้างเงาขนาดใหญ่บีบรัดศัตรู ทำลายล้างวัตถุที่เข้าใกล้
- หลุมดำแห่งความมืด: สร้างจุดศูนย์กลางความมืดดูดกลืนทุกสิ่ง รุนแรงถึงขั้นทำลายเกาะได้
ข้อจำกัด: แม้ทรงพลัง ผลยามิยามิ ก็มีข้อจำกัดสำคัญ
- พลังแสงสว่างเป็นจุดอ่อน: ความมืดจะถูกแสงสว่างทำให้อ่อนลง ส่งผลต่อประสิทธิภาพการควบคุม
- ร่างกายยังคงโดนโจมตีได้: เงาอาจป้องกันการโจมตีบางส่วน แต่ตัวผู้ใช้ผลยามิยามิเองยังคงได้รับบาดเจ็บได้
- การแช่แข็ง: หากถูกอาวุธหรือพลังแช่แข็งสัมผัส เงาจะแข็งตัวสูญเสียความยืดหยุ่น
ผู้ครอบครอง: ในเนื้อเรื่อง One Piece ผลยามิยามิ เคยอยู่ในครอบครองของ “แบล็คเบียร์ด มาร์แชล ดี ทีช” ปัจจุบันยังคงอยู่ในครอบครองของเขา
ทิ้งท้าย
ผลปีศาจเป็นพลังอันทรงพลังที่หายากและทรงคุณค่าในโลกวันพีช ผู้ใช้ผลปีศาจจะได้รับพลังพิเศษตามสายผลที่กินเข้าไป ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 3 สายหลัก ได้แก่ สายธรรมชาติ สายโซออน และสายพารามีเซีย
จากการจัดอันดับ 10 อันดับพลังผลปีศาจที่ทรงพลังที่สุดในวันพีช จะเห็นได้ว่าผลปีศาจสายธรรมชาติเป็นสายที่ทรงพลังที่สุด เนื่องจากมีพลังที่สามารถเปลี่ยนแปลงร่างกายให้เป็นสสารตามธรรมชาติได้ เช่น ผลกุระ กุระ ของเอ็ดเวิร์ด นิวเกต ที่สามารถเปลี่ยนร่างกายให้เป็นยางได้ หรือผลยามิ ยามิ ของมาร์แชล ดี ทีช ที่สามารถควบคุมความมืดได้
ผลปีศาจสายโซออนก็เป็นอีกหนึ่งสายที่ทรงพลังเช่นกัน เนื่องจากมีพลังที่สามารถแปลงร่างเป็นสัตว์ต่างๆ ได้ เช่น ผลอุโอะ อุโอะ ของสัตว์อสูรไคโด ที่สามารถแปลงร่างเป็นมังกรได้ หรือผลโซรุ โซรุ ของชาล็อต หลินหลิน ที่สามารถแปลงร่างเป็นมนุษย์หินได้
ส่วนผลปีศาจสายพารามีเซียนั้นก็มีพลังที่หลากหลายและแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับผลที่กินเข้าไป เช่น ผลพิเกะ พิเกะ ของพลเรือเอกคิซารุ ที่สามารถแปลงร่างเป็นดาบได้ หรือผลฮิเอะ ฮิเอะ ของอาโอคิยิ ที่สามารถควบคุมน้ำแข็งได้
แน่นอนว่าการจัดอันดับนี้เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้น ความคิดเห็นของแต่ละคนอาจมีแตกต่างกันออกไป อย่างไรก็ดี ผลปีศาจทุกผลล้วนมีพลังอันทรงพลังที่สามารถพลิกผันสถานการณ์ได้ทั้งสิ้น
สำหรับแฟนๆ วันพีชที่สนใจเกี่ยวกับผลปีศาจ สามารถติดตามข่าวสารเกี่ยวกับผลปีศาจใหม่ๆ ได้ที่เว็บไซต์ของเรา หรือติดตามชมตอนใหม่ๆ ของวันพีชเพื่อดูว่าผลปีศาจใหม่ๆ เหล่านี้จะมีพลังอย่างไรบ้าง
นอกจากนี้ หากท่านใดมีความคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการจัดอันดับนี้ สามารถแจ้งมาได้ที่เว็บไซต์ของเราได้ เราจะนำความคิดเห็นของท่านมาพิจารณาและปรับปรุงการจัดอันดับต่อไป
เรื่องที่เกี่ยวข้อง:
- รีวิวซีรีส์ One Piece (วันพีช) การผจญภัยของโจรสลัดสุดมันส์!
- 50 อนิเมะยอดนิยมบน Netflix ในตอนนี้ ห้ามพลาด!
- แนะนํา 30 อนิเมะต่อสู้ ที่ดีที่สุดที่ต้องดู!
- แนะนํา 30 อนิเมะแฟนตาซี ที่ดีที่สุดตลอดกาล!