นกหัวขวานตายเพราะไม้แก่น เป็นนิทานชาดกที่สอนให้รู้ว่า อย่าอวดเก่งในสิ่งที่ตนเองไม่ชำนาญ นกหัวขวานตัวหนึ่งเคยอาศัยอยู่ในป่าไม้ทองหลาง ซึ่งไม้ในป่านั้นเนื้ออ่อนไม่มีแก่น นกหัวขวานจึงเจาะหาหนอนกินได้อย่างง่ายดาย วันหนึ่งนกหัวขวานบินมายังป่าไม้ตะเคียน ซึ่งไม้ในป่านั้นเนื้อแข็งมีแก่น นกหัวขวานเห็นว่าไม้ตะเคียนนั้นมีขนาดใหญ่จึงอยากจะเจาะหาหนอนกินบ้าง ถึงแม้ว่าเพื่อนนกหัวขวานจะเตือนว่าไม้ตะเคียนนั้นแข็ง แต่นกหัวขวานก็ไม่ฟัง สุดท้ายนกหัวขวานก็พยายามเจาะไม้ตะเคียนจนจะงอยปากหัก ตาทะลักออก และหัวแตกตายในที่สุด
นกหัวขวานตายเพราะไม้แก่น
ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู่วัดเชตวัน เมืองสาวัตถี ทรงปรารภพระเทวทัตผู้เลียนแบบอย่างพระองค์แล้วถึงความพินาศ ได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธก ว่า…
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว พระโพธิสัตว์เกิดเป็นนกหัวขวานชื่อขทิรวนิยะ เที่ยวหากินอาหารอยู่ในป่าไม้ตะเคียนแห่งหนึ่ง มีเพื่อนนกหัวขวานตัวหนึ่งชื่อกันทคลกะ เที่ยวหากินอาหารอยู่ในป่าไม้ทองหลางแห่งหนึ่ง
ในวันหนึ่ง นกกันทคลกะมาหานกขทิรวนิยะที่ป่าไม้ตะเคียน นกขทิรวนิยะดีใจที่เพื่อนมาเยี่ยมจึงพาเพื่อนไปที่ต้นตะเคียนต้นหนึ่ง ใช้จะงอยปากเคาะต้นตะเคียนคาบตัวหนอนให้พื่อนกินอย่างอร่อย หกกันทคลกะเห็นเพื่อนส่งอาหารมาให้กิน ก็คิดอยากจะลองหากินแบบเพื่อนดูบ้างจึงพูดขึ้นว่า “สหาย อย่าได้ลำบากเลย เราจะหากินในป่าตะเรียนด้วยตัวของเราเอง”
นกขทิรวนิยะพูดห้ามว่า “สหาย ท่านเคยหากินอยู่แต่ในเขตป่าไม้ไม่มีแก่น ไม้ตะเคียนเป็นไม้มีแก่น ท่านจะไหวหรือ ?”
นกกันทคลกะพูดว่า “เราก็นกหัวขวานเหมือนกันกับท่านนี่”
ว่าแล้วก็ผลุนผันไปเอาจะงอยปากเคาะต้นตะเคียนต้นหนึ่งสุดแรงเกิด ดัง “ป๊อก ๆ ๆ” ทันใดนั่นเองจะงอยปากของมันได้หักทันทีตาทะลักออก หัวแตกตกจากต้นไม้ลงพื้นดิน นอนดิ้นไปมาได้ร้องถามก่อนสิ้นใจว่า
สหาย ต้นไม้ที่มีใบละเอียด มีหนามนี้เป็นต้นอะไร เราเจาะเพียงครั้งเดียว ทำให้สมองไหลหัวแตกเสียแล้ว
นกขิทรวนิยะได้ร้องตอบเป็นคาถาว่า
“นกกันทคลกะ เมื่อเจาะหมู่ไม้ในป่าได้เคยเที่ยวเจาะแต่ไม้แห้งที่ไม่มีแก่น ภายหลังมาพบต้นตะเคียนซึ่งมีแก่นโดยธรรมชาติ ได้ทำลายกระหม่อมที่ต้นตะเคียนนั้นแล้ว”
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
อย่าอวดเก่งในสิ่งที่ตนเองไม่ชำนาญ