ในสมัยพุทธกาล มีปลาสามตัวเป็นเพื่อนสนิทกัน อาศัยอยู่ในป่าลึกแห่งหนึ่ง วันหนึ่ง พวกเขาถูกกระแสน้ำพัดพามายังถิ่นมนุษย์ ปลาทั้งสองตัวแรกคือ พหุจินตี และ อัปปจินตี ตื่นเต้นกับสิ่งใหม่ ๆ ที่อยู่รอบตัว จึงลืมตัวว่าอยู่ในพื้นที่อันตราย พวกเขาเพลิดเพลินกับการกินอาหารและเที่ยวเล่นจนลืมเวลา จนกระทั่งชาวประมงวางข่ายดักปลา พวกเขาจึงติดข่ายและตกอยู่ในอันตราย
ปลาเจ้าปัญญา
ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้า ประทับอยู่วัดเชตวัน เมืองสาวัตถี ทรงปรารภภิกษุผู้เฒ่า 2 รูป ที่ผลัดวันประกันพรุ่ง เป็นผู้เกียจคร้าน ได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธกว่า…
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีปลา 3 ตัว เป็นสหายกันชื่อว่า พหุจินตี อัปปจินตี และมิตจินตี ตามลำดับ พากันว่ายออกจากป่าลึกเข้ามาใกล้ถิ่นมนุษย์หากิน
ปลามิตจินตีบอกกับเพื่อนๆว่า ” ถิ่นมนุษย์เต็มไปด้วยภัย พวกชาวประมงพากันดักข่ายและไซพวกเรา เข้าป่าลึกตามเดิมเถอะเพื่อน ” ปลาอีก 2 ตัว พูดว่า ” วันพรุ่งนี้ พวกเราค่อยไปเถิด ” เพราะความเกียจคร้านและติดใจในเหยื่อจนเวลาล่วงไปถึง 3 เดือน
ชาวประมง ได้เริ่มวางข่ายดักปลาในแม่น้ำ ปลาพหุจินตีและอัปปจินตี เมื่อออกหาอาหารพากันว่ายไปข้างหน้าอย่างไม่ระวัง ก็ว่ายเข้าไปในท้องข่ายทันที ส่วนปลามิตจินตี มาทีหลังได้กลิ่นข่ายก็ทราบว่าเพื่อนอีก 2 ตัว ติดข่ายแล้ว จึงช่วยเพื่อนด้วยการแสดงลวงให้ชาวประมงเข้าใจว่าข่ายขาดปลาหนีไปได้ ด้วยการกระโดดข้ามข่ายไปมา พวกชาวประมงจึงยกข่ายขึ้นด้วยเข้าใจว่าข่ายขาด ปลาอีก 2 ตัว จึงรอดออกมาได้ ด้วยการช่วยเหลือของปลามิตจินตี
พระพุทธองค์ เมื่อตรัสเล่าอดีตนิทานแล้ว ได้ตรัสพระคาถาว่า
” ปลาชื่อพหุจินตีและปลาชื่ออัปปจินตี ทั้ง 2 ตัวติดอยู่ในข่าย ปลาชื่อมิตจินตีได้ช่วย ให้หลุดพ้นจากข่าย ปลาทั้ง 2 ตัว จึงได้มาพร้อมกันกับปลามิตจินตี ในแม่น้ำนั้น “
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
ไม่ควรผลัดวันประกันพรุ่ง เพราะจะทำให้เกิดผลร้ายมากกว่าผลดี