นิทานชาดก : คนชั่วสรรเสริญกันเอง สอนให้เรารู้ว่า คนชั่วจะสรรเสริญกันเอง โดยไม่คำนึงถึงความจริง ดังเช่น สุนัขจิ้งจอกกับกา ต่างสรรเสริญกันเอง ทั้งที่ทั้งคู่เป็นสัตว์ที่ชั่วร้าย นิทานเรื่องนี้สอนให้เรารู้จักแยกแยะคนดีคนชั่ว และอย่าหลงเชื่อคำสรรเสริญจากคนชั่ว
คนชั่วสรรเสริญกันเอง
ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู่วัดเชตวันเมืองสาวัตถี ทรงปรารภพระเทวทัตกับพระโกกาลิกะต่างสรรเสริญกันเอง ได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธก ว่า…
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว พระโพธิสัตว์เกิดเป็นรุกขเทวดาประจำอยู่ที่ต้นละหุ่ง ในบริเวณบ้านหลังหนึ่ง วันหนึ่งมีโคแก่ตัวหนึ่งในบ้านนั้นได้ตายลง เจ้าของบ้านได้ลากซากศพมันไปทิ้งเป็นอาหารสัตว์ไว้ที่ข้างต้นละหุ่งนั้น ต่อมาไม่นานมีสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งมาแทะกินเนื้อโคนั้นอยู่ และมีกาตัวหนึ่งบินมาจับที่ต้นละหุ่งนั้น ด้วยหวังจะกินเนื้อโคนั้นเช่นกัน จึงพูดยกย่องสุนัขจิ้งจอกขึ้นว่า
“ท่านพญาเนื้อ ผู้มีร่างกายเหมือนโคถึก มีความองอาจดังราชสีห์ ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแก่ท่าน ทำอย่างไร ข้าพเจ้าจักได้อาหารสักหน่อยหนึ่ง”
Advertisement
สุนัขจิ้งจอกได้ฟังคำยกย่องนั้นแล้วชื่นใจพูดตอบว่า
“กุลบุตรย่อมสรรเสริญกุลบุตรด้วยกัน ท่านกาผู้มีสร้อยคองามเด่นเช่นนกยูง เชิญท่านลงมาจากต้นละหุ่ง มากินเนื้อให้สบายใจเถิด”
รุกขเทวดาเห็นกากับสุนัขจิ้งจอกกล่าวยกย่องกันตามที่ไม่เป็นจริง จึงกล่าวคาถาว่า
“บรรดามฤคชาติทั้งหลาย สุนัขจิ้งจอกเป็นสัตว์เลวที่สุด บรรดาปักษีทั้งหลาย กาเป็นสัตว์ที่เลวที่สุด และบรรดารุกขชาติทั้งหลาย ต้นละหุ่งเป็นต้นไม้ที่เลวที่สุด ที่สุด 3 อย่าง มาประจวบกันเข้าแล้ว”
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
คนเลวยกย่องกันเอง ชื่อเสียงมักไม่ปรากฏ คนดียกย่องคนดีเหมือนกัน ชื่อเสียงย่อมปรากฏ