จับนายแบบ บูมจิรัชพิสิษฐ์
บูม จิรัชพิสิษฐ์ จารวิจิต นายแบบ-ดาราวัยรุ่นสิ้นท่า ถูกกองปราบฯบุกจับ แจ้งข้อหาร่วมฟอกเงิน หลอกลวงนักธุรกิจชาวฟินแลนด์ร่วมลงทุนสกุลเงินดิจิตอล สูญเงินบิตคอยน์ไปร่วม 700 ล้านบาท พร้อมออกหมายจับล่าพี่ชาย-พี่สาว และเตรียมออกหมายจับอีก 4 คน ซึ่งเป็นเจ้าพ่อตลาดหุ้นเมืองไทย คาดทำเป็นขบวนการ ผบก.ป.ยันบูมมีส่วนเกี่ยวข้อง ร่วมหลอกลวง แถมยังโอนเงินให้ครอบครัวกว่า 400 ล้านบาท มี 30 ล้านโอนไปยังต่างประเทศด้วย ขณะที่เจ้าตัวให้การปฏิเสธ อ้างเป็นบัญชีพี่ชาย
พนักงานสอบสวนกองปราบปราม รับแจ้ง จากนายอาร์นี ออตตาวา ซาอ์ริมาอ์ ชาวฟินแลนด์ ผู้เสียหายว่า เมื่อประมาณมิ.ย. 2560 รู้จักกับกลุ่มผู้ต้องหา ซึ่งเป็นกลุ่มที่ชอบการลงทุนในสกุลเงินดิจิตอลเหมือนกัน จากนั้นติดต่อเรื่องการลงทุนธุรกิจกันเรื่อยมา
ต่อมาผู้เสียหายถูกชักชวนให้ลงทุนประกอบธุรกิจประเภท ซื้อ-ขาย สกุลเงินดิจิตอล ในชื่อ ดราก้อน คอยน์ (DRG) โดยการซื้อหุ้นของบริษัท เอ็กซ์เปย์ ซอฟท์แวร์ จำกัด, NX Chain Inc. และหุ้นของบริษัทดีเอ็นเอ 2002 จำกัด (มหาชน) อ้างว่าเป็นบริษัทที่สามารถทำกำไรได้สูง จึงหลงเชื่อร่วมลงทุนด้วยการโอนเหรียญบิตคอยน์ (สกุลเงินดิจิตอล) จำนวน 5,564.44650956 เหรียญ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 797,408,454.33 ไปยังกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (E-wallet) ของกลุ่มผู้ต้องหา และพวกที่เปิดร่วมกันเพื่อรองรับการโอนเงิน
หลังจากโอนเงินดิจิตอลไปแล้ว กลุ่มผู้ต้องหาถอนเงินสกุลบิตคอยน์ไปขายแปลงเป็นเงินสกุลไทย ก่อนที่จะโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารพาณิชย์ที่เปิดรองรับไว้ จากนั้นกลุ่มผู้ต้องหาโอนเงินที่ได้มาแบ่งให้กับผู้ร่วมขบวนการแต่ละคน โดยแต่ละคนจะได้รับเงินไม่เท่ากัน
ต่อมาหลังจากผู้เสียหายจ่ายเงินสกุล บิตคอยน์ไปแล้ว ปรากฏว่าไม่ได้รับหุ้นตามจำนวนที่ตกลงกันไว้ นอกจากนี้ยังพบว่าเงินที่ลงทุน ไม่ได้ถูกนำไปลงทุนตามที่กลุ่มผู้ต้องหากล่าวอ้าง จึงทวงถาม แต่กลุ่มผู้ต้องหาก็บ่ายเบี่ยงมาตลอด ก่อนที่จะรู้ตัวว่าถูกหลอกและเข้าแจ้งความดังกล่าว
หลังรับแจ้งความ พนักงานสอบสวนตรวจสอบเส้นทางการเงินของกลุ่มผู้ต้องหา พบว่ามีการโอนเงินสกุลบิตคอยน์มายังบัญชีของ ผู้ต้องหากับพวกจริง อีกทั้งยังพบว่ากลุ่มผู้ต้องหา มีการแบ่งเงินกันโดยการโอนผ่านธนาคารพาณิชย์ไปเข้าบัญชีต่างๆ ของผู้ร่วมขบวนการ เจ้าหน้าที่จึงรวบรวมหลักฐานก่อนขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ต้องหากลุ่มแรก 3 ราย กระทั่งเข้าจับกุมนายจิรัชพิสิษฐ์ หรือบูม เป็นคนแรก ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือทราบว่าขณะนี้ยังอยู่ที่ต่างประเทศ
พล.ต.ต.ไมตรี เปิดเผยว่า
เรื่องที่เกิดขึ้นก็น่าเห็นใจทางครอบครัวของบูม เพราะเป็นครอบครัวที่มีฐานะทางสังคม เป็นเจ้าของร้านอาหารอยู่ที่จ.ชลบุรี แต่การกระทำของพี่ชายของบูมที่ไปโกงเขามา แล้วก็เอาเงินมาโอนมาให้พ่อแม่พี่น้อง ก็จะกลายเป็นว่าสร้างความเดือดร้อนให้ครอบครัวไปด้วย เบื้องต้นจากการสอบสวนพี่-น้องบางคน ก็มีส่วนรู้เห็น อย่างเช่นบูมก็มีส่วนรู้เห็นและพูดคุยร่วมหลอกลวงด้วย เนื่องจากมีหลักฐานที่ชัดเจน
พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รองผบก.ป.กล่าวว่า
“ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบเส้นทาง การเงินของกลุ่มผู้ต้องหาแล้วทั้งหมด 49 บัญชี หากหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงพ่อหรือแม่ของของนายจิรัชพิสิษฐ์ ก็จะต้องเรียกมาสอบสวน นอกจากนี้พบว่ามีการโอนเงินออกไปยังต่างประเทศประมาณ 30 ล้านบาทอีกด้วย”
เบื้องต้นสอบสวน นายจิรัชพิสิษฐ์ ให้การปฏิเสธ อ้างว่าบัญชีดังกล่าวเป็นของพี่ชายตนเองซึ่งไม่มีส่วนรู้เห็น ขณะนี้พนักงานสอบ สวนกำลังสอบปากคำเพิ่มเติม โดยวันพรุ่งนี้จะควบคุมตัวส่งฝากขังต่อศาลอาญาต่อไป
ส่วนนายปริญญา ซึ่งเป็นพี่ชายของนาย จิรัชพิสิษฐ์ได้เดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว ส่วนน.ส.สุพิชย์ฌาติดต่อขอเข้ามอบตัวกับ เจ้าหน้าที่แล้ว
ประวัติ บูมจิรัชพิสิษฐ์
บูม จิรัชพิสิษฐ์ จารวิจิต นักแสดงดาวรุ่ง ปัจจุบันอายุ 27 ปี จบการศึกษาจาก คณะวิศวกรรมไฟฟ้า มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ เริ่มเข้าวงการเป็นที่รู้จัก มีผลงานถ่ายแบบนิตยสารมากมาย รวมถึงแจ้งเกิดจากการรับบท หมอนัท บทชายรักชาย ในซีรีส์ “สงครามแย่งผู้ To be continued ตอนลงเอย” เมื่อปี พ.ศ. 2559 , แทนกาย บทหนุ่มแบดบอย จาก Bad Romance The Series ปี พ.ศ. 2559, ละคร นางอาย ทางช่อง 3 และผลงานการแสดงเรื่องล่าสุด บทบุญส่ง สายลับหนุ่มจากละครเรื่อง แนวสุดท้าย ที่เพิ่งออกอากาศไปเมื่อต้นปี พ.ศ. 2561 ทางช่อง GMM25 รวมถึงเอ็มวีเพลง แก้บน ของหนิม คนึงพิมพ์อีกด้วย นับเป็นอีกหนึ่งนักแสดงดาวรุ่งที่กำลังเป็นที่จับตามอง
บูมจิรัชพิสิษฐ์ IG – @bxxm_jj