หญิงเป็นเพศที่ลึกลับและน่าค้นหาเสมอ นิทานชาดกได้กล่าวถึงลักษณะของหญิงเอาไว้มากมาย บ้างก็ว่าหญิงช่างเจ้าชู้ บ้างก็ว่าหญิงช่างพูด บ้างก็ว่าหญิงช่างอิจฉา บทนำนี้จะพาคุณไปรู้จักกับนิทานชาดกว่าด้วยลักษณะของหญิง จะได้เข้าใจเพศตรงข้ามมากขึ้น
ลักษณะของหญิง
ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู่วัดเชตวันเมืองสาวัตถี ทรงปรารภภิกษุผู้กระสันอยากสึกเพราะหญิงรูปหนึ่ง ได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธกว่า…
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในเมืองพาราณสี มีฤาษีอยู่ตนหนึ่งสร้างอาศรมอยู่ริมฝั่งแม่น้ำคงคา มีลูกสาวของเศรษฐีตระกูลหนึ่งชื่อทุษฐกุมารี เป็นหญิงดุร้าย หยาบช้า มักด่า มักทุบตีพวกทาสคนรับใช้เสมอ
วันหนึ่ง ลูกสาวของเศรษฐีและบริวารพากันไปเล่นน้ำในแม่น้ำคงคาจนตะวันตกดิน ขณะนั้นได้มีลมฝนตั้งเค้าขึ้น ผู้คนพากันวิ่งหนีกลับบ้านหมด เหลือแต่ลูกสาวเศรษฐีและผู้รับใช้เท่านั้น พวกทาสรับใช้ด้วยความชิงชังในตัวลูกสาวเศรษฐีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงพากันปล่อยให้นางอยู่คนเดียวหนีกลับไปบ้านหมด พอถึงบ้าน เศรษฐีถามหาลูกสาว ก็ตอบว่า “นางมาก่อนพวกตนแล้ว ไม่รู้ว่านางไปไหน” พวกญาติ ๆ พากันออกติดตามค้นหาก็ไม่พบ
ฝ่ายลูกสาวเศรษฐีถูกลมฝนพัดลอยไปตามน้ำ ร้องไห้เสียงดังไปทางอาศรมของฤาษี ฤาษีได้ยินเสียงคนร้องไห้ จึงออกไปช่วยนางขึ้นมาจากน้ำ ให้ผิงไฟ หาผลไม้ให้กิน และถามถึงสาเหตุที่ตกน้ำ นางจึงเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้ฟัง เนื่องจากมีอาศรมอยู่หลังเดียว ฤาษีจึงให้นางพักในอาศรม ส่วนตนเองออกไปอยู่กลางแจ้ง
เวลาผ่านไปสองสามวัน ฤาษีจึงบอกให้นางกลับบ้าน ฝ่ายลูกสาวเศรษฐีกลับคิดจะทำลายศีลของฤาษี และพากลับไปบ้านด้วยจึงไม่ยอมกลับบ้าน ตั้งแต่วันนั้นมานางจึงแสดงมายาหญิงยั่วยวนจนฤาษีเสียศีลเสื่อมฌานในอีกสองวันต่อมา ดาบสได้ชวนเธออยู่ในป่า นางไม่ยอมจะไปอยู่ในหมู่บ้าน จึงชวนกันไปอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งทำการค้าขายเลี้ยงชีพ เพราะดาบสขายเปรียง (น้ำมันชนิดหนึ่ง) เลี้ยงชีพ ชาวบ้านจึงเรียกเขาว่า ตักกบัณฑิต
วันหนึ่ง มีโจรป่ากลุ่มหนึ่ง ลงจากเขามาปล้นหมู่บ้านได้จับเอาตัวลูกสาวเศรษฐีขึ้นเขาไปด้วย หัวหน้าโจรพอใจในตัวนางจึงแต่งนางเป็นภรรยา ฝ่ายตักกบัณฑิตด้วยความรักในภรรยาจึงคอยนางอยู่ที่บ้าน หวังว่าวันหนึ่งโจรจะปล่อยนางลงมา ส่วนลูกสาวเศรษฐีมีความสุขอยู่กับโจรกลัวว่าตักกบัณฑิตจะมานำนางกลับไปจึงวางแผนฆ่าเขา ด้วยการส่งคนไปบอกตักกบัณฑิตขึ้นมารับนางกลับบ้าน ในขณะที่พวกโจรไม่อยู่บ้าน พอตักกบัณฑิตมารับนางก็เหนี่ยวรั้งเอาไว้ให้ถึงกลางคืนแล้วค่อยหนีไปด้วยกัน จึงให้ตักกบัณฑิตขึ้นไปซ่อนตัวอยู่ในยุ้งข้าว
พอตกเย็นหัวหน้าโจรกลับมาถึงบ้านด้วยอาการเมา นางจึงบอกเขาว่า “พี่ ศัตรูของพี่ แอบซ่อนตัวอยู่ในยุ้งข้าวนี้เอง” หัวหน้าโจรจึงถือเอาดาบเดินไปที่ยุ้งข้าว ชกตักกบัณฑิตล้มลงเตะต่อยจนหนำใจ ส่วนตักกบัณฑิตขณะที่ถูกเตะถูกต่อยได้แต่พูดว่า
“ขี้โกรธ อกตัญญู ชอบส่อเสียดประทุษร้ายมิตร” อย่างเดียวเท่านั้น มิได้พูดอย่างอื่น โจรจับเขามัดไว้แล้วกินข้าวเย็นเสร็จก็เข้านอน ตื่นเช้าขึ้นมาสร่างเมา ก็เริ่มเตะ ต่อยและโบยตักกบัณฑิตอีก เขาก็กล่าวเพียง 4 คำนั้น โจรแปลกใจจึงถามว่า “ท่านพูดอะไร ไม่เห็นพูดอย่างอื่น”
ตักกบัณฑิต จึงเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้โจรฟัง โจรจึงคิดว่า “นางคนนี้ชั่วรายนัก ชายคนนี้มีคุณธรรม นางยังคิดจะฆ่าเสีย ถึงตัวเรา วันหนึ่งนางก็ต้องฆ่า”
จึงตัดสินใจฆ่านาง ด้วยการเดินไปปลุกลูกสาวเศรษฐีให้มาจับมือตักกบัณฑิตไว้ ชักดาบออกทำทีว่าจะฟันตักกบัณฑิตกลับฟันนางตายคาที่ ส่วนโจรและตักกบัณฑิตตัดสินใจบวชเป็นฤาษีต่อไป
พระพุทธองค์ ได้ตรัสเล่าอดีตนิทานแล้ว จึงตรัสพระคาถาว่า “ธรรมดาหญิงมีนิสัยมักโกรธ อกตัญญู มักพูดส่อเสียด ชอบทำลายมิตร ภิกษุ เธอจงประพฤติพรหมจรรย์เถิด จักไม่เสื่อมจากสุข”
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน แม้กระทั่งภรรยา