ในนิทานเรื่องนี้ หนูตัวหนึ่งถูกหมาจิ้งจอกหลอกให้ตาย หมาจิ้งจอกแสร้งทำเป็นคนดีเพื่อหลอกให้หนูตายใจ หนูก็หลงเชื่อและถูกหมาจิ้งจอกกินในที่สุด
นิทานเรื่องนี้สอนให้เรารู้จักระมัดระวังตัวกับคนที่เราไม่รู้จัก อย่าไว้ใจใครง่ายๆ เพราะคนบางคนอาจแสร้งทำเป็นคนดีเพื่อหลอกให้เราตายใจ
หนูถูกหลอก
ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้า ประทับอยู่วัดเชตวัน เมืองสาวัตถี ทรงปรารภภิกษุผู้หลอกลวงรูปหนึ่ง ได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธกว่า…
กาลครั้งนานมาแล้ว พระโพธิสัตว์เกิดเป็นหนู มีตัวโตขนาดลูกหมู มีบริวาร 500 ตัว อาศัยอยู่ในป่าแห่งหนึ่ง มีหมาจิ้งจอกตัวหนึ่ง อาศัยอยู่ใกล้กับที่อยู่ของหนู คิดจะลวงกินหนู ในวันหนึ่ง มันจึงทำทียืนด้วยขาข้างเดียว อ้าปาก แหงนมอง จ้องดูดวงอาทิตย์อยู่
- หนูพระโพธิสัตว์ เห็นมันแล้วคิดว่า ” หมาจิ้งจอกตัวนี้คงจะเป็นผู้ทรงศีล ” จึงเดินเข้าไปใกล้ไต่ถามดูว่า “ท่านชื่ออะไร ? “หมาจิ้งจอกตอบว่า ” เราชื่อธรรมิกะ (ผู้ทรงธรรม)”
- หนู ” ทำไมท่านยืนเท้าเดียว ไม่ยืนทั้ง 4 เท้า ? “
- หมาจิ้งจอก ” ถ้าเรายืน 4 เท้า แผ่นดินจะไหว จึงยืนเท้าเดียว “
- หนู ” ทำไมท่านยืนอ้าปาก ? “
- หมาจิ้งจอก ” เราไม่กินอย่างอื่น กินลมเป็นอาหาร”
- หนู ” ทำไมท่านจ้องดูดวงอาทิตย์ ? “
- หมาจิ้งจอก ” เรานอบน้อมพระอาทิตย์ “
หนูเชื่อว่าหมาจิ้งจอกว่าเป็นผู้ทรงศีล จึงพากันบำรุงมันอยู่ ฝ่ายหมาจิ้งจอกก็จับหนูตัวสุดท้ายกินเป็นอาหารทุกวัน กินเสร็จก็เช็ดปากยืนต่อ เป็นเช่นนี้เรื่อยมาจนหนูลดน้อยลง
วันหนึ่ง หนูโพธิสัตว์คิดจะตรวจดูว่าหนูบริวารหายไปไหน จึงไปบำรุงหมาจิ้งจอกเป็นตัวสุดท้าย พอได้โอกาสหมาจิ้งจอกก็จับหนูโพธิสัตว์ไว้เพื่อจะกิน หนูรู้เรื่องราวทั้งปวง จึงกล่าวคาถาว่า
” ผู้ใด กล่าวเชิดชูธรรมให้เป็นธงชัย ล่อลวง ให้สัตว์ทั้งหลายตายใจแล้วซ่อนตนประพฤติชั่ว ความประพฤติของผู้นั้น ชื่อว่า เป็นความประพฤติของแมว “
หนูพูดพลางก็กระโดดเกาะคอหมาจิ้งจอกกัดที่ซอกคอมันตายทันที ฝูงหนูได้กลับมากัดกินหมาจิ้งจอกเป็นอาหาร และอยู่สุขสบายสืบมา
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
เล่ห์เหลี่ยมของคนมีมาก ก่อนจะเชื่อใครควรศึกษาให้ถ่องแท้