กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีพ่อค้าคนหนึ่งมีโคหนุ่มสองพี่น้อง ช่วยทำงานอย่างขยันขันแข็ง เลี้ยงดูครอบครัวเป็นอย่างดี แต่พ่อค้ากลับเลี้ยงดูหมูตัวหนึ่งอย่างทะนุถนอม โดยไม่สนใจว่าหมูนั้นไม่ได้ทำงานอะไรเลย เรื่องนี้ทำให้โคหนุ่มทั้งสองพี่น้องไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง
หมูมุณิกะ
ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้า ประทับอยู่วัดเชตวัน เมืองสาวัตถี ทรงปรารภการประเล้าประโลมของเด็กหญิงอ้วนคนหนึ่ง ได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธกว่า…
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในเมืองพารณาสี ที่บ้านพ่อค้าคนหนึ่ง มีโคหนุ่มสองพี่น้อง โคพี่ชื่อมหาโลหิต(แดงใหญ่) โคน้องชื่อจูฬโลหิต (แดงเล็ก) ได้ช่วยทำงานภาระกิจการของพ่อค้าเป็นอย่างดี และในบ้านนั้นยังมีหมูตัวหนึ่งชื่อมุณิกะ
พ่อค้ามีลูกสาวอยู่คนหนึ่ง ซึ่งมีกำหนดจะเข้าพิธีวิวาห์ในอีกหลายเดือนข้างหน้า พวกเขาจึงให้อาหารบำรุงหมูเพื่อให้เจริญเติบโตทันวันงานวิวาห์ เจ้าโคหนุ่มจูฬโลหิตเห็นเช่นนั้น เกิดความน้อยใจ จึงถามพี่ชายว่า
“ธุระการงานในตระกูล ดำเนินการไปได้ด้วยอาศัยเราสองพี่น้อง ผู้คนให้เพียงหญ้าและใบไม้เท่านั้น กลับไปบำรุงหมูผู้ไม่ได้ทำอะไรเลย ทำไม ?”
ผู้พี่ชายกล่าวว่า “เจ้าอย่าไปริษยาอาหารของหมูเลย เพราะหมูกำลังบริโภคอาหารเป็นเหตุตายในวันวิวาห์ของลูกสาวพ่อค้า”
แล้วกล่าวเป็นคาถาว่า
“เธออย่าริษยาหมูมุณิกะเลย มันกินอาหารอันเป็นเหตุให้เดือดร้อน เธอจงเป็นผู้ขวนขวายน้อย กินแต่แกลบเถิด นี่เป็นลักษณะแห่งความเป็นผู้มีอายุยืน”
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
ไม่ควรกินอาหารที่ไม่มีประโยชน์แก่ร่างกาย